ลำดับเหตุการณ์เกี่ยวกับประวัติบริเวณการปกครองของเดนส์ ของ เดนลอว์

ค.ศ. 800 ชาวเดนส์ก็เข้ามาโจมตีชายฝั่งหมู่เกาะบริติชเป็นระลอกๆ และตามด้วยผู้เข้ามาตั้งถิ่นฐาน

ค.ศ. 865 ผู้รุกรานชาวเดนส์เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานในอังกฤษนำโดยพี่น้องฮาล์ฟดัน รากนาร์สสันและไอวาร์เดอะโบนเลสส์ที่มาพำนักในช่วงฤดูหนาวที่ในบริเวณอีสต์แองเกลียโดยการเรียกร้องและได้รับส่วยเพื่อแลกกับความสงบชั่วคราว จากนั้นทั้งสองคนก็เดินทางขึ้นเหนือไปโจมตีนอร์ทธัมเบรียซึ่งอยู่ในระหว่างสงครามกลางเมืองระหว่างพระเจ้าออสเบิร์ตแห่งนอร์ทธัมเบรียผู้ถูกโค่นราชบัลลังก์และเอลลานอร์ทธัมเบรียผู้เป็นกบฏ ฝ่ายเดนส์ใช้ความระส่ำระสายในการเป็นโอกาสในการยึดเมืองยอร์คแล้วปล้นและเผาเมือง

ค.ศ. 867 หลังจากยอร์คเสียเมืองออสเบิร์ตและเอลลาก็หันไปเป็นพันธมิตรต่อกันและโจมตีฝ่ายเดนส์ แต่ทั้งสองคนถูกสังหารจากนั้นทางฝ่ายเดนส์ก็ตั้งชาวอังกฤษเอ็คเบิร์ตที่ 1 แห่งนอร์ทธัมเบรียขึ้นครองนอร์ทธัมเบรียเป็นหุ่นเชิดแทน การขยายอำนาจของเดนส์ทำให้พระเจ้าเอเธลเรดแห่งเวสเซ็กซ์และพระอนุชาพระเจ้าอัลเฟรดก็นำกองทัพขึ้นไปปราบ ณ ที่มั่นที่น็อตติงแฮมแต่ไม่สามารถดึงเดนส์ออกมาต่อสู้ได้ เพื่อที่จะรักษาความสงบพระเจ้าเบอร์เรดแห่งเมอร์เซียก็ยกน็อตติงแฮมให้เดนส์เป็นการแลกเปลี่ยนกับการไม่รุกรานเมอร์เซีย

ค.ศ. 869 ไอวาร์เดอะโบนเลสส์หันไปรีดค่าธรรมเนียมจากพระเจ้าเอ็ดมันด์แห่งอีสต์แองเกลียอีก

ค.ศ. 870 พระเจ้าเอ็ดมันด์ปฏิเสธ ไอวาร์รุกรานและได้รับชัยชนะต่ออีสต์แองเกลียและจับตัวพระเจ้าเอ็ดมันด์ที่ฮ็อกซ์เนและสังหารพระองค์อย่างทารุณโดยควักหัวใจสังเวยเทพโอดินในประเพณีทีเรียกว่า “blood eagle” ในขณะเดียวกันก็รวมอีสต์แองเกลียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาบริเวณของเดนส์ พระเจ้าเอเธลเรดและพระอนุชาพระเจ้าอัลเฟรดโจมตีเดนส์ที่เรดดิงแต่พ่ายแพ้อย่างยับเยิน ฝ่ายเดนส์ติดตาม

ค.ศ. 871 เมื่อวันที่ 7 มกราคมเอเธลเรดและอัลเฟรดก็ตั้งมั่นอยู่ที่แอชดาวน์ในอีสซัสเซ็กซ์ปัจจุบัน เอเธลเรดและอัลเฟรดไดัรับชัยชนะต่อเดนส์ ระหว่างสองฝ่ายก็เสียขุนนางเอิร์ลไปห้าคน ฝ่ายเดนส์ถอยไปตั้งตัวที่เบซิงในแฮมป์เชอร์เพียงยีสิบสามกิโลเมตรจากเรดดิง เอเธลเรดโจมตีป้อมของฝ่ายเดนส์แต่ทรงพ่ายแพ้และมาทรงพ่ายแพ้อีกครั้งที่มาร์ตันในวิลท์เชอร์ปัจจุบัน

เอเธลเรดสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 23 เมษายน อัลเฟรดขึ้นครองราชย์หลังที่ทรงครุ่นคิดว่าจะสละราชบัลลังก์เพราะสถานะการณ์อันเลวร้ายซึ่งจะยิ่งซ้ำหนักขึ้นหลังจากที่ฝ่ายเดนส์ส่งกองหนุนมาจากยุโรป ในปีนั้นก็ทรงใช้วิธีโจมตีกองกำลังย่อยของฝ่ายเดนส์ที่ตั้งอยู่ห่างจากกองหลักและขาดการสนับสนุน ทรงได้รับความสำเร็จบ้างแต่กองกำลังของพระองค์ก็เป็นกองกำลังที่อ่อนแอและเกือบแทบจะไม่เป็นกองทัพ อัลเฟรดจึงใช้วิธีติดสินบนฝ่ายเดนส์ไม่ให้มารุกราน ระหว่างที่ไม่ได้โจมตีเวสเซ็กซ์ฝ่ายเดนส์ก็หันไปโจมตีเมอร์เซียทางด้านเหนือได้สำเร็จ ระหว่างทางก็ยึดลอนดอนไปด้วย พระเจ้าเบอร์เรดแห่งเมอร์เซียพยายามต่อต้านไอวาร์แต่ก็ไม่สำเร็จจนในที่สุดก็ทรงต้องหนีไปยุโรป ระหว่างที่รณรงค์อยู่ในเมอร์เซียไอวาร์ก็เสียชีวิต กูธรัมผู้อาวุโสขึ้นครองราชย์ต่อ กูธรัมก็ได้รับชัยชนะต่อเบอร์เรดแห่งเมอร์เซียอย่างรวดเร็วและแต่งตั้งผู้ครองหุ่นขึ้นครองเมอร์เซีย เดนส์ครอบครองอีสต์แองเกลีย, นอร์ทธัมเบรีย และเมอร์เซีย ยกเว้นก็แต่เวสเซ็กซ์ที่ยังเป็นอิสระอยู่

ค.ศ. 875 ชาวเดนส์ตั้งถิ่นฐานในมณฑลดอร์เซ็ทลึกเข้าไปภายในราชอาณาจักรเวสเซ็กซ์ของพระเจ้าอัลเฟรดผู้ทรงทำสัญญาสันติภาพอย่างรวดเร็วกับเดนส์

ค.ศ. 876 ฝ่ายเดนส์ฝ่าฝืนสัญญาโดยการยึดป้อมเวเร็มในดอร์เซ็ทและเอ็กซิเตอร์ในเดวอนในปี ค.ศ. 877

ค.ศ. 877 พระเจ้าอัลเฟรดล้อมเมือง ฝ่ายเดนส์รอกองหนุนจากสแกนดิเนเวียแต่กองหนุนโดนพายุและเสียเรือไปกว่าร้อยลำ ฝ่ายเดนส์จำต้องถอยกลับไปอีสต์เมอร์เซียทางตอนเหนือของอังกฤษ

ค.ศ. 878 ในเดือนมกราคมกูธรัมนำกองทัพเข้าโจมตีเวสเซ็กซ์ระหว่างที่พระเจ้าอัลเฟรดทรงพักทัพระหว่างฤดูหนาวอยู่ที่ชิพเพ็นนัม กองทัพของเดนส์อีกกองหนึ่งขึ้นฝั่งที่ทางไต้ของเวลส์และเดินทัพไปทางไต้เพื่อจะไปดักพระเจ้าอัลเฟรดถ้าทรงหนีจากการโจมตีของกูธรัม แต่ระหว่างทางกองทัพนี้ก็หยุดทัพที่เคานทิสบรีฮิลล์ที่เป็นของเอิร์ลออดดาแห่งเดวอน (Odda of Devon) เพื่อที่จะพยายามยึดป้อมที่นั่น ฝ่ายแซ็กซอนนำโดยออดดาเข้าโจมตีฝ่ายเดนส์ขณะที่กำลังนอนหลับและได้รับชัยชนะต่อกองทัพที่มีกำลังเหนือกว่าซึ่งเป็นการช่วยให้พระเจ้าอัลเฟรดทรงรอดพ้นจากการถูกบีบโดยกองทัพสองด้าน แต่พระองค์ก็ยังทรงต้องหนีจากภัยของกองทัพเดนส์ไปซ่อนตลอดฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิในซัมเมอร์เซ็ทมาร์เชส (Somerset marshes) ระหว่างฤดูใบไม้ผลิพระเจ้าอัลเฟรดก็ทรงสามารถรวบรวมกำลังและโจมตีกูธรัมที่เอธานดัน ฝ่ายเดนส์พ่ายแพ้และถอยหนีไปยังชิพเพ็นนัม ฝ่ายอังกฤษตามไปล้อมในที่สุดกูธรัมก็ยอมแพ้ ข้อแม้หนึ่งในของการยอมแพ้คือกูธรัมต้องทรงยอมเป็นคริสเตียนโดยพระเจ้าอัลเฟรดเป็นพ่ออุปถัมภ์ กูธรัมทรงยอมรับ กูธรัมย้ายกลับไปตั้งถิ่นฐานในอีสต์แองเกลียอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ค.ศ. 884 กูธรัมกลับมาโจมตีเค้นท์แต่พ่ายแพ้ การพ่ายแพ้ครั้งนี้นำไปสู่สนธิสัญญาระหว่างพระเจ้าอัลเฟรดและกูธรัม ที่ระบุเขตแดนระหว่างราชอาณาจักรเวสเซ็กซ์และบริเวณการปกครองของเดนส์และอนุญาตให้ชาวเดนส์ปกครองตนเองในบริเวณนั้น

ค.ศ. 902 เอสเซ็กซ์เข้าสวามิภักดิ์ต่อเอเธลโวลด์แห่งเวสเซ็กซ์ (Æthelwold of Wessex)

ค.ศ. 903 เอเธลโวลด์ปลุกปั่นให้ชนเดนส์ในอีสต์แองเกลียให้ละเมิดสัญญาสงบศึก ชนเดนส์รุกรานและทำลายก่อนที่จะได้รับชัยชนะที่ทำความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ทุกฝ่าย (pyrrhic victory) ด้วยการสิ้นพระชนม์ของเอเธลโวลด์ของฝ่ายเวสเซ็กซ์และพระเจ้าเอโอห์ริคของฝ่ายเดนส์ ซึ่งเป็นโอกาสที่ทำให้สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโสสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโสได้รวบรวมอำนาจ

911 อังกฤษได้รับชัยชนะต่อเดนส์ในยุทธการยุทธการเท็ทเท็นฮอลล์ (Battle of Tettenhall) นอร์ทธัมเบรียเข้าทำลายเมอร์เซียแต่ถูกหยุดยั้งโดยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด

ค.ศ. 917 เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับความสันติและการพิทักษ์จากการรุกรานราชอาณาจักรเอสเซ็กซ์และราชอาณาจักรอีสต์แองเกลียก็ยอมรับเป็นประเทศราช (Suzerainty) ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด

เอเธลเฟลด (Æthelflæd) เลดี้แห่งเมอร์เซียยึดบะระห์ดาร์บี

ค.ศ. 918 บะระห์เลสเตอร์ยอมอยู่ใต้การพิทักษ์ของเอเธลเฟลด ชาวยอร์ครับเอเธลเฟลดเป็นโอเวอร์ลอร์ดแต่เอเธลเฟลดเสียชีวิตเสียก่อน ราชอาณาจักรเมอร์เซียรวมตัวกับราชอาณาจักรเวสเซ็กซ์ภายใต้การปกครองของพระเชษฐาพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด

ค.ศ. 919 ไวกิงนอร์เวย์ภายใต้การนำของพระเจ้าแรกนาลด์ (Rægnold พระราชโอรสของ Eadulf) จากดับลินยึดเมืองยอร์ค

ค.ศ. 920 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นที่ยอมรับให้เป็นผู้นำสูงสุดโดยพระเจ้าแผ่นดินสกอตแลนด์โดยพระเจ้าแรกโนลด์ (Rægnold พระราชโอรสของ Eadulf I of Bernicia), อังกฤษ, นอร์ส, เดนส์, นอร์ทธัมเบรีย และราชอาณาจักรสตรัธไคลด์ (Kingdom of Strathclyde)

ค.ศ. 954 เอริค บรูดแดกซ์ (Eric Bloodaxe) ถูกขับจากนอร์ทธัมเบรีย ความตายของบรูดแดกซ์เป็นการสิ้นสุดของอำนาจของไวกิงที่มีต่อบริเวณยอร์คไปถึงดับลินและเกาะต่างๆ