ก้าวเข้าสู่วงการเพลง ของ อิทธิ_พลางกูร

สมาชิกวงเดอะเบลสส์

อิทธิเข้าสู่วงการเพลงด้วยการเป็นสมาชิกวง "เดอะ เบลสส์" ซึ่งเป็นการออดิชั่นเพื่อหางานดนตรีเล่นประจำตามไนท์ คลับ มีสมาชิกยุคเริ่มแรกคือ สุรสีห์ อิทธิกุล ในตำแหน่งมือกีตาร์, สมชาย กฤษณะเศรณี ตำแหน่งมือเบส , โชด นานา มือกลอง และไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว(ปั่น) เป็นนักร้องนำ โดยอิทธิ พลางกูร รับหน้าที่เล่นกีตาร์ พร้อมทั้งได้ปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นให้เบาลงเพื่อให้สามารถเล่นกับโรงแรมหรูๆ ได้[1]

ต่อมาเมื่อ สุรสีห์, ไพบูลย์เกียรติ และ สมชาย ได้แยกตัวออกไป จึงเปลี่ยนสมาชิกในวงเป็น ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล ในตำแหน่งมือกลองและร้องนำ , วิวัฒน์ ไชยเจริญ ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ในยุคแรก มาเป็นสมาชิกในตำแหน่งเปียโน และ นพดล กมลวรรณ อดีตสมาชิกวง เดอะ ฟ็อกซ์ มาเล่นในตำแหน่งคีย์บอร์ด และซินธิไซเซอร์ นอกจากนี้ยังได้ จารึก วิริยะกิจ หนึ่งในนักร้องที่ได้รับฉายาว่าเอลวิส เมืองไทย มาเป็นนักร้องหลักให้กับวง

วงเดอะ เบลสส์ ออกผลงานเพลงไทยชุดแรก เป็นอัลบั้มพิเศษ โดยเป็นการนำบทเพลงแนวโฟล์คซองคำเมือง จากอัลบั้ม โฟล์กซองคำเมือง อมตะ 1 และ 2 ของจรัล มโนเพ็ชร และเพลง คำวิงวอน โดยต้นฉบับของ สมบูรณ์ บุญโรจน์ มาทำดนตรีใหม่ในแนวเพลงดิสโก้ ชื่ออัลบั้ม คำเมืองดิสโก้ สังกัดค่ายชัวร์ออดิโอ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ซึ่งเป็นยุคที่เพลงไทยกำลังเฟื่องฟู เดอะ เบลสส์ ได้ออกสตูดิโออัลบั้มที่เป็นผลงานของตัวเองชุดแรกในชื่อ หัวใจขายขาด สังกัดห้องอัดเสียงทอง ซึ่งมีอุกฤษฏ์ พลางกูร พี่ชายของอิทธิ เป็นผู้บริหารและควบคุมการบันทึกเสียงในขณะนั้น มีเพลงฮิตอย่าง หัวใจขายขาด ซึ่งเป็นเพลงเก่าของสุเทพคอรัส แนวร็อค แอนด์ โรล[2] ร้องโดย ธนิต และเพลง เมื่อใดฉันไร้รัก เพลงช้าที่โดดเด่นมาก จากการร้องของอิทธิ โดยอัลบั้มนี้ได้ สุรพล โทณะวณิก มาเขียนคำร้อง

ปีต่อมา เดอะ เบลสส์ได้ออกอัลบั้ม คืนเหงาใจ ซึ่งมีเพลงฮิตคือ อเมริกา และอิทธิ พลางกูร ได้ร้องนำในอัลบั้มนี้ 4 เพลง ได้แก่ คืนเหงาใจ , ลวง, เธอกับฉัน และ คืนแสงจันทร์ แต่อัลบั้มนี้กลับไม่ประสบความสำเร็จทางยอดขายมากนัก จากนั้นทางวงประสบปัญหาไม่มีที่เล่นดนตรีประจำและสมาชิกเกิดความเบื่อหน่าย จึงยุบวง เดอะ เบลสส์ ที่มีอายุรวม 8 ปี หลังจากยุบวง อิทธิไปเป็นหุ้นส่วนทำห้องอัด "แจม สตูดิโอ" กับพี่ชาย พร้อมกับทำงานเป็นซาวนด์ เอ็นจิเนียร์ และโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินต่างๆ มากมาย

ในนามศิลปินเดี่ยว

อิทธิ พลางกูรได้รับการชักชวนจาก สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ให้ออกอัลบั้มชุดแรกในปี พ.ศ. 2531 ชื่อชุด "ให้มันแล้วไป" กับสังกัดอาร์.เอส.โปรโมชั่น กรุ๊ป และเพียงแค่อัลบั้มแรกก็ประสบความสำเร็จสุดขีด โดยถือเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของวงการเพลงไทยด้วยยอดขายกว่า 700,000 ตลับ โดยเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ ให้มันแล้วไป และ เก็บตะวัน ซึ่งแต่งโดย ธนพล อินทฤทธิ์ ซึ่งต่อมาเพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงยอดนิยมมาตราบจนปัจจุบัน และเป็นเสมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของอิทธิ โดยมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ได้ ปรัชญา ปิ่นแก้ว เป็นผู้กำกับ ซึ่ง 2 เพลงดังกล่าวฮิตติดชาร์ตอันดับหนึ่งเกือบทุกสำนัก นอกจากจะประสบความสำเร็จทางยอดขายแล้ว มิวสิกวิดีโอเพลง เก็บตะวัน ก็ยังได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ชนะเลิศ สาขามิวสิกวิดีโอดีเด่น อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเพลงฮิตอื่นๆ เช่น ยังจำไว้ ซึ่งแต่งทำนองโดย ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล อดีตสมาชิก วงเดอะ เบลสส์ ที่มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ร่วม [3][4] แต่น่าสังเกตว่าเพลงนี้มีทำนองและดนตรีเหมือนกับเพลง 何の矛盾もない (Nanno Mujun Monai) ของ Tsuyoshi Nagabuchi จากอัลบั้ม License ที่ออกมาก่อนหน้านั้นหนึ่งปีแทบทุกประการ[5][6]

ปี พ.ศ. 2532 อิทธิได้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 กับทางอาร์.เอส. โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า ไปต่อไป โดยมีเพลง ไปต่อไป,กายช้ำ และ อย่าเอ่ยคำว่ารัก เป็นเพลงฮิตประจำคลื่นวิทยุ

ปี พ.ศ. 2533 ออกอัลบั้ม อิทธิ 3 เวลา และสร้างความฮือฮาด้วยการนำเทียรี่ เมฆวัฒนา จากวงคาราบาวมาร่วมงานด้วยในเพลง กาลเวลา และเพลงเราสามคน ซึ่งเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องข้ามปี โดยมิวสิกวิดีโอเพลงนี้โด่งดังอย่างมาก เพราะได้ดาราดังในยุคนั้นมาร่วมแสดงถึง 3 คน ได้แก่ ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย, วินิจ เลิศรัตนชัย และ เปิ้ล ปาริกา เทพสุขดี มาร่วมแสดง ก่อนที่ เปิ้ล จะมีผลงานเพลงในนามวงมะลิลา บราซิลเลี่ยน ในอีกระยะเวลาถัดมาไม่นานนัก

ปี พ.ศ. 2535 อิทธิออกอัลบั้มชุดที่ 4 ชื่อชุดว่า ป้ายแดง แม้ว่าจะห่างหายจากอัลบั้มที่แล้ว 2 ปี แต่ก็ยังได้รับความนิยมเช่นเดิม และอัลบั้มนี้มีเพลงฮิตคือฟ้า...ดอกไม้และเธอ ,อย่าทนอีกเลย ซึ่งได้ริสา หงษ์หิรัญ และอรรถชัย อนันตเมฆ มาแสดงมิวสิกวิดีโอร่วมกัน ตลอดจนเพลง เข้าใจหน่อย (โอ๊ย) ที่ได้อุดม แต้พานิชมาเล่นเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอ และเพลง รอยร้าว ซึ่งเป็นเพลงฮิตที่ยังได้ยินอยู่จนถึงทุกวันนี้ โดยเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายที่ทำการบันทึกเสียงที่ แจม สตูดิโอ เพราะทางต้นสังกัดอาร์เอสได้เปิดห้องอัดเสียงเองแล้ว

ปี พ.ศ. 2536 อิทธิ พลางกูร เข้าห้องอัดเสียงอาร์เอส เพื่อออกอัลบั้ม อิทธิ 5 กำลัง D โดยมีเพลงทรมาน เป็นเพลงที่ใช้โปรโมตอัลบั้ม และทำเป็นมิวสิกวิดีโอแสดงโดย พีท ทองเจือ และ จริยา แอนโฟเน่

ปี พ.ศ. 2538 อิทธิ มีอัลบั้มรวมฮิต รวมฮิต เก็บตะวัน โดยมีการเพิ่มเพลงใหม่คือ รู้นะ..คิดอะไรอยู่ โดยได้จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์เล่นเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอ ปีต่อมาได้ออกอัลบั้ม อิทธิ 6 ปกขาว มีเพลงที่ได้รับความนิยมคือ ปกขาว,น้ำในตา ที่ได้ ฉัตรชัย เปล่งพานิช มาเล่นเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอร่วมกับ กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา และ กรรชัย กำเนิดพลอย และได้ สร่างศัลย์ เรืองศรี หรือหนู มิเตอร์ มาช่วยเล่นกีตาร์ นอกจากนี้อิทธิยังทำงานเบื้องหลัง เป็นโปรดิวเซอร์ควบคุมการผลิตผลงานของศิลปินในสังกัดเดียวกันอีกหลายคน เช่น อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, เรนโบว์ (พีระพงษ์ พลชนะ) เป็นต้น

ในปี พ.ศ. 2540 อิทธิได้ออกอัลบั้มรวมฮิตชื่อว่า Heart Hits โดยเพิ่มเพลงใหม่เข้ามา 2 เพลงคือเพลง ฝันร้าย และเพลง ไม่ต้องขอบใจ ต่อมาในปีเดียวกันอิทธิได้ลาออกจากอาร์เอส มาตั้งค่ายเพลงของตัวเองชื่อ มิวสิก ออน เอิร์ธ โดยมี เอ็มจีเอ ดูแลด้านการตลาด พร้อมกับได้ออกอัลบั้มของตัวเองคู่กับเทียรี่ เมฆวัฒนา ในชื่อชุด ฮาร์ท แอนด์ โซล มีเพลงที่ได้รับความนิยม คือ ในกำมือ, ผัดฟัก... ฟักผัด, ฆ่าไม่ตาย, คนดีในชีวิต เป็นต้น และได้ออกอัลบั้มชุด อันปลั๊ก เชดส์ ออฟ เลิฟ โดยนำเพลงในอัลบั้มชุดก่อนๆ ของตนเองและเพลงสากลในอดีตเช่น Reflection Of My Life ของ Marmalade, Still In Love With You ของ Sherbet และ Angelina ของ Rosetta Stone มาขับร้องและทำดนตรีใหม่ในแนวอคูสติกซึ่งก็นับว่าประสบความสำเร็จพอควร

ปีต่อมาทางค่ายได้ออกอัลบั้มรวมเพลงที่ร้องโดยศิลปินในค่ายออกมาในชื่อชุด แค่บอกลา/ใต้แสงจันทร์ โดยอิทธิ พลางกูร ร้องเพลงใหม่ 1 เพลง คือเพลง แค่บอกลา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และผลงานของศิลปินคนอื่นในค่ายที่ออกตามหลังมาก็ไม่ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน ทำให้ต้องปิดค่ายไปในระยะเวลาต่อมาไม่นาน

ใกล้เคียง

อิทธิ พลางกูร อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา อิทธิบาท 4 อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ อิทธิฤทธิ์พิชิตมายา อิทธิพล มามีเกตุ อิทธิฤทธิ์ภูมิเทวดา อิทธิพร บุญประคอง อิทธิพล คุณปลื้ม อิทธิพัทธ์ ฐานิตย์