ชีวิตช่วงเริ่มต้นและการเป็นทหาร ของ อีดี_อามิน

ลำดับเหตุการณ์สำคัญของอามินทางการทหาร
 
King's African Rifles
2489เข้าร่วมกองพันในกรมทหารปืนเล็กยาวแอฟริกา แห่งกองทัพอาณานิคมบริเตน
2490พลทหาร
2495ปราบจลาจลที่ประเทศเคนยา
2496สิบเอก
2501จ่านายสิบ
2503ร้อยโท
 
กองทัพยูกันดา
2504ร้อยเอก
2505พันตรี
2506รักษาการผู้บัญชาการกองทัพ
2508พันเอกผู้บัญชาการกองทัพ
2511พลตรี
2514ประมุข
ประธานสภากลาโหม
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
เสนาธิการทหารบกและเสนาธิการอากาศ
2515อธิปดีกรมตำรวจ / ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
2518รับตำแหน่งจอมพลซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในประเทศยูกันดา

อามินไม่เคยเขียนอัตชีวประวัติเกี่ยวกับตนเอง และเขาก็ไม่ได้ให้ใครได้กล่าวถึงชีวิตของเขาเลย แต่จากแหล่งที่มาเกี่ยวกับชีวประวัติของอามินส่วนใหญ่ชี้ว่าอามินเกิดประมาณ พ.ศ. 2468 ที่เมืองโกโบโกหรือไม่ก็กัมปาลา สมัครเข้าเป็นลูกน้องของเฟร็ด กูเว็ดเดโกจากมหาวิทยาลัยมาเกเรเร (มหาวิทยาลัยมาเกเรเรตั้งอยู่ที่เมืองกัมปาลา) อีดี อามินเป็นลูกชายของอันเดรส ไนอาไบเร (Andreas Nyabire พ.ศ. 2432–2519) ซึ่งบิดาของอามินเป็นชาวกากวา (Kakwa) ซึ่งได้เปลี่ยนศาสนาจากคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกเป็นอิสลาม และได้เปลี่ยนชื่อลูกชายของเขาเป็นอามิน ดาดานั่นเอง เมื่อเขาถูกผู้เป็นบิดาทอดทิ้ง อามินได้เติบโตในครอบครัวของมารดาของเขา ข้อมูลจากกูเว็ดเดโกบอกว่ามารดาของอามินชื่อแอสซา แอตเต (Assa Aatte พ.ศ. 2447–2513) เป็นชาวเผ่าลุกบาราและเป็นผู้สืบทอดความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรประจำเผ่าและทำหน้าที่รักษากษัตริย์แห่งอาณาจักรบูกันดา (Buganda) และชาวบ้านทั่วไป เมื่อปี พ.ศ. 2484 อามินเป็นนักเรียนโรงเรียนมุสลิมในเมืองบอมโบ หลังจากนั้น 2–3 ปี อามินออกจากโรงเรียนและทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่จะผันตัวเองเข้าเป็นทหารในสังกัดกองทัพอาณานิคมบริเตน[8]

กองทัพอาณานิคมบริเตน

อามินเข้าเป็นสมาชิกของกรมทหารปืนเล็กยาวแอฟริกา (King's African Rifles) แห่งกองทัพอาณานิคมบริเตนในปี พ.ศ. 2489 ในตำแหน่งผู้ช่วยคนครัว[9] เขาอ้างว่าได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทำการรบที่ประเทศพม่า[10] แต่ในบันทึกบอกเอาไว้ว่าอามินได้เข้าร่วมกองทัพหลังจากที่สงครามได้ยุติไปแล้ว[7][11] ในปี พ.ศ. 2490 เขาถูกย้ายไปประจำการเป็นพลทหารของกองพันทหารปืนเล็กยาวแอฟริกาที่ 21 ณ เมืองจิลจิล ประเทศเคนยา จนถึงปี พ.ศ. 2492 ในปีนั้นหน่วยรบของเขาได้แปรแถวไปที่ประเทศโซมาเลียเพื่อต่อสู้กับผู้ก่อจลาจลในโซมาเลีย ในปี พ.ศ. 2495 หมู่ทหารของอามินได้ทำการปราบจลาจลมัว มัว ในประเทศเคนย่า ทำให้เขาได้รับแต่งตั้งเป็นสิบเอกในปี พ.ศ. 2496[8]

ในปี พ.ศ. 2501 อามินได้รับตำแหน่งจ่านายสิบ ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดที่ชาวแอฟริกันผิวดำในกองทัพอาณานิคมบริเตนจะได้รับในเวลานั้น อามินกลับสู่มาตุภูมิในปีเดียวกัน ต่อมาอีก 2 ปีเขาได้รับการนำเสนอให้ได้รับตำแหน่งร้อยโท เป็นหนึ่งในสองชาวยูกันดาแรกที่ได้รับตำแหน่งสูงขนาดนั้น ในทันทีเขาได้รับหน้าที่ให้ปราบปรามปัญหาการขโมยปศุสัตว์ในคาราโมจองของยูกันดาและเตอกานาของเคนยา ในปี พ.ศ. 2504 เขาได้ถูกเสนอชื่อให้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก และพันตรีในปีถัดมา และอีกปีถัดมาก็รั้งตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการกองทัพ[8]

อามินยังเป็นนักกีฬาขณะที่รับใช้กองทัพ เขาสูง 193 เซนติเมตรและมีพลังสูงมาก เขาชนะเลิศในการชกมวยรุ่นไลท์เฮฟวีเวทของยูกันดาระหว่างปี พ.ศ. 2494–2503 ทั้งยังว่ายน้ำได้เก่งอีกด้วย อามินเป็นนักกีฬารักบี้ตัวรุกที่ดุดัน[12][13] เคยเล่นให้กับทีมไนล์ อาร์เอฟซี (Nile RFC) [14] และทีมบริติชและไอริช ไลอ้อนส์ (British and Irish Lions) เกือบได้อามินมาร่วมเล่นให้กับทีมที่ประเทศแอฟริกาใต้ในฤดูกาลปี พ.ศ. 2498 แต่เขาเลือกที่จะเป็นตัวสำรองของทีมแอฟริกาตะวันออก 15 (East Afica XV) [13][14] ซึ่งเขาเป็นผู้เล่นผิวดำคนเดียวของทีม[14] อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยได้โอกาสลงเล่นในสนามเลย หลังจบการแข่งขันเขามักจะนั่งนอกอาคารของสโมสรเพื่อดื่มน้ำอัดลมโค้กเป็นประจำ[14]

ผู้บัญชาการกองทัพ

อีดี อามิน

ในปี พ.ศ. 2508 มิลตัน โอโบเตขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับอีดี อามิน ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบนำงาช้างและทองคำเข้าประเทศยูกันดาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกอย่างผิดกฎหมาย เรื่องการลักลอบนำเข้านั้นเป็นข้อมูลที่ได้รับการกล่าวอ้างจากนายพลนิโคลาส โอเล็นกา ผู้ที่มีส่วนร่วมกับผู้นำชาวคองโกพาทริค ลูมัมบาในภายหลัง การลักลอบเป็นส่วนหนึ่งของข้อบังคับกับรัฐบาลของคองโกให้มีการลักลอบงาช้างกับทองคำเพื่อไม่ให้มีการเผชิญหน้าทางการทหารกับกองทัพของอามิน ในปี พ.ศ. 2509 ทางรัฐสภาได้มีข้อเรียกร้องให้สืบสวนเรื่องดังกล่าว โอโบเตได้กำหนดกฎหมายข้อบังคับใหม่ ให้ยกเลิกพิธีแต่งตั้งการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยกาบากา (กษัตริย์) เอ็ดเวิร์ด มูเทซาที่ 2 แห่งบูกันดาลง และประกาศแต่งตั้งตนเองเป็นประธานาธิบดีบริหารบ้านเมือง เขาสนับสนุนให้อามินเป็นผู้บัญชาการกองทัพ อามินได้เข้าทำลายพระราชวังของกาบากา และใช้กำลังเนรเทศมูเทซาไปที่สหราชอาณาจักร ที่ที่มูเทซาอยู่จนกระทั่งชีวิตในปี พ.ศ. 2512[15][16]

อามินเริ่มรับทหารใหม่จากกากวา, ลักบารา, นูเบียน และชนเผ่าอื่น ๆ ในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนประเทศซูดาน ชาวนูเบียนได้อพยพจากประเทศซูดานเข้ามาสังกัดกองพันทหารอยู่ในประเทศยูกันดามาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 แล้ว ในประเทศยูกันดานั้น ชาวนูเบียนถือเป็นชาวต่างด้าวและถูกมองเป็นพวกอพยพจากการก่อจลาจลในสงครามกลางเมืองซูดานครั้งที่ 1 (First Sudanese Civil War) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศยูกันดาเลย เพราะว่ามีชนเผ่าอยู่มากมายทางตอนเหนือของประเทศยูกันดาอาศัยอยู่ในทั้งยูกันดาและซูดาน ดังนั้นจึงอาจกล่าวอ้างได้ว่ากองทัพของอามินนั้นกอปรขึ้นจากเลือดเนื้อเชื้อไขทหารชาวซูดานด้วย[17]

แหล่งที่มา

WikiPedia: อีดี_อามิน http://www.smh.com.au/articles/2003/08/16/10609361... http://www.bookrags.com/biography/idi-amin-dada http://www.britannica.com/eb/article-9007180 http://www.economist.com/world/mideast-africa/Prin... http://www.foreignaffairs.com/articles/29141/richa... http://video.google.com/videoplay?docid=4169600956... http://www.idiamindada.com/ http://www.imdb.com/name/nm0024907/ http://www.livesandlivelihoods.com/files/25826548.... http://www.nationaudio.com/News/DailyNation/170820...