ประวัติศาสตร์ ของ เดนลอว์

จากราวปี ค.ศ. 800 ชาวเดนส์ก็เข้ามาโจมตีชายฝั่งหมู่เกาะบริติชเป็นระลอกๆ และตามด้วยผู้เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ผู้รุกรานชาวเดนส์เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานในอังกฤษราว ค.ศ. 865 เมื่อโดยพี่น้องฮาล์ฟดัน รากนาร์สสัน (Halfdan Ragnarsson) และไอวาร์เดอะโบนเลสส์ (Ivar the Boneless) ที่มาพำนักในช่วงฤดูหนาวที่ในบริเวณอีสต์แองเกลีย จากนั้นฮาล์ฟดันและไอวาร์ก็เดินทางขึ้นไปทางเหนือและยึดนอร์ทธัมเบรียได้ในปี ค.ศ. 867 และต่อมายอร์ค[2] ได้รับชัยชนะต่อพระเจ้าออสเบิร์ตแห่งนอร์ทธัมเบรียและเอลลานอร์ทธัมเบรีย หลังจากนั้นทางฝ่ายเดนส์ก็ตั้งชาวอังกฤษเอ็คเบิร์ตที่ 1 แห่งนอร์ทธัมเบรีย (Ecgberht I of Northumbria) ขึ้นครองนอร์ทธัมเบรียเป็นหุ่นเชิดแทน[3]

พระเจ้าเอเธลเรดแห่งเวสเซ็กซ์และพระอนุชาพระเจ้าอัลเฟรดก็นำกองทัพขึ้นไปปราบปรามชาวเดนส์ที่น็อตติงแฮมแต่ชาวเดนส์ไม่ยอมทิ้งป้อม พระเจ้าเบอร์เรดแห่งเมอร์เซียจึงทรงเข้าร่วมการเจรจาสงบศึกกับไอวาร์กับฝ่ายเดนส์โดยรักษาน็อตติงแฮมไว้เป็นการแลกเปลี่ยนกับการหยุดยั้งการทำลายเมอร์เซีย

ภายใต้การนำของไอวาร์เดอะโบนเลสส์ชาวเดนส์ก็ยังคงรุกรานที่ต่างๆ ต่อไปในปี ค.ศ. 869 โดยได้รับชัยชนะต่อพระเจ้าเอ็ดมันด์แห่งอีสต์แองเกลียและได้รับชัยชนะต่ออีสต์แองเกลียทั้งหมด[4] พระเจ้าเอเธลเรดแห่งเวสเซ็กซ์และพระอนุชาพระเจ้าอัลเฟรดก็ทรงกลับมาพยายามปราบปรามไอวาร์อีกโดยการโจมตีชาวเดนส์ที่เรดดิงแต่ได้รับความพ่ายแพ้ ฝ่ายเดนส์ก็ติดตามและเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 871 เอเธลเรดและอัลเฟรดก็ได้รับชัยชนะต่อเดนส์ในยุทธการแอชดาวน์ (Battle of Ashdown) ฝ่ายเดนส์ถอยหนีไปยังเบซิง (ในแฮมป์เชอร์) ที่เอเธลเรดพยายามโจมตีแต่พ่ายแพ้ ไอวาร์สามารถเอาชนะได้อีกครั้งหลังจากนั้นในเดือนมีนาคมที่ในปัจจุบันคือมาร์ตันวิลท์เชอร์

เมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 871 พระเจ้าเอเธลเรดเสด็จสวรรคต อัลเฟรดขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งเวสเซ็กซ์ต่อ กองทัพของพระองค์อ่อนแอจนต้องถูกบังคับให้ส่งส่วยให้แก่ไอวาร์เพื่อรักษาความสงบกับฝ่ายเดนส์ ระหว่างนี้ฝ่ายเดนส์ก็หันขึ้นเหนือไปโจมตีเมอร์เซียไปจนถึงปี ค.ศ. 874 ทั้งไอวาร์ผู้นำของฝ่ายเดนส์และเบอร์เรดผู้นำของเมอร์เซียต่างก็เสียชีวิตในการรณรงค์ครั้งนี้ หลังจากไอวาร์แล้วกูธรัมผู้อาวุโสก็ขึ้นครองราชย์ต่อผู้ทำการรณรงค์ต่อต้านเมอร์เซียจนประสบความสำเร็จ ระหว่างนั้นฝ่ายเดนส์ก็มีอำนาจในอีสต์แองเกลีย, นอร์ทธัมเบรีย และ เมอร์เซีย เหลืออยู่แต่เวสเซ็กซ์ที่ยังต่อต้านอยู่[5]

กูธรัมผู้อาวุโสสงบศึกกับเวสเซ็กซ์ในปี ค.ศ. 876 เมื่อยึดป้อมที่เวเร็ม และเอ็กซิเตอร์ได้ พระเจ้าอัลเฟรดทรงล้อมฝ่ายเดนส์ผู้ที่จำต้องยอมจำนนเมื่อกองหนุนถูกทำลายในพายุ สองปีต่อมากูธรัมก็พยายามโจมตีพระเจ้าอัลเฟรดอีกโดยการจู่โจมกองกำลังของพระองค์ที่พักระหว่างฤดูหนาวอยู่ที่ชิพเพ็นนัม พระเจ้าอัลเฟรดทรงรอดมาได้เมื่อกองทัพเดนส์ที่เข้าโจมตีทางด้านหลังถูกทำลายโดยกองทหารอีกกองหนึ่งที่เคานทิสบรีฮิลล์ พระเจ้าอัลเฟรดต้องเสด็จหลบหนีอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะเสด็จกลับมาในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 878 เพื่อรวบรวมกำลังในการต่อต้านกูธรัมผู้อาวุโสที่เอธานดัน ครั้งนี้ฝ่ายเดนส์พ่ายแพ้และถอยหนีไปยังชิพเพ็นนัมที่พระเจ้าอัลเฟรดเข้าล้อมและในที่สุดฝ่ายเดนส์ก็ยอมแพ้ ข้อแม้ข้อหนึ่งของการยอมแพ้คือกูธรัมผู้อาวุโสต้องทรงยอมรับศีลจุ่มเป็นคริสเตียนโดยพระองค์เองเป็นพ่ออุปถัมภ์[6]

บ้านเมืองมีความสงบอยู่จนกระทั่งปี ค.ศ. 884 เมื่อกูธรัมโจมตีเวสเซ็กซ์อีกแต่ก็พ่ายแพ้ ครั้งนี้สัญญาการสงบศึกเขียนเป็นกฎหมายระหว่างพระเจ้าอัลเฟรดและกูธรัม[7] สนธิสัญญากำหนดเขตแดนระหว่างบริเวณการปกครองของเดนส์และอนุญาตให้ชาวเดนส์ปกครองตนเองในบริเวณนั้น บริเวณการปกครองของเดนส์เป็นการรวมอำนาจของพระเจ้าอัลเฟรดในดินแดนส่วนของพระองค์และการเปลี่ยนศาสนาไปเป็นคริสเตียนต่อมาของกูธรัมก็เป็นการเปลี่ยนแปลงทางอุดมการณ์ที่มีผลต่อดุลย์อำนาจของอังกฤษและเดนส์ต่อมา

เหตุผลของการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวเดนส์ในเกาะอังกฤษเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งของสถานะการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนั้นของสแกนดิเนเวีย นอกจากนั้นก็เกิดขึ้นในขณะที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวไวกิงไปตั้งถิ่นฐานในที่อื่นๆ ที่รวมทั้งเฮบเบดรีส์ (Hebrides), ออร์คนีย์, หมู่เกาะฟาโร, ไอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์, กรีนแลนด์, นอร์ม็องดี, และยูเครน[8] โพเลเบียน สลาฟ (เวนด์) ก็เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอังกฤษในฐานะพันธมิตรกับเดนส์[9]

แต่ฝ่ายเดนส์ก็มิได้ยุติความต้องการที่จะมีอิทธิพลในอังกฤษและระหว่าง ค.ศ. 1016 ถึง ค.ศ. 1035 ราชอาณาจักรอังกฤษก็ปกครองโดยสมเด็จพระเจ้าคานูทมหาราชเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิทะเลเหนือแห่งเดนมาร์ก ในปี ค.ศ. 1066 ก็เกิดการแก่งแย่งราชบัลลังก์อังกฤษที่เป็นผลให้ฮาราลด์ ฮาร์ดดราดา (Harald Hardrada) ยกทัพมารุกรานอังกฤษ ทรงยึดยอร์คได้แต่ต่อมาทรงพ่ายแพ้ต่อฮาโรลด์ กอดวินสันผู้ครองราชบัลลังก์อังกฤษในขณะนั้นในยุทธการแสตมฟอร์ดบริดจ์ (Battle of Stamford Bridge) แต่ฮาโรลด์ กอดวินสันก็มาพ่ายแพ้ต่อดยุควิลเลียมแห่งนอร์ม็องดีและกองทัพนอร์มันในยุทธการเฮสติงส์ (Battle of Hastings) ในซัสเซ็กซ์

บริเวณการปกครองของเดนส์ปรากฏในกฎหมายมาจนถึงต้น คริสต์ศตวรรษที่ 12 ด้วย “Leges Henrici Prime” ที่หมายถึงกฎหมายหนึ่งที่บ่งถึงการแบ่งระหว่างเวสเซ็กซ์และเมอร์เซีย