ฮิจญร์อิสมาอีลเป็นรูปเสี้ยวที่ติดกับกะอ์บะฮ์[6] โดยส่วนหนึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ "ฮิจญร์อิสมาอีล" เพราะเป็นที่ที่อิบรอฮีมสร้างที่พักให้อิสมาอีลกับฮาญัร แม่ของท่าน[7]

• อับดุลมุฏฏอลิบ ปู่ของท่านศาสดา ชอบอยู่ใกล้กะอ์บะฮ์ และบางครั้งก็เอาที่นอนมานั่งตรงนี้[8] ในคืนหนึ่ง ในขณะที่เขาหลับ มีร่างเงามาหาเขาเพื่อบอกที่ตั้งของบ่อซัมซัม ซึ่งถูกฝังไปตั้งแต่สมัยของเผ่าญุรฮุม แล้วให้สร้างบ่อที่นั่น[9]
• ในตอนที่ท่านศาสดาอายุ 35 ปี มีน้ำท่วมทำลายกะอ์บะฮ์ โดยเคยถูกไฟไหม้มาก่อน ซึ่งเสี่ยงต่อการพังทลาย[10][11] หลังจากเห็นสิ่งสักการะเสี่ยงต่อการพังทลาย พวกกุเรชตัดสินใจสร้างกะอ์บะฮ์ใหม่ โดยไม่สร้างมลทินจากทรัพยากรที่ซื้อผ่านทางดอกเบี้ย และแหล่งที่มาที่ไม่ฮะลาล และรู้ว่ามีเรือโรมันล่มอยู่ริมท่าเรือเพื่อซื้อไม้ และจ้างช่างไม้ที่มีชื่อว่า บะกูม มาสร้างกำแพงใหม่ การก่อสร้างเริ่มขึ้นโดยแต่ละเผ่ามีหน้าที่ของตนเอง ชนชั้นสูงถือหินมากองไว้ โดยท่านศาสดากับอับบาสช่วยยกหินด้วย อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าต่าง ๆ ไม่สามารถเก็บเงินมาพอที่จะซ่อมกะอ์บะฮ์ทั้งหลัง ดังนั้น จึงมีการสร้างเขตที่สร้างโดยอิบรอฮีมที่เป็นกำแพงขนาดเล็กทางเหนือของกะอ์บะฮ์
• นักวิชาการบางท่านกล่าวว่าสุสานของอิสมาอีลกับฮาญัรฝังที่นี่ แต่ว่าบางกลุ่มปฏิเสธรายงานนี้เพราะถือว่าเป็นสายรายงาน เฎาะอีฟ (อ่อน)
• อาอิชะฮ์รายงานว่า เมื่อเธอถามท่านศาสดาว่า ฮะฏีมเคยเป็นส่วนหนึ่งของกะอ์บะฮ์ไหม? ท่านตอบว่าใช่ แล้วเธอถามต่อว่า ทำไมมันไม่ได้รวมไปกับกำแพงกะอ์บะฮ์? ท่านศาสดาตอบว่า "เพราะผู้คนของเจ้า (กุเรช) ไม่มีงบประมาณเพียงพอ" [บุคอรี]
• อาอิชะฮ์กล่าวว่า "เมื่อฉันอยากละหมาดในกะอ์บะฮ์ ท่านศาสดานำฉันไปที่ฮิจญร์ (ฮะฏีม) และบอกว่า "จงละหมาดที่นี่ถ้าอยากละหมาดในกะอ์บะฮ์ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของกะอ์บะฮ์""
• มีรายงานหนึ่งกล่าวว่า ท่านเราะซูลุลลอฮ์กล่าวว่า "โอ้อาอิชะฮ์! หากมิเพราะยุคญาฮิลียะฮ์เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน ฉันก็คงจะทำลายกะอ์บฮ์แล้วต่อเติมให้เป็นเช่นแบบเดิม ฉันจะทำให้กะอ์บะฮ์สูงเท่าพื้นดิน และเพิ่มสองประตู โดยอันหนึ่งอยู่ที่กำแพงตะวันออก ส่วนอีกอันอยู่ที่กำแพงตะวันตก ซึ่งตามแบบสร้างของอิบรอฮีม" ใน ฮ.ศ. 65 อับดุลลอฮ์ อิบน์ ซุบัยร์ ได้สร้างกะอ์บะฮ์ตามความคิดของท่านศาสดา
• มีรางส่งน้ำออกจากหลังคากะอ์บะฮ์ที่ฮะฏีม ซึ่งถูกสร้างครั้งแรกโดยพวกกุเรช และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "มีซาบ อัรเราะฮ์มะฮ์" (รางส่งน้ำแห่งความเมตตา)[12]