เขาได้ใช้ชื่อในวงการบันเทิงว่า "เจมส์ มาร์" โดยตั้งตามแซ่เดิมของบิดา สาเหตุที่เขาไม่ใช้ชื่อสกุลจริง เพราะเกรงว่าการงานของตนอาจไปกระทบภาพลักษณ์ธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่[43] ครอบครัวของเจมส์เป็นครอบครัวขยาย และนับถือศาสนาพุทธ[44] ส่วนตัวชอบทำสมาธิ ประพฤติตนตามศีล 5 อยู่เสมอ และจะเข้าวัดเมื่อมีโอกาส[45] เขากล่าวว่าได้รับการเลี้ยงดูแบบคนจีนแต่ไม่เคร่งครัดมาก[46] เขามีน้องสาวคนหนึ่งเขากล่าวถึงน้องสาวว่า "...ผมจะไม่ค่อยยุ่งกับเค้า เค้าจะห้าว ๆ ดูน่าจะดูแลตัวเองได้ แต่ก็มีเป็นห่วงบ้าง"[47] แต่จากการที่อยู่ฮ่องกงมาระยะหนึ่งทำให้เจมส์พูดภาษาไทยแปร่งและไม่เข้าใจศัพท์บางคำ[12][14] และใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันในครอบครัวเป็นหลักโดยมีพ่อแม่สอนมาตั้งแต่ยังเด็ก[19] และพูดค่อนข้างเร็ว[40] เขาสามารถพูดภาษากวางตุ้งได้ระดับหนึ่ง[12] และมีความรู้ภาษาจีนในขั้นพื้นฐานแต่พูดไม่ได้เลย[19]

เจมส์มองว่าตัวเขา "ชอบเล่นกีฬา ชอบกิน และชอบเที่ยว"[19] เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย[48] และ "มีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างสูง"[14] แต่คนอื่นมักมองว่าเขาเป็นเงียบ ๆ และโลกส่วนตัวสูง เขากล่าวว่า "...จริง ๆ ผมไม่ได้เป็นคนเงียบ จะเงียบเฉพาะเวลางานเท่านั้น เพราะว่าตั้งใจ"[28] เขากล่าวถึงตัวเองว่า "...อย่าคิดว่าผมเป็นคนดังอะไรมาก คิดว่าผมเป็นคนธรรมดา ผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเอง..."[49] เขามีเพื่อนสนิทไม่มาก[50] และคลายเหงาด้วยการเลี้ยงแมวเป็นเพื่อน[49] ทั้งนี้เขาชื่นชอบและใช้เวลาว่างในการเล่นเกม[50] เจมส์มักแพ้ฝุ่นและแพ้อากาศบ่อย ๆ และมักแสดงอาการแพ้บนใบหน้าทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน[51]

เจมส์เล่นเฟซบุ๊กเพียงอย่างเดียว และไม่เล่นเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่น ๆ อีกเลยดังดาราที่มีชื่อเสียงคนอื่น จนถูกมองว่าเชย[36][52] วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เขาตัดสินเปิดบัญชีอินสตราแกรม[53]

ด้านความรักเขาเคยมีแฟนเมื่ออายุได้ 15-16 ปี แต่เลิกรากันเพราะเธอคนนั้นไปศึกษาต่อต่างประเทศ ปัจจุบันเจมส์เป็นโสด[12][50][54] ทั้งยังกล่าวว่าเขา "...ไม่ขี้อ้อน ไม่กะล่อน และไม่เจ้าชู้"[14] และ "...ผมเชื่อพรหมลิขิตนะ เชื่อในโชคชะตา..."[28] และกล่าวว่าเขาไม่ค่อยสมหวังในความรัก[39][50] และเขายืนยันว่าตนเองต้องการความรักต่างเพศ[55]

ก่อนการเป็นนักแสดงเจมส์มีความฝันที่อยากจะเป็นนักกอล์ฟ[17][28][56] ทั้งนี้เมื่อครั้งยังศึกษาที่โรงเรียนเซาท์ไอส์แลนด์ในฮ่องกง เขาเคยแข่งขันกีฬาดังกล่าวจนได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทองคู่กับนิโคลัส วูลคอต-บราวน์ ในการแข่ง ISSFHK Golf Pairs Championship เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551[57] เขากล่าวถึงกีฬากอล์ฟว่า "ถือว่าเป็นกีฬาที่จริงจังที่สุด ไม่ได้คิดอยากเป็นโปร แต่อยากมีฝีมือแบบโปร...ทุกวันนี้แค่ไปตีให้ไม่อายใครก็พอแล้วครับ พยายามรักษาระดับ..."[50] หากอยู่ในกรุงเทพมหานครหรือออกไปอยู่ที่หัวหินหรือเชียงใหม่[50] เขาจะใช้เวลาว่างไปกับการฟิตเนสและตีกอล์ฟ[36]