เมนูนำทาง
เซลล์ประสาทสั่งการ พัฒนาการเซลล์ประสาทสั่งการจะเริ่มพัฒนาขึ้นตั้งแต่ระยะต้น ๆ ของตัวอ่อน และพัฒนาต่อไปจนถึงวัยเด็ก[6]ในท่อประสาท (neural tube) เซลล์จะแบ่งออกตามแกน ventral-dorsalแอกซอนของเซลล์จะเริ่มปรากฏในอาทิตย์ที่ 4 จากเขต ventral ตามแกน ventral-dorsal คือจาก basal plate[7]
homeodomain[upper-alpha 1]ที่มีบทบาทในพัฒนาการนี้เรียกว่า motor neural progenitor domain (pMN)ยีน transcription factor[upper-alpha 2]ที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง Pax6, OLIG2, Nkx6.1 และ Nkx6.2 โดยมีโปรตีน sonic hedgehog (จากยีน Shh) เป็นตัวควบคุมยีน OLIG2 สำคัญที่สุดเพราะโปรโหมตการแสดงออกของยีน Ngn2 ซึ่งเป็นเหตุให้วัฏจักรเซลล์ยุติ ตลอดจนโปรโหมต transcription factor อื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับพัฒนาการของเซลล์ประสาทสั่งการ[10]
การกำหนดรายละเอียดของเซลล์จะเพิ่มขึ้นเมื่อ retinoic acid, fibroblast growth factor, Wnts และ TGFb รวมเข้ากับ Hox transcription factor ต่าง ๆซึ่งมีอยู่ 13 อย่าง และเมื่อบวกกับสัญญาณที่เซลล์ได้ ก็จะเป็นตัวกำหนดว่า เซลล์ประสาทสั่งการจะมีลักษณะเป็น ventral หรือ dorsal มากกว่าในลำกระดูกสันหลัง Hox 4-11 จะแยกเซลล์ออกเป็น motor column 5 ส่วน[10]ตามตารางดังต่อไปนี้
Motor Column | ตำแหน่งในไขสันหลัง | เป้าหมาย |
Median Motor Column | มีตลอดไขสันหลัง | Axial muscles |
Hypaxial Motor Column | บริเวณทรวงอก | กล้ามเนื้อผนังร่างกาย |
Preganglionic Motor Column | บริเวณทรวงอก | ปมประสาทของระบบประสาทซิมพาเทติก |
Laterl Motor Column | บริเวณแขนและเอว ทั้งสองลำยังแบ่งออกเป็นส่วนกลาง (medial) และส่วนข้าง (lateral) | กล้ามเนื้อแขนขา |
Phrenic Motor Coulmn | บริเวณคอ | กะบังลม[12] |
เมนูนำทาง
เซลล์ประสาทสั่งการ พัฒนาการใกล้เคียง
เซลล์ เซลล์ (ชีววิทยา) เซลล์ประสาท เซลล์แสงอาทิตย์ เซลล์รับแสง เซลล์ประสาทสั่งการ เซลล์เชื้อเพลิง เซลล์เซอร์โตลี เซลล์พีระมิด เซลล์ประสาทสั่งการแกมมาแหล่งที่มา
WikiPedia: เซลล์ประสาทสั่งการ http://www.unc.edu/~ears/classes/neuro/studyguides... //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3676175 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/2128034 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/23103965 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24449832 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/9570129 //doi.org/10.1038%2Fnn.3242 //doi.org/10.1142%2FS0219635211002786 //doi.org/10.1242%2Fdev.097410 //doi.org/10.1371%2Fjournal.pone.0066629