รอบแจ๊กพอต ของ เกมวัดดวง

หลังจากที่เล่นเกมวัดดวงครบทุกรอบแล้ว ผู้ที่ดวงดีที่สุดผ่านเข้ารอบเพียง 1 คนจะได้เข้าไปชิงรางวัลในรอบแจ๊กพอต ในห้องส่งของทางรายการ กติการการเล่นแจ๊กพอตในแต่ละรูปแบบมีรายละเอียดดังนี้

รอบแจ๊กพอตแบบแรก (พ.ศ. 2545 - 2546)

ในเกมนี้ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะการแข่งขันในเกมวัดดวงจะให้เลือกแผ่นป้ายทั้ง 6 แผ่นป้ายโดยป้ายเลข 0 มี 5 แผ่นป้ายส่วนป้ายเลข 1 มีอยู่ป้ายเดียวโดยให้ผู้เข้าแข่งขันเลือกแผ่นป้ายและเลือกตำแหน่ง แสน หมื่น พัน ร้อย สิบ หน่วย ด้วยจากนั้นเมื่อเลือกครบแล้วพิธีกรจะบอกว่าเปลี่ยนตำแหน่งหรือไม่ทั้งนี้เมื่อเปิดเป็นเลข 1 ตามตำแหน่งจะได้เช็คเงินสดตามจำนวนรางวัลที่ได้ อย่างเช่น เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง แสน จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท, เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง หมื่น ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท, เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง พัน ได้เงินรางวัล 1,000 บาท, เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง ร้อย ได้เงินรางวัล 100 บาท, เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง สิบ ได้เงินรางวัล 10 บาท และ เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง หน่วย ได้เงินรางวัล 1 บาท โดยที่หลังเปิดแผ่นป้ายเสร็จพิธีกรจะเขียนเช็คจำนวนเงินรางวัลที่ได้ลงไปในกระดาษเช็คเงินสดจำลองให้ผู้เข้าแข่งขันไปด้วยทั้งนี้ เมื่อจบรอบนี้แล้วผู้เข้าแข่งขันได้รับเงินรางวัลน้อยกว่า 10,000 บาท ผู้เข้าแข่งขันสามารถนำเงินรางวัลที่เปิดได้ มาแลกเปลี่ยนเป็น 10,000 บาทได้ โดยพิธีกรจะมีของให้ 2 อย่าง ในของ 2 อย่างจะมีเงินรางวัล 10,000 หรือ 0 บาท ถ้าเลือกของถูกชิ้น จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาทแทน

รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2547

รอบแจ๊กพอตในปีดังกล่าวมีรูปแบบเป็นหมุนวงล้อเลียนแบบวงล้อออกสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยที่มีวงล้อมีทั้งหมด 6 หลัก แต่ละหลักจะมี 1 - 3 ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทายว่า วงล้อในแต่ละหลักจะออกเลขอะไรบ้าง ถ้าผู้เข้าแข่งขันทายถูก ก็จะได้รับเงินรางวัลไป โดยที่ทายถูกทั้งหมด จะได้รับเงินรางวัลสูงสุด 1,000,000 บาท การทายถูกในแต่ละหลักจะได้รับเงินรางวัลหลักละ 10,000 บาท แต่จะมีการกำหนดรางวัลพิเศษขึ้นคือ ถ้าถูก 2 ตำแหน่งสุดท้าย จะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท (จากเดิม 20,000) ถ้าถูก 3 ตำแหน่งสุดท้าย จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท (จากเดิม 30,000)

ภายหลังได้มีการกำหนดอัตราเงินรางวัลดังนี้

  • ทายถูก 1 หลัก รับเงินไป 10,000 บาท
  • ทายถูก 2 หลัก รับเงินไป 20,000 บาท
  • ทายถูก 3 หลัก รับเงินไป 30,000 บาท
  • ทายถูก 4 หลัก รับเงินไป 50,000 บาท
  • ทายถูก 5 หลัก รับเงินไป 100,000 บาท
  • ทายถูกครบ 6 หลัก รับเงินแจ๊กพอต 1,000,000 บาท

รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2548

รอบแจ๊กพอตในปีดังกล่าวมีรูปแบบเป็นแบบเสี่ยงเซียมซี โดยจะมีเซียมซีทั้งหมด 7 แท่งซึ่งระบุจำนวนครั้งในการเปิดแผ่นป้าย โดยจะมีเลข 1 1 แท่ง เลข 2 2 แท่ง เลข 3 3 แท่ง และคูณ2 1 แท่งเมื่อเสี่ยงเซียมซีได้แล้ว ผู้เข้าแข่งขันมีสิทธิ์เลือกแผ่นป้าย โดยจะมีจำนวนเงินรางวัลดังตารางต่อไปนี้

505001,0001,5002,000
2,5003,0003,5004,0005,000
10,00015,00020,00025,00030,000
35,00040,00050,000100,000500,000

หากผู้เข้าแข่งขัน มีโอกาสเปิดแผ่นป้ายมากกว่า 1 ครั้ง ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเลือกว่า จะเอาเงินรางวัลที่เปิดได้ในใบนี้ (และหยุดเกมลง) หรือเลือกเปิดใหม่ในใบถัดไป (ไม่เอาใบที่เปิดได้)

ต่อมา ได้เปลี่ยนกติกาเล็กน้อย โดยมีกล่องเสี่ยงเซียมซีเลือกแผ่นป้ายทั้งหมด 12 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายจะมีจำนวนเงินแตกต่างกัน โดยมีเงินรางวัลสูงสุดถึง 500,000 บาท และจะมีป้ายพิเศษที่ทวีคูณเงินเป็นสองเท่า ผู้เข้าแข่งขันจะได้เสี่ยงเซียมซี 2 ครั้ง ซึ่งต้องเสี่ยงดวงด้วยการเสี่ยงเซียมซี ถ้าไม้เสี่ยงทายออกหมายเลขใด ก็จะได้รับเงินรางวัลไปตามนั้น การทำแจ็กพอตแตกคือ การเสี่ยงได้ป้าย 500,000 บาท และ ทวีคูณสองเท่า

รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2548-2549

ผู้เข้าแข่งขันจะเลือกป้ายเป่ายิ้งฉุบ 7 แผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรอบแจ๊คพอต (ผู้สนับสนุนรอบแจ๊คพอต คือ เครื่องดื่มกระทิงแดง) หากชนะป้ายที่ผ่านมา จะได้เงินรางวัล 10,000 บาท การเปิดป้ายเป่ายิ้งฉุบนั้น ในแต่ละป้าย จะเป็นดังนี้ (ในป้ายที่ 6 ถ้าชนะป้ายที่ 5 ได้ เงินรางวัลจะบวกอีก 50,000 บาท ป้ายสุดท้าย ถ้าชนะป้ายที่ 6 ได้ จะได้รับเงินรางวัลแจ๊กพอต 1,000,000 บาท)

  • ป้ายที่ 1 รับไปก่อน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นอาวุธใด ๆ ก็ตามเช่น กระดาษ กรรไกร หรือค้อน
  • ป้ายที่ 2 ชนะ ป้ายที่ 1 (ชนะ 1 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 20,000 บาท
  • ป้ายที่ 3 ชนะ ป้ายที่ 2 (ชนะ 2 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 30,000 บาท
  • ป้ายที่ 4 ชนะ ป้ายที่ 3 (ชนะ 3 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 40,000 บาท
  • ป้ายที่ 5 ชนะ ป้ายที่ 4 (ชนะ 4 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 50,000 บาท
  • ป้ายที่ 6 ชนะ ป้ายที่ 5 (ชนะ 5 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 100,000 บาท
  • ป้ายที่ 7 ชนะ ป้ายที่ 6 (ชนะทั้งหมด) จะได้รับเงินรางวัลแจ๊กพอต1,000,000 บาท

ในขณะที่เล่นนั้นสามารถหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากจะหยุด และได้รับเงินรางวัลนั้นไป ในกรณีที่เล่นต่อแล้วเสมอ เงินรางวัลยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงและเล่นต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าเล่นต่อแล้วแพ้ เกมจะหยุดลงโดยทันทีแล้วเงินรางวัลจะเปลี่ยนเป็น 0 บาททันที แต่ทีมงานจะมีเงินรางวัลปลอบใจเป็นค่ายานพาหนะกลับบ้าน 5,000 บาท

รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2550

รอบแจ๊กพอตในปี 2550 เป็นการเปิดป้ายหาของรางวัลรวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท เริ่มแรก ผู้เข้ารอบแจ็กพอต จะได้หมุนคันโยก เพื่อให้ได้เลขจำนวนการเปิดป้าย 2 ถึง 6 ป้าย เมื่อได้จำนวนป้ายที่เปิดแล้ว จึงจะมาเปิดป้ายของรางวัลจาก 12 แผ่นป้าย เมื่อเปิดเจอป้ายอะไร จะได้รับของรางวัลดังกล่าว ถ้าดวงดี แจ๊กพอตแตกเปิดเจอโลโก้กระทิงแดงหันหน้าชนกัน (ซึ่งจะมี 2 ป้ายคือ โลโก้ส่วนซ้าย กับโลโก้ส่วนขวา) เกมจะหยุดลงทันทีและจะได้รับของรางวัลทั้งหมดในรอบแจ๊กพอตกลับบ้านไปเลย (รอบแจ๊คพอตนี้สนับสนุนโดย เครื่องดื่มกระทิงแดง)

รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2551

รอบแจ๊กพอตในปี 2551 จะเป็นการเลื่อนคันโยกให้วัวกระทิงแดงเคลื่อนที่หันหน้ามาชนกัน โดยผู้เข้าแข่งขันที่ชนะ จะเลือกคันโยก 6 คันโยก จาก 12 คันโยก ให้วัวกระทิงแดงหันหน้าชนกัน โดยมีป้ายเฉลยเป็นตัวยืนยัน เมื่อดึงถูกรูปวัวกระทิงแดงจะเลื่อนขึ้นมา และป้ายเฉลยจะเป็นรูปตราสัญลักษณ์กระทิงแดง และได้รับเงินรางวัลสะสมป้ายละ 10,000 บาท ถ้าเลื่อนผิด รูปวัวจะไม่เคลื่อน ในป้ายเฉลยจะเป็นรูปพิธีกรดีเจไก่หรือน้าเน็ค ซึ่งตราสัญลักษณ์และรูปพิธีกรจะมีอย่างละ 6 แผ่นป้าย ถ้าเลื่อนคันโยกถูกติดต่อกันถึง 6 คันโยก จะได้รับรถยนต์ ซึ่งเป็นรางวัลแจ๊กพอตในปีนี้ ในกรณีที่เจอรูปพิธีกรตั้งแต่ป้ายแรก (วัวไม่เคลื่อน) จะมีโอกาสเปิดให้เป็นรูปพิธีกรให้ครบ 6 แผ่นป้ายได้ จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท

รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2552

ในรอบแจ๊กพอตของเกมวัดดวงจะมีกติกามีอยู่ว่าจะมี 12 กล่องซึ่งจะมีสร้อยคอทองคำ 1 บาทมีอยู่ 6 กล่องส่วนอีก 6 กล่องเป็นรูปภาพซึ่งรูปภาพในแต่ละกล่องเป็นรูปภาพของผู้ชมทางบ้านโดยกติกามีอยู่ว่าให้เลือกกล่องไหนถ้าเลือกเจอกล่องที่มีสร้อยทองนั้นถือว่าเล่นต่อไปแต่เปิดกล่องรูปภาพของผู้ชมทางบ้านถือว่าเกมจะหยุดลงทันทีและรวบรวมสร้อยคอทองคำที่เปิดได้อยู่ด้วยและภาพที่ถูกเปิดนั้นเจ้าของรูปก็ได้รับเงินรางวัล 2,000 บาทแต่กรณีเปิดเป็นรูปของผู้ชมทางบ้านตั้งแต่แรกจะให้เล่นต่อโดยให้หากล่องที่มีสร้อยคอทองคำโดยเปิดกล่องเป็นสร้อยคอทองคำ 1 บาทถือว่าหยุดเกมลงทันทีทั้งนี้เมื่อเปิดกล่องที่มีสร้อยคอทองคำ 1 บาท ครบทั้ง 6 กล่องจะได้รับรถยนต์ซึ่งเป็นรางวัล แจ๊กพอต เจอตัวหยุด ครบทั้ง 6 กล่องจะได้รับเงินรางวัล 12000 บาท

รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2558 (แบบ Season)[5]

ในรอบแจ๊กพอตของเกมวัดดวงในปี 2558 จะแบ่งเป็น 3 เกมประกอบด้วย

  1. เกม Egg Roulette (ในรายการสะกดเกมด่านนี้ว่า "Egg Rulet") มีกติกาคือ ทางพิธีกรจะจับผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบทั้ง 5 คนจาก 5 สเตจแข่งขัน มา 1 คน โดยคนที่ถูกจับจะสามารถเลือกอีก 1 คนจาก 4 คนที่เหลือเพื่อเป็นเหยื่อสำหรับการยิงไข่เพื่อวัดดวงว่าไข่ที่ปานั้นเป็น ไข่ดิบหรือไข่ต้ม จากไข่ทั้งหมด 6 ฟอง (แต่มีไข่ดิบแค่ฟองเดียว) ใครโดนปาแล้วเป็นไข่ดิบ ตกรอบแรก
  2. เกม Bingo TV Program มีกติกาคือ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะมีสิทธิ์หยิบเลือกการ์ดที่มีตัวเลข 0-9 จำนวน 5 ชุด ชุดละ 1 ใบต่อ 1 คน และให้ลุ้นจากตัวเลขต่าง ๆ ที่พูดออกมาจากตัวอย่างรายการของช่อง GMM25 ใครที่เจอตัวเลขที่พูดออกมาในแต่ละตัวอย่างรายการ ก็จะสามารถดึงเลขต่าง ๆ มาลงที่กองกลาง ใครลงครบ 5 ใบก่อน เข้ารอบสุดท้าย โดยรอบนี้จะคัดเลือกเฉพาะ 2 คนแรกที่ลงการ์ดตัวเลขครบก่อน
  3. เกม Wheel of Million มีกติกาคือ มีวงล้อที่มี 13 ช่อง โดยแต่ละช่องจะมีตัวอักษรประกอบด้วย G, M, 2 และ 5 ซึ่งตัว G, M และ 2 จะมีอย่างละ 4 ช่อง ส่วนเลข 5 จะมีแค่ช่องเดียวเท่านั้น โดยให้คุณสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของช่องมาเป็นผู้จับว่าใครจะได้หมุนวงล้อนี้ก่อน หลังจากนั้นก็ให้แต่ละคนหมุนวงล้อ ถ้าหากหมุนแล้วได้ตัวอักษร G-M-M-2-5 ตามลำดับ ถือว่าชนะในเกมนี้ และได้เงินรางวัล 1 ล้านบาทไปครอง

ซึ่งผู้ที่ได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาทในซีซั่นนี้คือ นายหิรัณย์ พรหมมา (กาย) อายุ 18 ปี ที่ผ่านเข้ารอบจากสเตจเรือหลวงจักรีนฤเบศร

รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2558 (แบบปกติ)

ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นสุดยอดคนดวงดีประจำสัปดาห์ จะต้องเข้าแท่นหมุนดวงเสี่ยงโชค (บางกรณีทางรายการให้ปั่นจิ้งหรีด นั่งเก้าอี้หมุน ฯลฯ) หลังจากนั้นจะต้องออกมาเลือกกล่องเพียงกล่องเดียว จาก 10 กล่องจะมี 20,000 บาท 1 กล่อง 10,000 บาท 2 กล่อง นอกนั้นของเสริมดวง หากเปิดเจอของเสริมดวง ก็รับของเสริมดวง หากเจอเงิน 10,000 บาท ก็รับเงิน 10,000 บาท หากเจอเงิน 20,000 บาท ก็รับเงิน 20,000 บาทไปเลย