โคโจซ็อน ของ อาณาจักรโชซ็อนโบราณ

ชื่อโคโจซ็อนนี้กำหนดขึ้นโดยนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ ตามตำนานการสร้างประเทศเกาหลีกล่าวว่า เกาหลีในยุคสมัยเริ่มแรกเรียกว่าโชซ็อน แต่ในประวัติศาสตร์ยุคสมัยสุดท้ายก่อนที่เกาหลีจะเข้าสู่ยุคสมัยใหม่นั้นก็เรียกว่า โชซ็อน เช่นกัน จึงต้องมีการแบ่งแยกยุคสมัยทั้งสองออกจากกัน โชซ็อน ยุคแรกจึงต้องเรียกว่า โคโจซ็อน ซึ่งคำว่า โก แปลว่า เก่า หรือ โบราณ รวมกันจึงหมายถึง โชซ็อนโบราณ สมัยโคโจซ็อนนี้นับตั้งแต่ปี 1790 ก่อน พุทธศักราช จนกระทั่งถึง พ.ศ. 435 ในทางโบราณคดีนั้นจัดยุคสมัยโคโจซ็อนนี้อยู่ในยุคสำริด แต่ก้าวเข้าสู่ยุคเหล็กในช่วงปลายยุค จากหลักฐานที่ค้นพบเครื่องมือเครื่องใช้และถ้วยชามต่างๆ ของผู้คนในสมัยโคโจซ็อนก็บ่งบอกเช่นนั้น

ชาวโคโจซ็อนมีวัฒนธรรมของชุมชนที่ยังชีพด้วยการเพาะปลูก ในบันทึกของชาวจีนเคยมีการบันทึกและกล่าวถึงชาวโคโจซ็อนในสมัยราชวงศ์โจว และเรียกโคโจซ็อนว่าเป็นกลุ่มพวก นักรบคนเถื่อนแห่งตะวันออก ซึ่งในสมัยราชวงศ์โจว นี้มีกลุ่มชาวจีนเรียกว่าคนเถื่อนอยู่มากมายหลายกลุ่มที่อาศัยอยู่นอกเขตแดนที่ราบภาคกลางของจีน ซึ่งเป็นชนเผ่าเรร่อนอาศัยอยู่ในแถบมองโกเลียและแมนจูเรีย โคโจซ็อนที่มีเขตแดนติดต่อกับแมนจูเรีย จึงถูกเรียกรวมไปว่าเป็นพวกคนเถื่อน ถึงแม้ชาวโคโจซ็อนจะไม่ได้เป็นพวกเร่ร่อนก็ตาม

ในบันทึกของแคว้นฉี สมัยราชวงศ์โจวก็มีบันทึกถึงการติดต่อระหว่างแคว้นฉีและชาวโคโจซ็อน แคว้นนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามระหว่างทะเลป๋อไห่กับโคโจซ็อน และยังปรากฏอีกว่าในระหว่างเกิดสงครามระหว่างรัฐขึ้นในจีนปลายสมัยราชวงศ์โจว ช่วงระหว่าง พ.ศ. 68 ถึง พ.ศ. 322 คนจากแคว้นเอี๋ยนที่เป็นเขตติดต่อกันกับโคโจซ็อน ก็อพยพหลั่งไหลทะลักเข้าไปในโคโจซ็อนอย่างมากมายด้วยเช่นกัน

ในบันทึกประวัติศาสตร์อีกเล่มของเกาหลีที่มีชื่อว่า ฮวานดาน โกกิ อันเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่แตกต่างออกไปจากประวัติศาสตร์ทั่วไป ซึ่งกำลังได้รับการถกเถียงจากนักประวัติศาสตร์ทั่วไปถึงความถูกต้องบันทึกว่า หลังจากยุคสมัยของดันกุน วังกอม แล้วกษัตริย์ที่สืบบัลลังก์เป็นโอรสของพระองค์คือ ดันกุน ปูรู ขึ้นสืบต่อในปี 1697 ก่อนพุทธศักราช ก่อนที่ดันกุน ปูรู จะขึ้นเป็นกษัตริย์ เคยได้รับสั่งจากพระบิดาให้เดินทางไปเมืองจีนเพื่อไปพบกับเซี่ยหยู ซึ่งในระหว่างนั้นกำลังแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมให้กับพระเจ้าซุ่น ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายในตำนาน 5 กษัตริย์ยุคโบราณของจีน และดันกุน ปูรู นี่เองเป็นผู้บอกวิธีการสร้างฝายทดน้ำให้แก่เซี่ยหยู เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน จนต่อมาเซี่ยหยูได้รับสืบเป็นกษัตริย์ต้นราชวงศ์เซี่ย ราชวงศ์แรกของจีน ซึ่งหากยืนตามบันทึกแล้ว ก็ยังคงอิงกับตำนานเทพเจ้าเกาหลีเรื่อง พระเจ้าสร้างโลกด้วยเช่นกัน ยังกล่าวถึงยุคสมัยโคโจซ็อนว่ากษัตริย์สืบต่อกันถึง 45 พระองค์ จากปี 1790 ก่อนพุทธศักราช ถึงปี พ.ศ. 306

ในบันทึกประวัติศาสตร์ทางฝ่ายจีน ได้มีการกล่าวถึงเรื่องของจี้จื่อ ที่ในประวัติศาสตร์ฝ่ายเกาหลีเรียกว่า กีจา ได้เดินทางไปยังโคโจซ็อนในพ.ศ. 36 และยังได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ปกครองโคโจซ็อนต่อมาด้วยเช่นกัน ในประวัติศาสตร์จีนกล่าวถึงจี้จื่อว่าเป็นพระอาจารย์ของกษัตริย์ติ้ซิง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซางกษัตริย์พระองค์นี้เป็นกษัตริย์ทรราช จี้จือถูกจับคุมขังด้วยความไม่พอใจส่วนตัวของกษัตริย์ ต่อมาเมื่อราชวงศ์ซางล่มสลาย โจวอู่หวังผู้โคนล้มราชวงศ์ซางได้ขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์โจว จึงได้ปลดปล่อยจี้จื่อออกมา และเนรเทศออกจากแผ่นดินจีน จี้จื่อจึงได้พาคนจำนาน 5000 คน ออกจากจีน เดินทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือ จนกระทั่งมาสุดที่ดินแดนหนึ่งที่เรียกว่า เจ่าเซียน ซึ่งก็คือ โคโจซ็อน และด้วยความรู้ที่มีมากมาย จึงได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางที่นั้น จี้จื่อได้เป็นผู้สอนให้ชาวโคโจซ็อนได้เรียนรู้กับวัฒนธรรมของชาวจีน กระทั่งต่อมา จี้จื่อได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของชาวโคโจซ็อน เป็นต้นราชวงศ์จี้จื่อ หรือ กีจาโจซอน

ในเรื่องของชาวจีนที่ไปเป็นกษัตริย์ปกครองโคโจซ็อนนี้ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ของเกาหลีในสองยุคสมัย จึงมักทำให้สับสนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในยุคสมัยใดกันแน่ เหตุการณ์แรกคือเรื่องของ จี้จื่อ หรือ กีจา นี้เกิดในช่วงของโคโจซ็อนยุคกลาง ตรงกับยุคสมัยราชวงศ์โจว แต่อีกเหตุการณ์หนึ่งนั้นเกิดขึ้นสมัยโคโจซ็อนยุคปลาย ซึ่งตรงกับยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นของจีน เหตุการณ์ครั้งหลังนี้ยังนำมาสู่การก่อตั้งอาณาจักรแห่งใหม่ขึ้นอีกแห่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี ในประวัติศาสตร์ช่วงหลังนี้กล่าวถึงขุนพลชาวจีนผู้หนึ่งนามว่า เหว่ยมั่ง ในพ.ศ. 349 เหว่ยมั่งเป็นขุนพลจากแคว้นเอี๋ยน ที่ลี้ภัยเข้าไปอยู่ในอาณาจักรโคโจซ็อน แล้วเข้ารับใช้กษัตริย์จุน ที่ปกครองโคโจซ็อนในขณะนั้น

เหว่ยมั่ง ได้รับคำสั่งไปป้องกันเขตแดนทางด้านตะวันตก แต่เขากลับก่อกบฏ นำกองทัพกลับมายึดอำนาจของกษัตริย์จุน และตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์เสียเอง แล้วก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นปกครองโคโจซ็อน ชื่อ เหว่ยมั่งโจซอน หลังจากถูกยึดอำนาจ กษัตริย์จุนกับทหารจำนวนหนึ่งหลบหนีลงไปทางใต้ และได้ตั้งอาณาจักรแห่งใหม่ ขึ้นตรงบริเวณเมืองอิกซาน ในจังหวัดเจียลลา เกาหลีใต้ปัจจุบัน โดยเรียกอาณาจักรใหม่แห่งนี้ว่าอาณาจักรฮัน

โคโจซ็อนในสมัยเหว่ยมั่งนี้มีการขยายอาณาเขตออกไปกว้างขวางขึ้นอีก และเพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากจีนเหว่ยมั่งได้ผูกสัมพันธ์กับชนเผ่าซ่งหนู อันเป็นเผ่าเร่รอนที่อาศัยอยู่ในแมนจูเรียจากนั้นก็พยายามติดต่อกับแคว้นอื่นๆ ในจีน ราชวงศ์ของเหว่ยมั่งสืบต่อมาจนกระทั่งถึง พ.ศ. 434 ในสมัยของหยูฉู่ ซึ่งเป็นรุ่นหลานขึ้นมาเป็นกษัตริย์ปกครอง ในขณะนั้นจีนอยู่ในยุคสมัยของกษัตริย์ ฮั่นหวูตี้ พระเจ้าฮั่นหวูตี้ได้นำกองทัพเข้าโจมตีโคโจซ็อน สงครามดำเนินไปอยู่จนกระทั่งอีกปีต่อมา ในที่สุดเมืองหลวงวังกอมซองก็ถูกยึดโดยกองทัพราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์เหว่ยมั่งจึงสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้นพร้อมกับจุดสิ้นสุดของอาณาจักรโชซ็อนโบราณ ที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นครั้งแรกของจีนราชวงศ์ฮั่น นับแต่ พ.ศ. 435 ราชวงศ์ฮั่นได้แบ่งอาณาจักรโชซ็อนโบราณออกเป็นสี่แคว้น คือ มณฑลนังนัง มณฑลชินบอน มณฑลอินดุน และมณฑลฮย็อนโท แต่ราชวงศ์ฮั่นได้ปกครองอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียวคือ มณฑลนังนังเพราะเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญ ทำให้แคว้นอื่นๆ ค่อยๆแยกตัวออกไปอย่างอิสระในที่สุด แต่ภายหลังอาณาจักรนังนังก็สามารถกู้เอกราชมาได้ โดยพระเจ้าชอยรี

ใกล้เคียง

อาณาจักรอยุธยา อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์) อาณาจักรล้านนา อาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรธนบุรี อาณาจักรพระนคร อาณาจักรปตานี อาณาจักรโคตรบูร อาณาจักรฟูนาน