เกียรติประวัติ ของ เจ้าพระยานครราชสีมา_(ทองอินทร์_ณ_ราชสีมา)

ขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาแทนพี่ชาย

เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้เริ่มรับราชการ ณ เมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 1 โดยช่วยงานราชการ พระยานครราชสีมา (เที่ยง ณ ราชสีมา) บุตรของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชาย ต่อมาในปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาสืบแทน และได้รับบรรดาศักดิ์สุดท้ายเป็น "เจ้าพระยากำแหงสงคราม รามภักดี อภัยพิริยบรากรมพาหุ เจ้าเมืองนครราชสีมา"

ปราบเจ้าเมืองขุขันธ์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และเจ้าราชวงศ์แห่งจำปาศักดิ์

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2369 พระยาไกรสงคราม เจ้าเมืองขุขันธ์ วิวาทกับน้องชาย มีพระราชโองการให้เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) กับพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา ยกกำลังไปปราบปรามให้สงบ โดยให้หลวงยกกระบัตรอยู่รักษาเมือง แต่ในที่สุดกลับต้องทำการรบติดพันกับพระยาไกรสงครามที่เมืองขุขันธ์ ทำให้เจ้าอนุวงศ์ นำทัพลาวเวียงจันทน์ เข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เมื่อความทราบถึงเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) จึงให้พระยาปลัดเมืองนครราชสีมากลับเข้าเมืองนครราชสีมาเพื่อควบคุมครัวเรือนนครราชสีมาให้รวมกันติดที่บ้านปราสาท ในขณะที่ชาวเมืองนครราชสีมา ได้ถูกกวาดต้อนไปกับกองทัพเวียงจันทน์ จากนั้นพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา คุณหญิงโมภรรยาปลัดเมือง หลวงยกกระบัตร พระณรงค์สงคราม ได้ร่วมกันนำชาวเมืองนครราชสีมาเข้าต่อสู้กับกองทัพลาวจนได้ชัยชนะในเบื้องต้นจนเกิดเป็นวีรกรรม ณ ทุ่งสำริด และกองกำลังชาวเมืองนครราชสีมาได้ตีทัพลาวที่เจ้าอนุวงศ์ส่งมาช่วยแตกพ่ายไปอีกครั้งหนึ่ง จากวีรกรรมครั้งนี้ คุณหญิงโมได้รับพระราชทานนามเป็น ท้าวสุรนารีในเวลาเดียวกันเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ยังรบติดพันกับกองทัพเมืองขุขันธ์และกองทัพลาว จากนั้นได้ถอยอ้อมมาทางเมืองเสียมราฐ และเข้าจังหวัดปราจีนบุรีจึงบรรจบกับกองทัพไทยอีกครั้งหนึ่งเมื่อเจ้าอนุวงศ์รู้ข่าวกองทัพพระนครจึงสั่งถอยทัพออกจากเมืองนครราชสีมาและสั่งทำลายกำแพงเมืองนครราชสีมาสองด้าน พระยาไกรสงครามได้ถอยทัพไปด้วยแต่ในที่สุดถูกเจ้าอนุวงศ์สั่งประหารเนื่องจากไม่สามารถจับเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้ตามแผนที่วางไว้

พ.ศ. 2370 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ได้ชุมนุมทัพที่นครราชสีมา เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้กลับเข้าเมืองนครราชสีมาไปเฝ้า มีรับสั่งให้คุมทัพเมืองนครราชสีมา และหัวเมืองไปช่วยกองทัพพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ต่อมาคือเจ้าพระยาบดินทรเดชา) ในการปราบเจ้าราชวงศ์ที่เมืองจำปาศักดิ์ หลังจากนั้นให้ไปร่วมตีเมืองเวียงจันทน์ ในครั้งนั้นได้พบครัวเมืองปักธงชัยกลับคืนมาจากการถูกกวาดต้อนไปบริเวณเมืองสกลนคร เมื่อเสร็จสิ้นการปราบกบฏเวียงจันทน์แล้วเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้นำชาวเมืองนครราชสีมาบูรณะเมืองนครราชสีมาให้กลับคืนมาดีเหมือนแต่ก่อน ในครั้งนั้นกองทัพไทยได้ร่วมกันสร้างวัดสามัคคี ในบริเวณนอกกำแพงเมืองด้านเหนือ

เป็นแม่ทัพสำคัญในสงครามกัมพูชา-ญวน

พ.ศ. 2376 กองทัพนครราชสีมาได้เป็นกำลังสำคัญในการทำสงครามกับญวนในดินแดนเขมร เพื่อขับไล่ญวนออกจากเขมร เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้ร่วมกับ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ทำการรบด้วยความสามารถ ต่อมาในปี พ.ศ. 2380 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ฯ ให้ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ทำนุบำรุงเมืองพระตะบองให้มั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยนำชาวเมืองนครราชสีมาจำนวน 2,000 คน ไปปฏิบัติงานด้วยความเรียบร้อย

พ.ศ. 2383 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) พร้อมด้วย พระยาภักดีนุชิต บุตรชาย คุมกำลังพลไปปรามกบฏนักองค์อิ่มที่เมืองพระตะบอง เพราะนักองค์อิ่มได้ปกครองเมืองพระตะบองแทนพระยาอภัยภูเบศร์ แล้วคิดกบฏไปฝักใฝ่กับญวณ โดยจับกุมกรรมการเมืองพระตะบอง รวมทั้ง พระยาราชานุชิต น้องชายของเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) และกวาดต้อนครอบครัวหนีไป กองทัพจากนครราชสีมาตามขับเคี่ยว จนถึงปี พ.ศ. 2386 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้ล้มป่วย จึงกลับมาพักรักษาตัวที่เมืองนครราชสีมา ทำให้การรบยืดเยื้อต่อไป ซึ่งการทำสงครามกับญวนนี้ เมืองนครราชสีมาเป็นกำลังสำคัญของราชการทัพมาโดยตลอด [4]

ถวายช้างเผือกแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

พ.ศ. 2377 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างพลายเผือกหางดำที่พบในเขตเมืองนางรอง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อช้างนั้นว่า "พระยามงคลนาคินทร์ อินทรไอยราววรรณ พรรณสีสังข์สารเศวต กมเลศรังสฤษฎิ์ อิศวรรังรักษ์ จักรกฤษณราชรังสัน มหันตมหาวัฒนาคุณ วิบุลยลักษณเลิศฟ้า" [5] ในปี พ.ศ. 2387 ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 3 เชือก (พลายบาน พลายเยียว และพลายแลม) และในปี พ.ศ. 2388 ก่อนอสัญกรรม ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย ช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 2 เชือก (พลายอุเทน และ พลายสาร) [6]

ใกล้เคียง

เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เจ้าพระยาพิษณุโลก (เรือง โรจนกุล) เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล)