พระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของ อำเภอสุไหงปาดี

อำเภอสุไหงปาดีมีภูเขาที่สำคัญคือ ทิวเขาสุไหงปาดี ทอดยาวจากอำเภอสุไหงปาดีไปจดอำเภอสุไหงโก-ลก เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกฉัตรวาริน ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสูง 7 ชั้นลดหลั่นกันลงไปมีน้ำไหลตลอดทั้งปี และจากการที่ทิวเขาสุไหงปาดี ยังมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงห่วงใยและได้พระราชทานพระราชดำรัสแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสุไหงปาดี เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2524 ว่า

"เทือกเขาสุไหงปาดี มีความสูง 1,800 ฟุต เป็นเทือกเขาสูงที่สุดในจังหวัดนราธิวาส มีไอน้ำเกาะทำให้เกิดความชุ่มชื้นและแหล่งน้ำ ควรมีการรักษาแหล่งน้ำนี้อย่างจริงจัง"

จากกระแสพระราชดำรัสดังกล่าวทำให้ กรมป่าไม้ดำเนินการสำรวจป่าทิวเขาสุไหงปาดี และได้ข้อสรุปว่าป่าทิวเขาสุไหงปาดีมีสภาพดีมาก มีธรรมชาติที่สวยงาม มีสัตว์ป่าชุกชุมและบางชนิดเป็นสัตว์ที่หายาก อาทิ หมูป่า เก้ง กระจง เลียงผา เสือ หมี หมาริ่ง พญากระรอก นกอินทรี นกเหยี่ยว นกขุนแผนหัวดำ นกเคราแดง รวมทั้งสภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าดงดิบ ประกอบด้วยไม้มีค่านานาชนิด ทั้งไม้ตะเคียน ไม้พญาไม้ ไม้นาคบุตร และต้นไม้ที่หายากได้แก่ ต้นใบสีทองและต้นปาล์มบังสูรย์ ซึ่งมีแต่เฉพาะแถบทิวเขาสุไหงปาดีเท่านั้น จึงได้มีการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติสุไหงปาดีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีผู้สนใจไปเที่ยวชมไปพักผ่อนเพลิดเพลินกับธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงให้อนุรักษ์ทิวเขาสุไหงปาดีนี้ นอกจากจะทำให้ป่าไม้และสัตว์ป่าไม่ถูกทำลายแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ราษฎรในเขตอำเภอสุไหงปาดีมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายอาหาร ของที่ระลึก ที่พัก และการบริการแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติสุไหงปาดีนี้อีกด้วย

นอกจากนี้แล้ว จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสุไหงปาดี หลายครั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 ได้ทรงทราบถึงความเดือดร้อนของราษฎรในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำจืดในการเพาะปลูกและอุปโภคบริโภค ปัญหาเรื่องดินเปรี้ยวซึ่งเกิดจากพรุ เนื่องจากอำเภอสุไหงปาดีมีป่าพรุเล็ก ๆ กระจายทั่วไป ทำให้เกิดปัญหาดินเปรี้ยว จึงได้พระราชทานพระราชดำริในการแก้ไข ทำให้ราษฎรซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมเชื้อสายมลายูมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง