เดนลอว์
เดนลอว์

เดนลอว์

บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งบริเวณการปกครองของเดนส์ หรือ บริเวณเดนลอว์ (อังกฤษ: Danelaw, Danelagh; อังกฤษเก่า: Dena lagu; เดนมาร์ก: Danelov) ที่บันทึกใน “พงศาวดารแองโกล-แซ็กซอน” เป็นชื่อทางประวัติศาสตร์ของบริเวณในบริเตนใหญ่ที่ปกครองด้วยกฎหมายของ “เดนส์[1] ที่อยู่เหนืออิทธิพลของกฎของแองโกล-แซ็กซอน บริเวณบริเตนใหญ่ที่อยู่ใต้การปกครองของเดนส์ในปัจจุบันอยู่ในบริเวณทางเหนือและตะวันออกของอังกฤษ ที่มาของบริเวณการปกครองของเดนส์มาจากการขยายตัวของไวกิงในคริสต์ศตวรรษที่ 9 แม้ว่าคำนี้จะมิได้ใช้ในการบรรยายบริเวณทางภูมิศาสตร์มาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 11 การขยายตัวของไวกิงมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นในสแกนดิเนเวียที่ทำให้นักรบไวกิงมีความจำเป็นในการไปล่าทรัพย์สมบัติในอาณาบริเวณใกล้เคียงเช่นเกาะอังกฤษนอกจากจะใช้ในการบรรยายบริเวณทางภูมิศาสตร์แล้ว “บริเวณการปกครองของเดนส์” ก็ยังหมายถึงชุดกฎหมายและคำจำกัดความที่ระบุในสนธิสัญญาระหว่างพระมหากษัตริย์อังกฤษสมเด็จพระเจ้าอัลเฟรดมหาราชและขุนศึกชาวเดนส์กูธรัมผู้อาวุโส (Guthrum the Old) ที่เขียนขึ้นหลังจากกูธรัมพ่ายแพ้ต่อพระเจ้าอัลเฟรดในยุทธการเอธาดัน (Battle of Ethandun) ในปี ค.ศ. 878 ในปี ค.ศ. 886 สนธิสัญญาอัลเฟรดและกูธรัม (Treaty of Alfred and Guthrum) ก็มีการลงนามอย่างเป็นทางการและเป็นการแบ่งเขตแดนระหว่างสองอาณาจักรบนพื้นฐานที่ว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันสันติระหว่างอังกฤษและไวกิงกฎหมายเดนส์ใช้ในการปกครองราชอาณาจักรนอร์ทธัมเบรีย และราชอาณาจักรอีสต์แองเกลีย และรวมทั้งอาณาบริเวณที่เรียกว่าห้าบะระห์ (Five Burghs) ที่รวมทั้งเลสเตอร์, น็อตติงแฮม, ดาร์บี, แสตมฟอร์ด และลิงคอล์นความรุ่งเรืองของบริเวณการปกครองของเดนส์โดยเฉพาะที่ยอร์วิค (ยอร์ค) ทำให้เป็นเป็นเป้าของผู้รุกรานชาวไวกิง นอกจากนั้นความขัดแย้งระหว่างเวสเซ็กซ์และเมอร์เซียก็ยังทำให้อำนาจการปกครองในบริเวณเดนส์เริ่มอ่อนตัวลง อำนาจทางการทหารที่อ่อนแอลงและความพ่ายแพ้จากการถูกโจมตีโดยไวกิงเป็นระยะๆ ทำให้บริเวณเดนส์ต้องมาเข้าสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโสเพื่อให้พระองค์ช่วยป้องกันดินแดนเป็นการตอบแทน บริเวณเดนส์จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอังกฤษไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเดนมาร์กอีกต่อไป