งาน ของ เคราร์ด_ดาฟิด

งานในสมัยแรกของดาฟิดเป็นงานที่เขียนตามแบบจิตรกรของฮาร์เลมเช่นดีร์ก เบาตส์, อัลเบิร์ต ฟัน เอาเดอวาเตอร์ และเคร์ตเคิน โตต ซินต์ ยันส์ (Geertgen tot Sint Jans) แต่ดาฟิดเองก็เริ่มมีความสามารถในการใช้สี งานในช่วงนี้ก็ได้แก่ภาพ "นักบุญจอห์น" (งานสะสมเคาฟ์มันน์ในเบอร์ลิน) และ "นักบุญเจอโรม" เมื่อมาถึงบรูช ดาฟิดก็ลอกเลียนงานของยัน ฟัน ไอก์, โรเคียร์ ฟัน เดอร์ไวเดิน และฮือโค ฟัน เดอร์คุส นอกจากนั้นก็ยังได้รับอิทธิพลโดยตรงจากฮันส์ แม็มลิง ที่ดาฟิดติดตามอย่างใกล้ชิด ดาฟิดศึกษาและได้รับลักษณะการเขียนหลายอย่างจากแม็มลิงที่รวมทั้งการวางลักษณะภาพ การวาดให้เป็นสัจนิยมมากขึ้น และการจัดองค์ประกอบของตัวแบบในภาพ

งานของศิลปินมีชื่ออีกคนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่องานช่วงต่อมาในชีวิตเมื่อดาฟิดเดินทางไปแอนต์เวิร์ป ในปี ค.ศ. 1515 และได้รับความประทับใจจากงานเขียนของกวินเติน มัตไซส์ (Quinten Matsijs) ผู้ทำให้ดาฟิดเข้าใจถึงความมีชีวิตและความใกล้ชิดของภาพเขียนในหัวเรื่องทางศาสนา ภาพ "ปีเอตา" (หอศิลป์แห่งชาติ ลอนดอน) และภาพ "ชะลอร่างจากกางเขน" (งานสะสมกาวัลโลที่ปารีส) เป็นตัวอย่างของงานจากช่วงนี้และเป็นภาพที่แสดงความเป็นนาฏกรรมที่เด่น แต่งานชิ้นที่สำคัญที่สุดของดาฟิดคืองานฉากแท่นบูชาที่เขียนก่อนที่จะเดินทางไปแอนต์เวิร์ป ได้แก่ "การแต่งงานของนักบุญแคเธอริน" (หอศิลป์แห่งชาติ ลอนดอน); บานพับภาพ "พระแม่มารีบนบัลลังก์และนักบุญ" (งานสะสมบริญโญเล-ซาเลที่เจนัว); "การประกาศของเทพ" (งานสะสมซีคมาริงเงิน) และที่ดีเด่นที่สุดก็คือภาพ "พระแม่มารีกับเทวดาและนักบุญ" ที่เขียนให้กับชีคาร์มิไลต์ (Carmelite) ในบรูชที่ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่รูอ็อง

บรูชมีภาพเขียนของดาฟิดเหลืออยู่เพียงไม่กี่ภาพ ได้แก่ "การตัดสินของแคมไบซีส" (The Judgment of Cambyses), "การถลกหนังซิแซมนิส" (The Flaying of Sisamnes), "พระเยซูรับศีลจุ่ม" และ "พระเยซูแปรรูป" นอกจากนั้นก็กระจัดกระจายไปทั่วโลก ชื่อเสียงของดาฟิดมาฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งเมื่อภาพเขียนของดาฟิดเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงภาพเขียนของจิตรกรชั้นครูของเฟลมิชจากสมัยเนเธอร์แลนด์เริ่มแรก ในปี ค.ศ. 1902

นอกจากงานจิตรกรรมแล้ว ดาฟิดก็ยังเขียนภาพสำหรับหนังสือวิจิตร เช่นในงาน "เวอร์จินในหมู่เวอร์จิน" (ห้องสมุดมอร์แกน) และภาพเหมือนของจักรพรรดิมักซีมีเลียนในเวียนนา นอกจากนั้นก็มีงานวาดเส้น และงานบางชิ้นก็มีอิทธิพลต่อจิตรกรในหลายสิบปีต่อมา[3]

ในเวลาที่ดาฟิดเสียชีวิตการเป็นเมืองศูนย์กลางของบรูชในทางศิลปะก็เริ่มลดถอยลง โดยมีแอนต์เวิร์ปเข้ามาแทนที่ทั้งในด้านการเมืองและการค้าขาย ในบรรดาลูกศิษย์ของดาฟิดในบรูชก็ได้แก่อาดรียาน อีเซินบรันต์ (Adriaen Isenbrant), อัลเบิร์ต กอร์เนลิส (Albert Cornelis) และอัมโบรเซียส เบนสัน (Ambrosius Benson) ที่กลายมาเป็นจิตรกรมีชื่อ ส่วนในบรรดาจิตรกรเฟลมิชโยอาคิม ปาตีนีร์ (Joachim Patinir) และยัน โคสซาร์ต (Jan Gossaert) ก็ได้รับอิทธิพลของดาฟิดบ้าง