ประวัติ ของ เจ้าฟ้าน้อย

พระชนม์ชีพช่วงต้น

เจ้าฟ้าน้อยเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และเป็นพระราชอนุชาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีพระชนมายุห่างกันมากเปรียบพระเชษฐาเป็นพระชนกได้[2] แต่ คู่มือทูตตอบ ซึ่งเป็นเอกสารของราชบัณฑิตอยุธยา ระบุว่าเจ้าฟ้าน้อยมีพระชนมายุ 29 ปี ใน พ.ศ. 2224[1] พระองค์มีพระเชษฐาที่มีพระชันษาไล่เลี่ยกันคือเจ้าฟ้าอภัยทศ[3]

เจ้าฟ้าน้อยเป็นเจ้านายที่มีจริยวัตรงดงาม โอบอ้อมอารี พระโฉมงามสง่าเป็นที่ประจักษ์ กอปรกับพระฉวีค่อนข้างขาวอันเป็นที่นิยมในหมู่ชาวสยาม พระองค์จึงเป็นที่นิยมชมชอบในประชาชนทุกหมู่เหล่า ทั้งในราชสำนักและราษฎรทั่วไป[2] สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเองก็ทรงชุบเลี้ยงพระองค์เป็นอย่างดี และหมายจะให้เป็นรัชทายาทแทนเจ้าฟ้าอภัยทศซึ่งมีพฤติกรรมอันน่าอดสู รวมทั้งจะจัดพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าน้อยกับกรมหลวงโยธาเทพ พระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว[2] แต่หลังการกบฏของพระไตรภูวนาทิตยวงศ์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ไม่ไว้วางพระทัยในพระราชอนุชาทั้งสองอีกเลย แม้จะไม่ประหาร แต่ก็มิได้สถาปนาขึ้นเป็นวังหน้า[4]

พระองค์มีบทบาททางการเมืองระดับหนึ่ง ในเอกสารลับของฝรั่งเศสระบุว่าเจ้าฟ้าน้อยตั้งตนเป็นศัตรูกับฝรั่งเศสและคริสต์ศาสนา[5] ดังรากฏความตอนหนึ่งว่า "ผู้สืบราชสมบัติต่อจากกษัตริย์สยามที่คาดกันไว้ [เจ้าฟ้าน้อย] แสดงเจตนาร้ายต่อกษัตริย์ผู้เป็นพระเชษฐาและต่อที่ปกป้องผลประโยชน์ของพระองค์ ในอนาคต จะทรงปฏิบัติต่อคนเหล่านี้อย่างเลวร้ายและจะทรงทำลายทุกอย่างที่กษัตริย์พระองค์ก่อนเคยดำริไว้ด้วยว่าผู้คนที่โปรด และเหล่าเสนาบดีคงจะกราบทูลเรื่องราวที่กษัตริย์องค์ก่อน [สมเด็จพระนารายณ์มหาราช] ทรงขาดความรอบคอบ ไปผูกไมตรี โปรดให้คนเหล่านี้ [ชาวตะวันตกที่นับถือศาสนาคริสต์] รวมตัวกันเพื่อจะล้มล้างศาสนา [ศาสนาพุทธ] อันเป็นที่นับถือในแว่นแคว้นของพระองค์มาเป็นเวลานานช้า เข้ามาตั้งมั่นอยู่ในประเทศ"[6]

กรณีท้าวศรีจุฬาลักษณ์

ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (แจ่ม) เป็นธิดาของพระนมเปรมในสมเด็จพระนารายณ์ และเป็นน้องสาวของพระเพทราชา ได้ถวายตัวเป็นพระสนมเอกของสมเด็จพระนารายณ์ กล่าวกันว่านางเป็นผู้มักมากในกามคุณ มักหาข้ออ้างออกจากพระราชฐานชั้นในเพื่อไปสังวาสกับกระทาชายต่างด้าวในหมู่บ้านโปรตุเกสอย่างไม่ระมัดระวัง จนประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมของนางต่างพากันขับเพลงเกริ่นความอัปรีย์ของนางผู้อื้อฉาวไปทั่วพระนคร ซึ่งผิดปรกวิสัยของชาวสยามที่รักสงบ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นต้นมา สมเด็จพระนารายณ์ทรงให้นางอยู่แต่ในพระราชวังเพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นอีก[2]

จากการที่ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ต้องอยู่แต่ในเขตพระราชฐานชั้นในของพระราชวังที่ห้อมล้อมไปด้วยสาวสรรกำนัลใน มีเพียงแต่เจ้าฟ้าน้อยเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่นางจะสานสัมพันธ์ได้ เธอจึงหาลู่ทางในการมีปฏิสัมพันธ์ให้เจ้าฟ้าน้อยพอพระทัย จนนำไปสู่สัมพันธ์สวาทในที่สุด[2] วันหนึ่งนางลักลอบนำฉลองพระองค์ของเจ้าฟ้าน้อยไปไว้ในห้องส่วนตัวของเธอ หมายจะให้เจ้าฟ้าน้อยไปหาฉลองพระองค์ที่ห้องของเธอ แต่เจ้าฟ้าน้อยมิได้เฉลียวพระทัยจึงเข้าใจว่าฉลองพระองค์หายไปจริง ๆ เมื่อเรื่องถึงพระเนตรพระกรรณของสมเด็จพระนารายณ์ก็ทรงพิโรธว่ามีคนมาขโมยทรัพย์ของพระราชอนุชาถึงในเขตพระราชฐาน และผู้ที่จะหยิบออกไปได้ก็มีแต่ผู้ที่มาจากพระราชฐานฝ่ายในเท่านั้นจึงมีรับสั่งให้ผู้คนค้นหาให้ทั่วทันที โดยเข้าค้นที่ห้องของท้าวศรีจุฬาลักษณ์ก่อน ก็พบฉลองพระองค์เจ้าฟ้าน้อยอยู่ในห้องอย่างโจ่งแจ้ง เหล่านางทาสีจึงรีบเอาตัวรอด ชิงกราบบังคมทูลความระยำตำบอนของท้าวศรีจุฬาลักษณ์จนสิ้น หลังจากนั้นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงตั้งคณะที่ปรึกษาราชการแผ่นดินเป็นผู้วินิจฉัยคดีความของเจ้าฟ้าน้อยและท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หนึ่งในนั้นคือพระเพทราชาพี่ชายของท้าวศรีจุฬาลักษณ์เอง สุดท้ายได้วินิจฉัยว่าเจ้าฟ้าน้อยและท้าวศรีจุฬาลักษณ์มีความผิดจริง จึงพิพากษาให้ประหารท้าวศรีจุฬาลักษณ์ด้วยการโยนให้เสือกิน ส่วนเจ้าฟ้าน้อยถูกพิพากษาให้ทุบด้วยท่อนจันทน์ แต่กรมหลวงโยธาทิพ พระราชขนิษฐาในสมเด็จพระนารายณ์กราบทูลขอพระราชทานอภัยโทษว่า "[อย่าได้มี] พระโทสจริตโดยลงโทษเอาให้ถึงแก่ชีวิตเลย ขอเพียงให้ทรงลงทัณฑ์เสมอที่บิดาทำต่อบุตรเท่านั้นเถิด"[2] สมเด็จพระนารายณ์มิกล้าขัดคำขอร้องของพระราชขนิษฐาอันเป็นที่รัก จึงเปลี่ยนการลงทัณฑ์ด้วยการเฆี่ยนด้วยหวายแทน แล้วให้พระเพทราชาและพระปีย์ร่วมกันเฆี่ยนอย่างรุนแรงจนเจ้าฟ้าน้อยสลบไป[2]

หลังพระองค์ฟื้น ก็พบว่าพระวรกายบวม มีพระอาการอ่อนเปลี้ยที่พระเพลา และมีพระอาการอัมพาตที่พระชิวหา หลายคนเชื่อว่าพระองค์แสร้งเป็นใบ้ กระนั้นขุนนางชั้นผู้ใหญ่และกรมหลวงโยธาเทพก็ยังสมัครรักใคร่เจ้าฟ้าน้อยอยู่[2]

ในช่วงเวลาก่อนหน้าไม่นานท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้ให้ประสูติพระโอรสนามว่าหม่อมแก้ว ในเอกสารของฟร็องซัว อ็องรี ตุรแปง (François Henri Turpin) ที่เรียบเรียงจากบันทึกของสังฆราชแห่งตาบรากา (Bishop of Tabraca) ให้ข้อมูลว่าพระโอรสนี้เป็นบุตรที่เกิดกับเจ้าฟ้าน้อย ดังความตอนหนึ่งว่า "...น้องสาว [ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ น้องสาวพระเพทราชา] ผู้มีความงามมากและเป็นที่ชื่นชมของทุกคนถูกถวายตัวเป็นพระสนมและเป็นสนมเอกที่โปรดปรานคนหนึ่งด้วย แต่โชคไม่ดีที่นางมีครรภ์ เพราะเป็นชู้กับพระอนุชาของพระเจ้าแผ่นดิน อันเป็นความลับอยู่เป็นเวลานาน พระสนมผู้ไม่ซื่อสัตย์จึงถูกจับได้แล้วถูกลงโทษโยนให้เสือกิน"[7] หลังสมเด็จพระเพทราชาเสวยราชสมบัติจึงโปรดเกล้าสถาปนาพระโอรสที่ประสูติแต่ท้าวศรีจุฬาลักษณ์อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น ดังปรากฏใน พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระว่า ตั้งหม่อมแก้วบุตรท้าวศรีสุลาลักษณ์เป็นกรมขุนเสนาบริรักษ์[8] ส่วน คำให้การขุนหลวงหาวัด ระบุว่าทรงสถาปนาพระเจ้าหลานเธอพระองค์แก้วขึ้นเป็นกรมขุนเสนาบุรีรักษ์[9]

การผลัดแผ่นดิน

ขณะที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งขณะนั้นยังทรงพระประชวรใกล้แก่กาลสวรรคต พระองค์มีพระราชประสงค์ให้พระราชอนุชาเสวยราชสมบัติ[5] ด้วยเหตุนี้พระเพทราชาจึงวางอุบายเพื่อจะสำเร็จโทษเจ้านายผู้มีสิทธิธรรมในการสืบราชบัลลังก์ต่อจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยเจ้าฟ้าน้อยทรงเป็นหนึ่งในนั้นตามกฎมนเทียรบาล[2] เพราะสมเด็จพระนารายณ์ไม่มีพระราชโอรส พระเพทราชาจึงแสร้งไปทูลเจ้านายสามพระองค์ว่า สมเด็จพระนารายณ์ทรงพระประชวรเพียบหนัก และเป็นหน้าที่ของตนที่จะสถาปนาเจ้านายที่เหลือขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์[10] เหล่าพระราชอนุชาและพระราชธิดาจึงเสด็จขึ้นไปยังเมืองลพบุรีด้วยความลังเล[11]

เบื้องต้นพระเพทราชาได้ถวายการต้อนรับเหล่าเจ้านายเป็นอย่างดี ก่อนลอบประหารเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ต่อมาจึงได้จับกุมพระราชอนุชาคลุมด้วยผ้ากำมะหยี่แล้วทุบด้วยท่อนจันทน์[12]วัดซาก แขวงเมืองลพบุรี[13] โดยเจ้านายที่ถูกสำเร็จโทษสามพระองค์ได้แก่ เจ้าฟ้าอภัยทศ เจ้าฟ้าน้อย[14] และพระปีย์[3] แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงบันทึกไว้ว่าเจ้านายที่ถูกสำเร็จโทษเป็นพระราชอนุชาสองพระองค์คือ เจ้าฟ้าอภัยทศ พระอินทรราชาหรือพระองค์อินท์ และพระราชบุตรบุญธรรมคือพระปีย์[15] ส่วนกรมหลวงโยธาเทพ พระราชธิดาทรงถูกสงวนไว้สำหรับเป็นพระมเหสีของพระเพทราชา[16][17] แต่พระปีย์ พระราชบุตรบุญธรรมถูกสำเร็จโทษด้วยการผ่าร่างออกเป็นสามส่วน[18]

หลังการสวรรคตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในวันถัดมา[12] พระเพทราชาจึงปราบดาภิเษกตนเองเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่[19]

ใกล้เคียง

เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ เจ้าฟ้าเสือห่มเมือง เจ้าฟ้า เจ้าฟ้าหลวงอัตถวรปัญโญ เจ้าฟ้าหญิงมกุฎราชกุมารีมณีไลย เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราชยสสรพรหมลือ เจ้าฟ้าน้อย เจ้าฟ้าชายวงศ์สว่าง มกุฎราชกุมารแห่งลาว เจ้าฟ้าอภัยทศ เจ้าฟ้าสิงหาราชธานีเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว