อาวุธปืนขนาดเล็ก ของ อาวุธปืน

ปืนสั้นหรือปืนพก

ไฟล์:Nambu Type 14 1551.jpgประเภท ๑๔ ปืนพก

อาวุธปืนขนาดเล็กที่สุดนั้นคือปืนสั้นหรือปืนพก ปืนสั้นนั้นมีด้วยกันสามชนิด คือ แบบยิงทีละนัด ปืนลูกโม่ และปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ปืนลูกโม่จะมีจำนวนการยิงตามช่องใส่กระสุนทรงกระบอก ในแต่ละช่องของทรงกระบอกจะบรรจุกระสุนเอาไว้หนึ่งนัด ปืนพกกึ่งอัตโนมัติจะมีช่องปืนเพียงช่องเดียวที่ด้านท้ายของลำกล้องและมีแมกกาซีนที่สามารถเปลี่ยนได้จึงทำให้พวกมันสามารถยิงได้มากกว่าหนึ่งนัด ปืนลูกโม่มาเตบาของอิตาลีเป็นแบบลูกผสมที่หายาก ในการเหนี่ยวไกแต่ละครั้งจะหมุนกระบอกทันทีจนทำให้มันยิงได้อย่างรวดเร็ว ปืนเว้บลีย์ของอังกฤษก็เป็นปืนลูกโม่อัตโนมัติเช่นกัน มันเกิดขึ้นประมาณศตวรษที่ 20

ปืนสั้นแตกต่างจากปืนเล็กยาวหรือปืนไรเฟิลและปืนลูกซองด้วยขนาดที่เล็กกว่า ขาดพานท้าย กระสุนที่ไม่ทรงพลังเท่า และถูกออกแบบมาเพื่อใช้ด้วยหนึ่งหรือสองมือ ในขณะที่คำว่า "ปืนพก" สามารถใช้เพื่อบรรยายถึงปืนสั้น มันมักหมายถึงปืนพกที่ยิงทีละนัดหรือแบบที่ป้อนกระสุนอัตโนมัติ และปืนลูกโม่ก็จะหมายความโดยตรง

คำว่า "ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ" ใช้และบางครั้งก็เข้าใจผิดว่าเป็นปืนอัตโนมัติ เนื่องจากอันที่จริงแล้วคำว่าอัตโนมัติของมันไม่ได้หมายถึงกลไกการยิงแต่เป็นการป้อนกระสุน เมื่อยิงปืนพกกึ่งอัตโนมัติจะใช้แก๊สเพื่อดีดปลอกกระสุนเก่าออกและใส่กระสุนใหม่เข้าไปแทนโดยอัตโนมัติ โดยปกติแล้ว (แต่ก็ไม่เสมอไป) กลไกการยิงก็เป็นระบบอัตโนมัติเช่นกัน ปืนพกอัตโนมัติจะยิงกระสุนหนึ่งนัดต่อการเหนี่ยวไกหนึ่งครั้ง ไม่เหมือนกับอาวุธปืนอัตโนมัติอย่างปืนกลซึ่งยิงตลอดนานเท่าที่เหนี่ยวไกและจะมีปลอกกระสุนที่ยังไม่ได้ใช้ในแมกกาซีน อย่างไรก็ตามปืนพกบางรุ่นก็เป็นแบบอัตโนมัติเต็มที่ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน ทั้ง "กึ่งอัตโนมัติ" และ "บรรจุกระสุนอัตโนมัติ" จึงหมายถึงอาวุธปืนที่ยิงหนึ่งนัดต่อการเหนี่ยวไก

ก่อนศตวรรษที่ 19 ปืนสั้นทั้งหมดเป็นแบบยิงทีละนัด ด้วยการประดิษฐ์ปืนลูกโม่ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2321 ปืนพกก็สามารถมีกระสุนได้มากกว่าหนึ่งและมันก็กลายมาเป็นที่นิยม การออกแบบปืนพกบรรจุกระสุนอัตโนมัตินั้นปรากฏตัวขึ้นในทศวรรษที่ 1870 และได้เข้ามาแทนที่ปืนลูกโม่เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อจบศตวรรษที่ 20 ปืนสั้นส่วนมากที่ถูกใช้โดยกองทัพ ตำรวจ และพลเรือนเป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าปืนลูกโม่ยังคงเป็นที่แพร่หลายอยู่ กองทัพและตำรวจใช้ปืนพกกึ่งอัตโนมัติเพราะว่าความจุของแมกกาซีนที่มากและความสามารถในการบรรจุกระสุนได้อย่างรวดเร็ว ปืนลูกโม่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักสะสมเพราะว่ามันทรงพลังมากกว่าปืนรุ่นใหม่และความทนทาน ง่ายดาย และแข็งแกร่งทำให้มันเหมาะกับการใช้อย่างทรหด การออกแบบทั้งสองเป็นที่นิยมในหมู่พลเรือนซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของ

ปืนสั้นมีหลายรูปร่างและขนาด ตัวอย่างเช่น "เดอร์ริงเกอร์" เป็นปืนที่มีขนาดเล็กมาก ลำกล้องที่สั้น มักมีหนึ่งหรือสองลำกล้องแต่บางครั้งก็มีมากกว่านั้น ซึ่งต้องบรรจุกระสุนด้วยมือหลังจากทำการยิง ปืนสำหรับการดวล มันถูกใช้อย่างมากในหมู่สุภาพบุรุษ พวกเขามักมีมันเพื่อแสดงถึงตำแหน่งและความสูงศักดิ์ ปืนลูกโม่และปืนพกบรรจุกระสุนอัตโนมัติมีขนาดที่หลากหลาย ซึ่งปืนพกแบบใหม่มักสี่ขนาด ในแต่ละขนาดจะมีข้อดีและข้อด้อย ปืนที่เล็กกว่ามักจะต้องแลกด้วยกระสุนที่น้อยลง ในขณะที่ปืนที่ใหญ่กว่าก็จะมีความแม่นยำมากกว่า ในปืนแบบอัตโนมัติอย่าง เอ็มเอซี-10 กล็อก 18 และเบเรทต้า 93อาร์เป็นการพัฒนาครั้งล่าสุดของศวรรษที่ 20

ปืนสั้นมีขนาดเล็กและมักง่ายที่จะพกพา ดังนั้นทำให้มือทั้งสองนั้นว่างพอที่จะทำอย่างอื่นได้ ปืนสั้นที่มีขนาดเล็กสามารถเก็บซ่อนได้ง่าย ทำให้มันถูกเลือกเป็นอาวุธสำหรับป้องกันตัว ในกองทัพปืนสั้นมักใช้โดยผู้ที่ไม่คาดว่าจะต้องใช้อาวุธปืนจริง ๆ อย่างนายพลและนายทหาร และสำหรับผู้ที่ไม่มีที่ว่างพอจะใช้ปืนเล็กยาวอย่างนักบินหรือพลขับยานพาหนะ ในบทบาทสุดท้ายนี้พวกมันมักถูกใช้เป็นคาร์บิน คือปืนเล็กยาวขนาดสั้นซึ่งมักใช้โดยทหารพลร่มเพราะว่าขนาดที่เล็กของมัน ปืนสั้นยังถูกใช้โดยพลปืนเล็กยาวในฐานะอาวุธสำรอง อย่างไรก็ดีความเชื่อถือได้ในการยิงและอำนาจการยิงนั้นก็ตกเป็นของปืนเล็กยาวจู่โจม มันจึงทำให้ปืนสั้นแทบหมดประโยชน์ไปเมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 20 นอกจากกองทัพแล้วปืนสั้นก็มักเป็นอาวุธของตำรวจและพลเรือนตามกฎหมาย


พลเมืองมีสิทธิในการพกอาวุธในที่สาธารณะเป็นปืนสั้นเท่านั้นยกเว้นเมื่อทำการล่าสัตว์ เพราะอาวุธปืนที่ไม่ได้ปกปิดนั้นจะดึงดูดความสนใจและไม่ค่อยปลอดภัยนัก ปืนสั้นยังถูกใช้ในกีฬาถึงแม้ว่าการล่าสัตว์ที่เป็นกีฬานั้นจะไม่เหมาะกับปืนสั้นก็ตาม นักล่าสัตว์บางคนที่ต้องการล่าในที่ที่แคบก็มักเลือกที่จะใช้ปืนสั้นแทน กระสุนปืนสั้นยังถูกกว่ากระสุนของปืนเล็กยาวและมักมีประสิทธิภาพกับสัตว์หลายชนิด

ปืนยาว

ไฟล์:Arisaka 99-Shiki 1856.jpgประเภท ๙๙ ปืนยาวเอ็ม 1 กาแรนด์

ปืนยาวในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นปืนเล็กยาวหรือปืนลูกซอง ในทางประวัติศาสตร์ปืนยาวนั้นคือปืนคาบศิลา ปืนเล็กยาวมีจีลำกล้องที่ด้านในทำเป็นร่องเกลียวและยิงกระสุนทีละนัด ในขณะที่ปืนลูกซองจะยิงออกมาเป็นลูกปราย นัดเดียว กระสุนแซบบ็อท หรือกระสุนพิเศษ (อย่างแก๊สน้ำตา) ปืนเล็กยาวมีบริเวณปะทะที่เล็กมากแต่มีระยะไกลและความแม่นยำสูง ปืนลูกซองนั้นมีบริเวณปะทะขนาดใหญ่แต่มีความแม่นยำและระยะที่น้อย อย่างไรก็ตามบริเวณปะทะที่ใหญ่มากขึ้นสามารถชดเชยความแม่นยำได้ อย่างที่ปืนลูกซองมักถูกใช้เพื่อยิงเป้าบิน

ปืนเล็กยาวและปืนลูกซองมักใช้เพื่อล่าสัตว์และมักใช้เพื่อป้องกันบ้านหรือที่ทำธุรกิจ โดยปกติแล้วในการล่าสัตว์จะใช้ปืนเล็กยาว ในขณะที่การล่านกจะใช้ปืนลูกซอง ปืนลูกซองนั้นยังถูกใช้เพื่อป้องกันที่อาศัยหรือธุรกิจเพราะว่ามันมีบริเวณปะทะที่กว้าง สร้างความเสียหายได้เยอะ ระยะที่สั้นกว่า และไม่ทะลุผนังจนสร้างความเสียหายเกินไป แต่ปืนพกก็นิยมใช้ในทางนี้ด้วยเช่นกัน

ปืนเล็กยาวและปืนลูกซองนั้นมีหลากหลายแบบโดยขึ้นอยู่กับวิธีในการเติมกระสุน ปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนและแบบงัดนั้นทำการแบบมือ ทั้งสองต้องใช้เวลาในการนำปลอกกระสุนออก ทั้งสองแบบมักถูกใช้โดยปืนเล็กยาว ปืนเล็กยาวและปืนลูกซองแบบสไลด์หรือปั้มพ์มักจะดีดกระสุนออกโดยอัตโนมัติ แบบนี้มักใช้โดยปืนลูกซองแต่ก็มีบริษัทผู้ผลิตไม่น้อยที่นำไปใช้กับปืนเล็กยาว

ทั้งปืนเล็กยาวและปืนลูกซองยังมีแบบที่ต้องบรรจุกระสุนด้วยมือแทนที่จะเป็นกลไก ทั้งปืนเล็กยาวและปืนลูกซองเริ่มมีหนึ่งหรือสองลำกล้อง อย่างไรก็ดีเนื่องมาจากราคาที่แพงและความยากในการผลิต แบบที่มีสองลำกล้องจึงผลิตออกมาน้อย ปืนเล็กยาวสองลำกล้องนั้นมักใช้ล่าสัตว์ที่อัฟริกา

ปืนเล็กยาวถูกใช้โดยพลแม่นปืนในหลาย ๆ ประเทศแม้กระทั่งในยุโรปและสหรัฐฯ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เมื่อปืนเล็กยาวปรากฏตัวขึ้นครั้งแรก หนึ่งในการแข่งขันปืนเล็กยาวที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกาเกิดขึ้นเมื่อพ.ศ. 2318 เมื่อแดเนียล มอร์แกนได้ทำหน้าที่พลแม่นปืนในเวอร์จิเนียในสงครามประกาศอิสรภาพของอเมริกา ในบางประเทศพลแม่นปืนคือความภูมิใจของชาติ ปืนเล็กยาวพิเศษบางชนิดถูกอ้างว่ามีระยะถึง 1 ไมล์ (1,600 เมตร) ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะน้อยกว่า ในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 กีฬาปืนลูกซองนั้นเป็นที่นิยมมากกว่าปืนเล็กยาว

ในกองทัพ ปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนพร้อมกับกล้องส่องจะหมายถึงปืนซุ่มยิง อย่างไรก็ตามในสงครามเกาหลีปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนและกึ่งอัตโนมัติที่ถูกใช้โดยทหารราบนั้นจะสามารถเปลี่ยนเป็น "ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ" ได้

ปืนอัตโนมัติ

ปืนอัตโนมัติเป็นอาวุธปืนที่สามารถทำการยิงกระสุนได้หลายนัดในการเหนี่ยวไกหนึ่งครั้ง แกทลิ่งเป็นอาวุธที่ทำงานด้วยข้อหมุนแบบแรกซึ่งเป็นปืนอัตโนมัติชนิดแรกเช่นกัน แม้ว่าปืนกลอย่างในปัจจุบันยังไม่เป็นที่นิยมนักในตอนนั้นจนถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ปืนอัตโนมัติจะถูกใช้โดยกองทัพเท่านั้นแม้ว่ามีจำนวนมากที่ถูกใช้โดยอาชญากร

ปืนกล

FN Minimi

ปืนกลเป็นอาวุธอัตโนมัติขนานแท้ โดยปกติจะไม่เหมือนกับอาวุธอัตโนมัติด้วยการที่มันใช้สายกระสุน (บางแบบเป็นแบบวงกลม) โดยทั่วไปจะใช้กระสุนคล้ายกับปืนเล็กยาวตั้งแต่ 5.56 ม.ม. ของนาโต้ไปจนถึง .50 บีเอ็มจีหรืออาจมีขนาดใหญ่กว่าสำหรับอาวุธเครื่องบิน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกใช้อย่างกว้างขวางนักจนถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ปืนกลแบบแรก ๆ นั้นถูกใช้โดยกองทัพในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 พวกมันเป็นอาวุธปืนสำหรับป้องกันโดยมีผู้ควบคุมสองนาย เพราะว่ามันยากที่จะเคลื่อนย้ายและติดตั้ง และพวกมันก็ไม่ค่อยมีความแม่นยำ ปืนกลขนาดเบาในยุคใหม่อย่างเอฟเอ็น มินิมิมักถูกใช้โดยทหารเพียงหนึ่งนาย พวกมันยิงกระสุนออกมามากและในอัตราที่สูงและมักถูกใช้เพื่อสร้างการยิงคุ้มกัน ปืนกลมักติดตั้งอยู่บนยานพาหนะหรือเฮลิคอปเตอร์ และมักถูกใช้เป็นอาวุธของเครื่องบินขับไล่และรถถังตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

ปืนกลมือ

เฮคเลอร์แอนด์คอช เอ็มพี5

ปืนกลมือเป็นอาวุธปืนที่ใช้แมกกาซีน มักมีขนาดเล็กกว่าปืนอัตโนมัติแบบอื่น ๆ ซึ่งมันนั้นใช้กระสุนของปืนพก ด้วยเหตุนี้เองปืนกลมือจึงมักเรียกกันว่าปืนพกกลโดยเฉพาะเมื่อหมายถึงปืนอย่างสกอร์เปียน วีซี. 61 และกล็อก 18 ตัวอย่างของปืนกลมือได้แก่อูซี่ของอิสราเอลและเอชเค เอ็มพี5 ซึ่งใช้กระสุน 9x19 ม.ม.แบบพาราเบลลัม ปืนกลมือทอมป์สันของอเมริกาที่ใช้กระสุน .45 เอซีพีและเอฟเอ็น พี90 ของเบลเยี่ยมซึ่งใช้กระสุน 5.7x28 ม.ม. เนื่องมาจากขนาดที่เล็กของพวกมันและกระสุนที่ไม่ทะลุทะลวงจนเกินไป ปืนกลมือจึงมักเป็นที่ชื่นชอบในกองทัพและตำรวจโดยใช้ในบริเวณที่เป็นอาคารหรือในเมือง

ชนิดของอาวุธปืนที่คล้ายกันนั้นคืออาวุธป้องกันบุคคลหรือพีดีดับบลิว (Personal Defense Weapon) ซึ่งเป็นปืนกลมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อยิงกระสุนของปืนเล็กยาว ปืนกลมือนั้นได้เปรียบที่ขนาดเล็กและความจุกระสุน แต่ถึงกระนั้นกระสุนของปืนพกที่มันใช้ก็ขาดการทะลุทะลวง ในทางตรงกันข้ามกระสุนของปืนเล็กยาวนั้นสามารถเจาะทะลุเกราะได้และแม่นยำ แต่แม้กระทั่งคาร์บินก็มีขนาดใหญ่เทอะทะจนยากในการใช้งานในที่แคบ ทางแก้ไขของบริษัทผู้ผลิตอาวุธปืนจำนวนมากคือการนำเสนออาวุธที่ผสมปืนกลมือเข้ากับอำนาจการยิงของกระสุนที่ทรงพลังหรือการนำปืนคาร์บินมาผสมกับปืนกลมือนั่นเอง ตัวอย่างเช่น เอฟเอ็น พี90 และเอชเค เอ็มพี7

ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ

เฮคเลอร์แอนด์คอช เอชเค 33เอ็ม 16

ปืนเล็กยาวอัตโนมัติเป็นปืนยาวที่ใช้แมกกาซีน ใช้โดยทหารหนึ่งนาย ซึ่งทำงานเป็นระบบอัตโนมัติ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติบราวนิ่งเป็นอาวุธอัตโนมัติชนิดแรกของกองทัพสหรัฐฯ และถูกใช้เพื่อการยิงคุ้มกันหรือสนับสนุนซึ่งในปัจจุบันเป็นหน้าที่ของปืนกลขนาดเบา ปืนเล็กยาวอัตโนมัติรุ่นอื่น ๆ ได้แก่เฟเดรอฟ อาฟโตมัทและปืนเล็กยาวอัตโนมัติฮวท ต่อมาฝ่ายเยอรมนีได้ใช้เอสทีจี 44ในสงครามโลกครั้งที่สอง มันเป็นปืนเล็กยาวอัตโนมัติขนาดเบา ปืนนี้ไดกลายมาเป็นต้นแบบของปืนเล็กยาวจู่โจม หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลง เอ็ม14 (เข้ามาแทนที่เอ็ม1 กาแรนด์) ถูกนำมาใช้โดยสหรัฐฯ ตามมาด้วยปืนเล็กยาวเอ็ม16เอ1 ที่ถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามเวียดนาม นอกจากนั้นยังมีเอเค 47 ของคาลาชนิคอฟที่ถูกใช้โดยสหภาพโซเวียตและฝ่ายคอมมิวนิสต์อย่างจีน เกาหลีเหนือ และเวียดนามเหนือ ทั้งเอ็ม16 และเอเค-47 ยังคงถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าปืนเล็กยาวอัตโนมัติแบบอื่น ๆ จะมีให้ใช้ก็ตาม เอ็ม16เอ2 ที่มีขนาดเล็กกว่าหรือเอ็ม4 คาร์บินถูกใช้โดยพลขับรถถังและยานพาหนะ พลร่ม พลสนับสนุน และในสถานที่ต่าง ๆ ที่คับแคบ ไอเอ็มไอ กาลิลของอิสราเอลนั้นคล้ายคลึงกับ เอเค-47 มันถูกใช้โดยอิสราเอล อิตาลี พม่า พิลิปปินส์ เปรู และกัมพูชา เอสไอจี ซูเออร์ของสวิตเซอร์แลนด์ได้ผลิตเอสไอจี เอสจี 550 ที่ใช้โดยฝรั่งเศส ชิลี และสเปน และสเตร์ แมนนิลเชอร์ได้ผลิตสเตร์ เอยูจีที่ใช้โดยออสเตรเลีย อสสเตรีย นิวซีแลนด์ ไอร์แลนด์ และซาอุดิอาระเบีย