ตำนานเกี่ยวกับราชสำนักแห่งความรักที่ปัวตีเย ของ อาลีเยนอร์แห่งอากีแตน

พระเจ้าเฮนรีที่ 2 และทอมัส เบ็คเค็ท

ระยะเวลาที่ปัวตีเยของพระราชินีอาลีเยนอร์เป็นระยะเวลาที่ทรงมีอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมเป็นอันมาก หลังจากที่ทรงแยกจากพระเจ้าเฮนรี พระราชินีอาลีเยนอร์ก็ทรงตั้งราชสำนักของพระองค์เองที่ปัวตีเย ทรงสนับสนุนลัทธินิยมรักในราชสำนัก (courtly love) ภายในราชสำนักของพระองค์ แต่พระเจ้าเฮนรีและทางสถาบันศาสนาทำลายหลักฐานดังกล่าวนี้จนไม่เหลือหรอ ที่เหลืออยู่เป็นเพียงหลักฐานบางส่วนของจดหมายของราชสำนัก กฎ และการปฏิบัติที่เขียนโดย อันเดรีย คาเปลลานัส (Andreas Capellanus) ดูเหมือนว่าสิ่งหนึ่งที่ทำกันคือจะมีกลุ่มชายหญิงสิบสองคนที่มานั่งฟังเรื่องของความรักของแต่ละคน ซึ่งเป็นรากฐานของระบบลูกขุนที่ทรงนำมาใช้ในอังกฤษหลังจากที่ทรงปล่อยนักโทษทั้งหมดเมื่อพระเจ้าเฮนรีเสด็จสวรรคต แต่สิ่งที่ทรงทำในราชสำนักก็เป็นเพียงสิ่งที่สันนิษฐานกันเท่านั้นว่าทรงทำมิได้เป็นที่ทราบแน่นอนว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่กระนั้นตำนานเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชสำนักของพระองค์ก็ยังเล่าสืบต่อกันมา

ส่วนทางพระเจ้าเฮนรีก็ยังทรงมุ่งมั่นในการขยายราชอาณาจักร ทรงข่มเหงข้าราชสำนักของพระราชินีอาลีเยนอร์ในการที่ทรงพยายามควบคุมดินแดนอากีแตนที่เป็นของพระราชินีอาลีเยนอร์และราชสำนักที่ปัวตีเยของพระองค์ พระเจ้าเฮนรีทรงเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้ทอมัส เบ็คเค็ทอัครมหาเสนาบดีผู้ต่อมาเป็นอัครบาทหลวงแห่งแคนเตอร์บรีถูกฆาตกรรมที่แท่นบูชาภายในมหาวิหารแคนเตอร์บรีในปี ค.ศ. 1170 (แต่เหตุการณ์นี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าพระเจ้าเฮนรีมีส่วนในการกำจัดทอมัส เบ็คเค็ทจริงหรือไม่) การฆาตกรรมของทอมัส เบ็คเค็ท เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พระราชินีอาลีเยนอร์ทรงเพิ่มความชังในตัวพระเจ้าเฮนรีมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมไปถึงทัศนคติโดยทั่วไปในยุโรปในขณะนั้น

ถึงแม้ว่าชีวิตการสมรสระหว่างพระราชินีอาลีเยนอร์และพระเจ้าเฮนรีเป็นชีวิตสมรสที่รุนแรงเต็มไปด้วยการต่อปากต่อคำ และแม้ว่าจะมีพระสนมและทรงสั่งกักขังพระราชินีอาลีเยนอร์อยู่เป็นระยะเวลานาน แต่พระราชินีอาลีเยนอร์ก็ยังทรงกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า ชีวิตแต่งงานระหว่างพระองค์กับพระเจ้าเฮนรีเป็นชีวิตที่มีความสุขกว่าชีวิตแต่งงานของพระองค์กับพระเจ้าหลุยส์ พระราชินีอาลีเยนอร์และพระเจ้าเฮนรีทรงมีความรักและนับถือซึ่งกันและกัน และทรงพยายามช่วยกันสมานสามัคคีครอบครัวเข้าด้วยกัน