พระประวัติ ของ เจ้าจอมแว่น_ในรัชกาลที่_1

ราชตระกูลจากราชวงศ์เวียงจันทน์

เจ้านางคำแว่นเป็นเจ้านายราชวงศ์เวียงจันทน์องค์แรกที่เชื่อมสัมพันธ์ทางเครือญาติกับราชวงศ์จักรีของสยาม เดิมเป็นชาวนครหลวงเวียงจันทน์ สันนิษฐานว่าประสูติที่เมืองพานพร้าว (พันพร้าว หรือ ธารพร้าว) ปัจจุบันคือ ต.พันพร้าว จ.หนองคาย ตรงข้ามนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นธิดาพระนครศรีบริรักษ์ (ท้าวศักดิ์ หรือ ท้าวพัน) เจ้าเมืองขอนแก่นหรือผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่นองค์แรก พระนครศรีบริรักษ์เป็นต้นสกุลเสนอพระ นครศรีบริรักษ์ แพนพา อุปฮาด สุนทรพิทักษ์ ฯลฯ ใน จ.ขอนแก่น เจ้านางคำแว่นเป็นพระนัดดาเจ้าแสนปัจจุทุมหรือท้าวแสนแก้วบุฮม(นักประวัติศาสตร์บางคนสันนิษฐานว่าท่านคือเจ้าศรีวิชัย บุตรพระเจ้าธรรมิกราชซึ่งในพื้นเมืองท่งและเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า ท่านเป็นบิดาของเจ้าแก้วมงคลและเจ้าจันทรสุริยวงศ์) บ้านเพี้ยปู่ เมืองธุรคมหงส์สถิต (เมืองทุละคม) นครหลวงเวียงจันทน์[3] เป็นพระราชปนัดดาสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 (สมเด็จพระเจ้าสิริบุญสาร) พระมหากษัตริย์แห่งนครหลวงเวียงจันทน์ และเป็นพระราชนัดดา (หลานลุง) เจ้าแก้วมงคล (เจ้าแก้วบุรม) ผู้สร้างเมืองท่งศรีภูมิ ปัจจุบันคือ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด แต่มีเนื้อความขัดแย้งกับพงสาวดารเมืองท่ง(พื้นเมืองท่ง) กล่าวคือ เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าแก้วมงคลจะเป็นพี่น้องกับเพี้ยเมืองแพนหากเป็น ปู่-หลาน จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าเนื่องจากเจ้าแก้วมงคล ประสูติ ณ. ปี พ.ศ. 2184 ส่วนเพี้ยเมืองแพนเป็นเจ้าเมืองในปีพ.ศ. 2340 ซึ่งห่างกัน 156 ปี บ้างว่าพระนครศรีบริรักษ์ (ศักดิ์) บิดาเป็นบุตรพระรัตนวงศามหาขัติยราช (ภู) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ พระรัตนวงศาฯ เป็นอนุชาพระยาขัติยวงศ์พิสุทธิบดี (สีลัง ต้นสกุล ธนสีลังกูร) เจ้าเมืองร้อยเอ็ด ทั้ง 2 เป็นบุตรพระขัติยวงศา (ทนต์ หรือ สุทนต์) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดองค์แรก และมีศักดิ์เป็นพระราชนัดดาเจ้าแก้วมงคล ทัศนะนี้เจ้านางคำแว่นจึงเป็นพระราชปนัดดาเจ้าแก้วมงคล มีหลักฐานที่เชื่อว่าเป็นบันทึกเก่าแก่ซึ่งน่าจะมีอายุและความน่าเชื่อถือกว่า ทั้ง 2 กรณี(ทัศนะ)ข้างต้น จากเอกสารพื้นเมืองท่ง-เอกสารฝ่ายทายาทเมืองสุวรรณภูมิ(ทัศนะที่3) มีกล่าวว่า เจ้ามืดดำโดน มีโอรส 3 องค์ คือ เจ้าเชียง เจ้าสูน เจ้าอุ่น(ปลัดเมืองขุขันธ์ซึ่งต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองศีร์ษะเกษท่านแรก นามว่า พระยารัตนวงศา อีกทั้งยังเป็นลูกเขยของพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนหรือตากะจะเจ้าเมืองขุขันธ์ท่านแรกและเป็นบิดาของพระประจันตประเทศหรือเจ้าเมืองชลบถวิบูลย์ท่านแรก) ส่วนเจ้าเซียงบุตรท้าวมืด มีบุตร 3 คน คือ ท้าวเพ (เจ้าเมืองหนองหานท่านแรก), ท้าวโอ๊ะ (เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ), ท้าวพร และธิดาไม่ทราบนามอีก 2 คน ในพื้นเมืองท่ง ระบุว่าท้าวพรซึ่งเป็นบุตรของท้าวเซียงมีบุตรชาย 2 คน คือ เพี้ยเมืองแพน (พระนครศรีบริรักษ์ เจ้าเมืองขอนแก่นท่านแรก) เพี้ยศรีปาก (พระเสนาสงคราม เจ้าเมืองพุทไธสงท่านแรก และเป็นบิดาของพระยานครภักดี เจ้าเมืองแปะหรือบุรีรัมย์ท่านแรก)[4][5] ราชตระกูลฝ่ายบิดาเจ้านางคำแว่นปกครองเมืองขอนแก่นตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนปฏิรูปการปกครองยกเลิกระบบกินเมืองหลัง พ.ศ. 2444 ราชวงศ์และกลุ่มเครือญาติเป็นต้นตระกูลสำคัญของภาคอีสานหลายสายและแยกย้ายตั้งบ้านเมืองในหัวเมืองลาวมากถึง 23 หัวเมืองคือ เมืองท่ง (ท่งศรีภูมิ) เมืองสุวรรณภูมิราชบุรีประเทษราช (สุวรรณภูมิ) เมืองร้อยเอ็ดราชบุรีศรีสาเกต (ร้อยเอ็ด) เมืองชลบถวิบูลย์ (ชลบถ) เมืองขอนแก่น เมืองเพี้ย (บ้านเมืองเพี้ย) เมืองรัตนนคร เมืองมหาสารคาม เมืองศรีสระเกษ เมืองโกสุมพิสัย เมืองกันทรวิชัย (โคกพระ) เมืองวาปีปทุม เมืองหนองหาร (หนองหานน้อย) เมืองโพนพิสัย (โพนแพง) เมืองพุทไธสงค์ เมืองเกษตรวิสัย เมืองพนมไพรแดนมฤค (พนมไพร) เมืองธวัชบุรี เมืองพยัคฆภูมิพิสัย (บ้านเมืองเสือ) เมืองจตุรพักตรพิมาน (บ้านเมืองหงษ์) เมืองขามเฒ่า เมืองเปือยใหญ่ (บ้านค้อ) และเมืองน่าน (นันทบุรี) [6]

พี่น้อง

เจ้านางคำแว่นมีพี่น้องร่วมบิดา 5 ท่านคือ

1. เจ้านางคำแว่น (เจ้าจอมแว่น)

2. พระนครศรีบริรักษ์ (จาม) เจ้าเมืองขอนแก่น

3. ท้าวผาม

4. เพียวรบุตร กรมการเมืองขอนแก่น บิดาพระยานครศรีบริรักษ์ บรมราชภักดีศรีศุภสุนทร (อุ หรือ อู๋ ต้นสกุล นครศรีบริรักษ์ ) เจ้าเมืองขอนแก่นองค์สุดท้าย ผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่นท่านแรก และจางวางราชการเมืองขอนแก่น

5. หญิงไม่ปรากฏนาม หม่อมในพระนครศรีบริรักษ์ (คำบ้ง หรือ คำบัง) เจ้าเมืองขอนแก่น[7]

เชลยศึก

เดิมเจ้านางคำแว่นอาศัยอยู่กับบิดาที่นครหลวงเวียงจันทน์แต่ครั้งบิดาบรรดาศักดิ์เพียเมืองแพนกรมการเมืองธุรคมหงส์สถิต ทำราชการขึ้นราชอาณาจักรเวียงจันทน์ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 (สมเด็จพระเจ้าสิริบุญสาร) ต่อมาบิดาเลื่อนเป็นเจ้าเมืองรัตนนคร[8] พ.ศ. 2321 เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ร. 1) เป็นแม่ทัพยกทำลายนครหลวงเวียงจันทน์พร้อมกวาดต้อนครัวลาว พระราชโอรส พระราชธิดา พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางท้าวเพีย และทรัพย์สมบัติสิ่งของศาสตราวุธ ช้างม้าเป็นอันมากมาธนบุรี พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระบาง และพระพุทธรูปมีค่าจำนวนมากของลาวถูกอัญเชิญมาสยามในสงครามครั้งนี้ด้วย เจ้านางคำแว่นในฐานะเชลยศึกจึงตามเสด็จสู่แผ่นดินสยามเช่นกัน[9] ฝ่ายเพียเมืองแพนบิดาอพยพพลข้ามโขงตั้งบ้านเรือนกระจายหลายแห่งในภาคอีสานคือ บ้านโพธิ์ตาก (ปัจจุบันคือ บ.โพธิ์ตาม ต.บ้านกง อ.เมืองขอนแก่น) บ้านยางเดี่ยว บ้านโพธิ์ศรี (ปัจจุบันคือ บ.โพธิ์ศรี ต.บ้านโน อ.กระนวน จ.ขอนแก่น) บ้านโพธิ์ชัย (ปัจจุบันคือ บ.โพธิ์ชัย อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น) จากนั้นอพยพพลบางส่วนมาตั้งที่บ้านชีโหล่นแขวงเมืองท่ง (สุวรรณภูมิ) แล้วอพยพไพร่พลตั้งเป็นเมืองเพี้ยที่บ้านโนนกระยอม (ดอนพยอม)[10] (ปัจจุบันคือ บ.เมืองเพี้ย ต.เมืองเพี้ย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น) 9 ปีต่อมา พ.ศ. 2331 จึงพาไพร่พลประมาณ 330 คนขอแยกตัวจากเมืองสุวรรณภูมิไปตั้งที่ฝั่งบึงบอน[11]ในทัศนะที่1 ที่กล่าวมาข้างต้นความน่าจะเป็นไปได้น้อยมากเนื่องจากมีความขัดแย้งกับพื้นเมืองจากหลายๆฉบับ มีนักประวัติศาสตร์หลายท่านมองว่าบันทึกประวัติเมืองขอนแก่นในทัศนะที่1พึ่งถูกบันทึกขึ้นใหม่อายุของเอกสารการบันทึกยังมีมาไม่นาน อาจเนื่องด้วยความขัดแย้งภายในราชวงศ์เจ้าจารย์แก้ว ระหว่างท้าวอ่อนเจ้าเมืองสุวรรณภูมิกับเพี้ยเมืองแพนจึงทำให้ผู้บันทึกข้อมูลประวัติเมืองขอนแก่นและประวัติของเพี้ยเมืองแพนบันทึกคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงและต่างจากเอกสารพื้นเมืองอื่นๆ (ทัศนะที่2-3) ที่มีอายุการบันทึกของเอกสารที่มีอายุที่ยาวนานกว่า

ใกล้เคียง

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ 5 เจ้าจอมแว่น ในรัชกาลที่ 1 เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าจอมก๊กออ เจ้าจอมมารดาจีน เจ้าจอมมารดาเที่ยง ในรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาทับทิม ในรัชกาลที่ 5 เจ้าจอมมารดากลิ่น ในรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมนรินทร์ เจ้าจอมมารดาชุ่ม ในรัชกาลที่ 4

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจ้าจอมแว่น_ในรัชกาลที่_1 http://bangkrod.blogspot.com/2011/12/blog-post_27.... http://ps8921.blogspot.com/2011/09/blog-post.html http://www.chalaom.com/forums/?topic=263.10;wap2 http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cac... http://www.khonkaenjob.com/khonkaenjob2.html http://pantip.com/topic/32458543 http://2g.pantip.com/cafe/library/topic/K8512326/K... http://board.postjung.com/783480.html http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply... http://www.sujitwongthes.com/2011/02/