กลไกการยิงและบรรจุกระสุน ของ อาวุธปืน

ปืนใหญ่มือที่บรรจุกระสุนทางปากกระบอก

อาร์คิวบัสจากประเทศญี่ปุ่น

ต้นกำเนิดของอาวุธปืนทั้งหมดคือปืนใหญ่มือ (อังกฤษ: hand cannon) ที่ใช้ดินปืนและยิงผ่านทางปากกระบอกในขณะที่ชนวนอยู่ที่ด้านหลัง ชนวนจะถูกจุดด้วยไฟจนทำให้ดินปืนเกิดการระเบิดและส่งลูกปืนใหญ่ออกไป ในทางทหารปืนใหญ่มือแบบพื้นฐานจะส่งพลังมากในขณะที่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะพลปืนไม่สามารถทำการเล็งได้ การถีบกลับก็ถูกดูดซับได้เพียงการใช้ไม้ค้ำแทนพานท้าย ด้วยการไม่สามารถควบคุมทั้งดินปืนและเส้นผ่าศูนย์กลางของกระสุนได้มันจึงส่งผลให้การยิงนั้นไม่แม่นยำ ปืนใหญ่มือถูกแทนที่ด้วยอาร์คิวบัส (อังกฤษ: arqurbus) หรือปืนคาบชุดที่ทรงพลังกว่า

ปืนบรรจุกระสุนทางปากกระบอก

ปืนคาบศิลาแบบนี้เป็นหนึ่งในการพัฒนาของปืนในช่วงแรก ๆ อาวุธปืนจะบรรจุดินปืนทางปากกระบอก จากนั้นก็ตามด้วยกระสุนลูกกลม (โดยปกติแล้วจะเป็นของแข็งทรงกลม แต่หากหมดกระสุนแล้วก็มักใช้หินแทน) ในปัจจุบันปืนแบบนี้ที่พัฒนาแล้วยังถูกสร้างอยู่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการล่าสัตว์ ปืนจะต้องทำการบรรจุกระสุนใหม่ทุกครั้งหลังจากยิง พลธนูที่มีทักษะสามารถยิงธนูได้รวดเร็วกว่าปืนคาบศิลาแบบแรก ๆ ถึงแม้ว่าในศตวรรษที่ 18 ปืนชนิดนี้ได้กลายมาเป็นอาวุธพื้นฐานในกองทัพ ทหารที่ฝึกมาดีสามารถยิงได้ถึงหกนัดต่อนาที ก่อนหน้านั้นความมีประสิทธิภาพของปืนชนิดนี้มีจำกัดเพราะความช้าในการบรรจุกระสุนและกลไกการยิงที่ไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้นมันยังมีความเสี่ยงสูงต่อผู้ที่ใช้มัน

ระบบแมทช์ล็อก

แมทช์ล็อกเป็นอาวุธปืนขนาดเล็กชนิดแรกและมีระบบการยิงที่เรียบง่ายที่สุด มันใช้ระบบกลไกที่เรียกว่าแมชท์ล็อก (อังกฤษ: matchlock) ซึ่งดินปืนในลำกล้องจะถูกจุดระเบิดด้วยเชือกที่ไหม้ไฟเรียกว่าตัวประกบหรือ "แมทช์" ตัวประกบจะถูกบีบอัดเข้าในเหล็กรูปตัว S เมื่อดึงไกปืนตัวประกบจะถูกดึงเข้าไปสัมผัสกับ "ช่องสัมผัส" ที่ฐานของลำกล้องซึ่งจะมีดินปืนโรยอยู่ จากนั้นก็จุดระเบิดดินปืนในลำกล้อง ตัวประกบมักจะต้องใส่เชือกเข้าไปใหม่เมื่อทำการยิง

ระบบลูกล้อ

แบบลูกล้อหรือวีลล็อก (อังกฤษ: wheellock) เป็นผู้ตกทอดมาจากระบบแมทช์ล็อกและมาก่อนแบบนกสับ ถึงแม้ว่ามันจะมีข้อผิดหลาดอยู่หลายประการ วีลล็อกนั้นก็เป็นการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพเหนือแมทช์ล็อกในเรื่องความสะดวกและความปลอดภัย เพราะว่ามันไม่ต้องใช้การเผาไหม้อย่างช้า ๆ เพื่อไปจุดดินปืน มันทำงานด้วยการใช้ลูกล้อขนาดเล็กที่คล้ายกับของไฟแช็กซึ่งจะถูกหมุนขึ้นพร้อมกับสลักก่อนใช้ และเมื่อเหนี่ยวไกมันก็จะกระทบกันจนสร้างประกายไฟที่จะไปจุดระเบิดดินปืนในช่องสัมผัส มันน่าจะถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยลีโอนาร์โด ดาวินชี ถึงกระนั้นระบบลูกล้อก็ไม่เป็นที่แพร่หลายนัก

ระบบนกสับ

ระบบนกสับหรือฟลินท์ล็อก (อังกฤษ: flintlock) เป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของอาวุธปืนขนาดเล็ก ประกายไฟถูกใช้เพื่อจุดระเบิดดินปืนในช่องสัมผัสที่ทำหน้าที่โดยหินที่ยึดเข้ากับนกปืน ซึ่งเมื่อปล่อยโดยไกปืนชิ้นเหล็กที่เรียกว่า "ฟริซเซน" (frizzen) เพื่อสร้างประกายไฟ นกสับจะต้องถูกตั้งใหม่ทุกครั้งหลังยิง และหินกระทบจะต้องถูกแทนเพราะถูกกระทบ ระบบนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในศตวรรษที่ 18 และ 19 ทั้งใบปืนคาบศิลาและปืนเล็กยาว

เพอร์คัสชั่นแค็ป

เพอร์คัสชั่นแค็ป (อังกฤษ: Percussion cap) หรือแก๊ปเริ่มเข้ามาอย่างกว้างขวางเมื่อศตวรรษที่ 19 มันคือการพัฒนาครั้งใหญ่เหนือกลไกนักสับหรือฟลินท์ล็อก ด้วยกลไกแก๊ป ดินปืนในแบบก่อนหน้าที่ถูกใช้ในทุกอาวุธปืนถูกแทนที่โดยระเบิดที่บรรจุอยู่ในตัวเองในรูปแบบเล็ก ๆ ที่เรียกว่า "แก๊ป" แก็ปถูกทำให้รวดเร็วขึ้นในช่องสัมผัสของปืนและจุดระเบิดด้วยนกสับ

เมื่อเกิดการกระทบ เปลวไฟจากแก๊ปจะจุดระเบิดดินปืน เช่นเดียวกับฟลินท์ล็อก แต่มันไม่จำเป็นต้องบรรจุดินปืนใส่ช่องสัมผัสอีกต่อไป และยิ่งไปกว่านั้นช่องสัมผัสไม่ต้องเผยตัวอีกต่อไป ผลที่ได้ของกลไกแก๊ปถูกมองว่าปลอดภัยกว่า ทนทานต่อสภทพอากาศ และไว้ใจได้มากกว่ามาก ปืนบรรจุทางปากกระบอกทั้งหมดที่ผลิตออกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ใช้แก๊ปยกเว้นพวกที่เป็นของจำลองหรืออาวุธปืนรุ่นก่อนหน้า

ปลอกกระสุน

ปลอกกระสุน (อังกฤษ: cartridge) เป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของอาวุธปืนขนาดเล็กและปืนใหญ่ขนาดเบาในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 เมื่อกระสุน ซึ่งก่อนหน้าเคลื่อนที่ได้ด้วยดินปืนและกระสุนกลม ได้ถูกผสมเข้าในปลอกกระสุนที่มีแก๊ป ดินปืน และหัวกระสุนในหีบห่อเดียวกัน ข้อได้เปรียบหลักของปลอกกระสุนทองเหลืองคือประสิทธิภาพและแรงดันจากแก๊สที่ไว้ใจได้ เมื่อแรงดันแก๊สกดต่อปลอดระสุนเพื่อดันมันออกไปจะดันมันเข้ากับด้านในของลำกล้อง สิ่งนี้ป้องกันการรั่วไหลของแก๊สร้อนซึ่งอาจทำให้ผู้ยิงบาดเจ็บได้ ปลอกกระสุนทองเหลืองยังเปิดทางให้กับอาวุธปืนกลแบบใหม่โดยรวมลูกกระสุน ดินปืน และไพรเมอร์เข้าด้วยกัน

ก่อนเกิดสิ่งนี้ ปลอกกระสุนเป็นการรวมดินปืนเข้าเป็นลูกกลมในถุงหนังสัตว์ขนาดเล็ก (หรือห่อเป็นมวนกระดาษ) รูปแบบของปลอกกระสุนแบบนี้ต้องถูกอัดให้แน่นเข้าไปในลำกล้องทางปากกระบอก และทั้งดินปืนในช่องสัมผัสหรือแก๊ปที่อยู่บนช่องสัมผัสจะจุดระเบิดดินปืนในปลอกกระสุน ปลอกกระสุนพร้อมกับแก๊ปภายในหรือไพรเมอร์ (primer) ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้เพื่อเป็นพื้นฐานของอาวุธปืน ในอาวุธปืนที่ยิงกระสุนมีปลอก นกสับจะตีไพรเมอร์ซึ่งมันจะไปจุดระเบิดดินปืนภายใน ไพรเมอร์จะอยู่ที่ส่วนท้ายของปลอกกระสุน ทั้งในขอบหรือแก๊ปขนาดเล็กจะถูกฝังลงในส่วนกลางของฐาน ตามหลักแล้วปลอกกระสุนอย่างหลังจะทรงพลังกว่าแบบแรก มันทำงานได้ในสภาพที่แรงกดดันสูง ปลอกกระสุนดังกล่าวยังปลอดภัยกว่าอีกด้วย

เกือบจะทั้งหมดของอาวุธปืนในปัจจุบันจะบรรจุปลอกกระสุนโดยตรงทางด้านท้าย มีบ้างที่บรรจุโดยใช้แมกกาซีนซึ่งจะบรรจุกระสุนมากกว่า แมกกาซีนมักเป็นแบบกล่องหรือแบบกลมซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับการนำมาใช้ใหม่และถอดออกจากปืนได้ แมกกาซีนบางแบบอย่างของเอ็ม1 การแรนด์และปืนเล็กยาวล่าสัตว์ส่วนใหญ่จะบรรจุแบบเป็นคลิปซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่บรรจุกระสุนเอาที่ส่วนขอบของกล่องบรรจุ ในกรณีส่วนใหญ่แมกกาซีนและคลิปแตกต่างกันตรงที่การป้อนกระสุนเข้าไปในส่วนท้ายของปืน ในขณะที่แบบต่อมาเป็นการเติมกระสุนเข้าไปในแมกกาซีนแทน