วรรณกรรมพื้นบ้าน ของ อำเภอศรีธาตุ

ศรีธาตุพยานรัก  วรรณกรรมพื้นบ้านอำเภอศรีธาตุ

  นานมาแล้ว ยังมีนางแมวป่าตัวหนึ่งถือศีลและอาศัยอยู่ในป่าใหญ่ ได้เสาะหาผลไม้ในป่านำมาถวายท้าวเวสสุวัณ (เป็นเทพเจ้าผู้พิทักษ์โลกของชาวพุทธโบราณ เป็นเทพเจ้าแห่งยักษ์ภูตผีปีศาจและความมั่งคั่งไพบูลย์ เป็นเทวดาประจำทิศอุดร) อยู่เป็นประจำด้วยความศรัทธาและเคารพ ท้าวเวสสุวัณได้เล็งเห็นคุณงามความดีของนางแมวป่าที่ประกอบแต่กรรมดี พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อนางมาก จึงได้พระราชทานพรให้นางหลุดพ้นจากร่างเดิมซึ่งเป็นแมว ให้กลับเป็นร่างมนุษย์เป็นหญิงสาวที่กอปรไปด้วยความงามทั้งกาย วา และจิตใจ ยากที่จะหาสาวใดในโลกนี้ที่จะมาเปรียบเทียบกับความงามของนางได้ พร้อมกับพระราชทานนามให้นางใหม่ว่า “ศรี” หมายถึงสิริมงคล ความรุ่งเรืองความงาม ความเจริญ และอวยพรให้นางจงปฏิบัติแต่คุณงามความดีอย่างเสมอต้นเสมอปลายชีวิตในวันข้างหน้าจะเจริญรุ่งเรืองสืบไป

ในชุมชนบ้านเดื่อยังมีชายหนุ่มรูปงามนามว่า “จำปี” เป็นกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เยาว์วัย แม้จะอยู่ในสภาพยากจนและตกระกำลำบากเพียงใด จำปีก็ไม่เคยท้อแท้ในชีวิตมุ่งมั่นประกอบแต่คุณงามความดีตลอดมา วันหนึ่งวิญญาณของพ่อแม่ของจำปีได้มาเข้าฝัน เพื่อบอกลาไปเกิดใหม่ในสรวงสวรรค์และบอกให้ลูกไปขุดใต้โคนมะเดื่อใหญ่ที่อยู่ในสวนหลังบ้านจะพบ “เรือทองคำกายสิทธิ์” ขนาดเล็กมากซุกซ่อนอยู่ในใต้โคนต้นมะเดื่อ เรือทองคำกายสิทธิ์ดังกล่าวเป็นของคู่บุญบารมีของผู้มีบุญเท่านั้น เรือลำนี้สามารถขยายให้เป็นเรือลำใหญ่หรือให้เล็กลงได้ตามคำอธิษฐานของผู้เป็นเจ้าของ  และสามารถเหาะเหินบนท้องฟ้าได้อีกด้วยเมื่อตื่นขึ้นจึงได้ไปขุดตามที่ฝันก็พบเรือทองคำดังกล่าวตามความฝันทุกอย่าง ทำให้จำปีดีใจเป็นอย่างยิ่ง จึงนำเรือทองคำดังกล่าวเก็บไว้ในย่ามอย่างมิดชิด

คงเป็นบุบเพสันนิวาสของจำปีและศรีที่เคยทำบุญร่วมกันมาแต่ปางก่อน จึงดลบันดาลให้หนุ่มสาวทั้งสองได้พบกันวันหนึ่งจำปีได้ออกไปหาฟืนและเก็บผลไม่ไว้เป็นอาหารก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ จึงเข้าไปดูเห็นเสือโคร่งกำลังวิ่งไล่ศรีอยู่ จึงเข้าช่วยเหลือและต่อสู้กับเสือโคร่งจนสิ้นใจตาย ส่วนจำปีก็บาดเจ็บจากการต่อสู้จนแทบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน ศรีรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่จำปีได้ช่วยเหลือชีวิตนางให้รอดตายในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง จึงช่วยจัดหายามาเพื่อทำการรักษาบาดแผลให้กับจำปี ในเวลาต่อมาคนทั้งสองก็สนิทสนมกันจนกลายเป็นความรัก และตัดสินใจใช้ชีวิตคู่สามีภรรยากันอย่างมีความสุข

กล่าวถึงท้าวอุตตะราช ผู้ครองเมืองอุตตะ ได้เสด็จออกประพาสป่าผ่านมาทางป่ามะเดื่อได้พบจำปี และศรีเกิดความพอใจและหลงไหลในรูปโฉมของศรีภรรยาจำปีเป็นอย่างยิ่ง จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ศรีมาเป็นภรรยาของตัวเอง จนเกิดการต่อสู้เพื่อแย่งชิงนางศรีขึ้น จำปีต่อสู้กับกำลังทหารของท้าวอุตตะราชไม่ได้ จึงบอกให้ภรรยาขึ้นเรือทองคำกายสิทธิ์หนีไปก่อนและตัวเองก็ถูกจับไปเพื่อเป็นเหยื่อล่อให้นางศรีมาช่วยสามีต่อไป นางศรีได้ไปขอความช่วยเหลือจากท้าวเวสสุวัณแต่ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ท้าวเวสสุวัณจึงได้แต่ปลอบใจนางว่า มันเป็นกรรมเก่าของคนทั้งสองที่ยังไม่หมดสิ้น ทุกอย่างย่อมดำเนินไปตามกฎแห่งกรรม ไม่มีใครสามารถหลีกเลี้ยงได้จึงขอให้นางเอาธรรมะเข้าช่วยและอดทนแล้วทุกอย่างจะคลี่คลายไปเอง

นางศรีจึงได้ลาท้าวเวสสุวัณขึ้นเรือทองคำกายสิทธิ์เพื่อกลับมาช่วยเหลือสามี โดยเสนอเงื่อนไขว่าให้ปล่อยสามีของนาง แล้วนางจะยอมทำตามความต้องการของท้าวอุตตะราชทุกอย่าง จำปีเห็นว่าภรรยาจะเสียท่าท้าวอุตตะราช เพราะไม่มีประโยชน์ที่นางศรีจะมาช่วยเหลือเขา เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกทรมานอย่างแสนสาหัส และจำปีรู้ตัวดีว่าคงไม่รอดแน่ จึงตัดสินใจเอาศีรษะพุ่ง      เข้าชนกำแพงอย่างแรงจนสิ้นใจตาย ทำให้นางศรีเสียใจอย่างมาก จึงค่อย ๆ ร่อนเรือทองคำกายสิทธิ์ลงมาหาศพของสามีอย่างเหม่อลอย แล้วเสนอเงื่อนไขให้ท้าวอุตตะราชว่า ก่อนที่นางจะตกลงปลงใจกับท้าวอุตตะราชนั้นขอให้จัดการพิธีศพสามีของนางให้เรียบร้อยก่อน โดยขอให้สร้างธาตุขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิของสามีนางก่อนเพื่อความสบายใจของนาง และเป็นการขอขมาต่อสามีที่ตายไป ท้าวอุตตะราชยอมทำตามที่นางขอ จึงได้ระดมช่างฝีมือดีเป็นจำนวนมากกาก่อธาตุเป็นการใหญ่จนแล้วเสร็จนางศรี จึงแกล้งทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับท้าวอุตตะราช คือยอมแต่งงานด้วย และได้ชวนให้ท้าวอุตตะราช ขึ้นเรือทองคำกายสิทธิ์ พอได้โอกาสจึงผลักท้าวอุตตะราชให้ตกลงมาจนถึงแก่ความตาย ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าเสนาอำมาตย์และชาวเมืองอุตตะราช นางศรีจึงนำเรือเหาะทองคำกายสิทธิ์ลงสู่พื้นดินหน้าธาตุ ที่เก็บอัฐิของสามี อธิษฐานต่อท้าวเวสสุวัณและเทพยดาอินทร์พรหมตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่สิงสถิตย์อยู่บนพื้นพิภพ ขอยึดมั่นในรักเดียวใจเดียวและขอตายตามสามีเพื่อให้ความรักของนางเป็นอมตะตราบนานเท่านาน พออธิษฐานเสร็จนางก็กลั้นใจตายตามสามีแล้วร่างของนางก็กลายเป็นแมวทองคำเคียงข้างกับเรือทองคำกายสิทธิ์อยู่ที่พระธาตุประมัญชาตั้งแต่นั้นมา ผู้รวบรวมสันนิษฐานว่าเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดี และมีใจซื้อสัตย์ต่อผู้เป็นภรรยา ชาวบ้านจึงได้นำชื่อของจำปี  มาตั้งเป็นชื่อตำบล “จำปี” ซึ่งเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอศรีธาตุ และเพื่อแสดงถึงความรักที่เป็นอมตะของ “ศรี” จึงได้นำมารวมกับคำว่า “ธาตุ” ที่เก็บอัฐิของจำปี ผู้เป็นสามีตั้งเป็นชื่ออำเภอว่า “ศรีธาตุ” มาจนถึงทุกวันนี้

ปัจจุบันองค์พระธาตุประมัญชาอยู่ที่วัดศรีธาตุประมัญชา (ป่าแมว) บ้านหนองแวง  ตำบลจำปี  อำเภอศรีธาตุ  ห่างจากอำเภอศรีธาตุ  ๖  กิโลเมตร  เป็นศิลปะแบบล้านช้าง และกรมศิลากรได้บูรณะในปี พ.ศ. ๒๕๓๙  ตามแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่น

อำเภอ
ประวัติศาสตร์
ภูมิศาสตร์
เศรษฐกิจ
คมนาคม
สังคม
การศึกษา
กีฬา
วัฒนธรรม
การเมือง
บทความเกี่ยวกับเขตการปกครองของประเทศไทยนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มข้อมูล ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ประเทศไทย