2004-2013 ของ เติ้ง_ชุ่ยเหวิน

จุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอกลับมารุ่งโรจน์ในวงการบันเทิงอีกครั้ง คงจะหนีไม่พ้น ศึกรักจอมราชันย์ ละครพีเรียดชื่อดังแห่งปี 2004 ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายทั้งในฮ่องกง ไต้หวัน แผ่นดินใหญ่ ตลอดจนถึงประเทศไทย แต่ใครเลยจะรู้ว่าในความเป็นจริงนั้น เติ้งชุ่ยเหวินไม่ใช่คนที่ถูกวางตัวให้เล่นเป็น หยูเฟย สนมเอกคนโปรดของเจียชิ่งฮ่องเต้ในตอนแรก ทว่ากลับเป็นตัวสำรองของผู้กำกับที่ได้รับเล่นเรื่องนี้ เพราะนักแสดงหญิงคนอื่นปฏิเสธบทนี้ไปต่างหาก อีกทั้งทางทีมงานก็ไม่ได้ให้ความสำคัญในการโปรโมทเธอในฐานะ นักแสดงหญิงตัวเอกของเรื่องมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำคนอื่นๆ แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ประกอบกับบทหยูเฟยที่มีลักษณะเป็นหญิงแกร่ง ฉลาดเฉลียว โหดเหี้ยมแต่ก็มีความน่ารักอ่อนโยน จึงถูกอกถูกใจผู้ชมยุคใหม่ที่เริ่มเบื่อนางเอกหงิมๆสนิมสร้อยเข้าอย่างจัง ไม่เว้นแม้กระทั่ง ฉงเหยา นักเขียนนวนิยายชื่อดังเจ้าของบทประพันธ์ชุดตำนานรักดอกเหมยและองค์หญิงกำมะลอ เธอจึงกลายเป็นนักแสดงหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในละครเรื่องนั้นไปโดยปริยาย

เติ้งชุ่ยเหวินยังสามารถพิสูจน์ตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพาละครฟอร์มเล็กเกี่ยวกับชีวิตแม่บ้านและปัญหาครอบครัวอย่าง The Family Link ให้ขึ้นไปเป็นละครที่มีเรตติ้งสูงสุดในครึ่งปีแรกของปี 2007 แม้เธอจะเอ่ยปากว่า บทแม่บ้านที่อุทิศตัวเองให้กับการดูแลลูกและครอบครัวนั้นช่างเป็นบทที่แสนจะห่างไกลจากตัวตนของเธอเสียเหลือเกิน

และแล้วในที่สุดความมุมานะอุตสาหะของเธอก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อละคร Rosy Business หรือยอดหญิงจอมทระนง กลายเป็นละครม้ามืดแห่งปี 2009 ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านเรตติ้งและรางวัล จนทำให้เธอและ หลีเย่าเสียง พระเอกของเรื่อง จับมือกันสร้างปรากฏการณ์คู่จิ้นรุ่นใหญ่ขึ้นใหม่อีกครั้ง และพากันคว้ารางวัล TV King และ TV Queen (เทียบได้กับรางวัล Best Actor ผสม Actor of the Year เป็นรางวัลสูงสุดทางการแสดงของฝั่งฮ่องกง) ไปครอบครองได้อย่างงดงาม ความสำเร็จของ Rosy Business ยังส่งผลให้มีการสร้างภาคต่ออย่าง No Regrets ในปี 2010 ซึ่งกลายเป็นละครที่ประสบความสำเร็จในวงกว้างยิ่งกว่าภาคแรก โดยมีเรตติ้งสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของปี รองจาก Can't buy me love หรือองค์หญิงจอมจุ้นวุ่นรักอลเวง และรางวัล TV King กับ TV Queen สมัยที่ 2 ของเธอและหลีเย่าเสียงเป็นเครื่องการันตี ทั้งนี้เธอยังสามารถคว้ารางวัล Most Popular Artist ประจำปี 2011 จากกรุงปักกิ่งมาครอบครองได้อีกด้วย กล่าวคือ ถ้าหากดาบมังกรหยกคือมาสเตอร์พีชยุคแรกของเธอ และศึกรักจอมราชันย์คือยุคกลาง เช่นนั้น No Regrets ก็คือมาสเตอร์พีชยุคหลังที่ทำให้เธอโด่งดังเสียยิ่งกว่ายุครุ่งเรืองในอดีต

ความนิยมในตัวเธอที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ยังทำให้ฉงเหยาตัดสินใจส่งลูกสะใภ้มายังฮ่องกง เพื่อมาทาบทามเธอให้ไปแสดงเป็น จี้ฮองเฮา คู่ปรับตลอดกาลของ เสี่ยวเยี่ยนจื่อ ในองค์หญิงกำมะลอ ป่วนกำลัง 3 ที่ออกอากาศไปทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมาด้วยตัวเอง เพราะชอบในฝีไม้ลายมือทางการแสดงของเธอในละครศึกรักจอมราชันย์ และเห็นว่าบทฮองเฮาที่ถูกเขียนขึ้นใหม่ให้ต่างไปจากเวอร์ชันเดิมนั้นเหมาะสมกับเธอเป็นอย่างมาก แม้ในตอนแรกเธอจะปฏิเสธไปหลายครั้ง เพราะติดถ่ายทำซีรีส์ No Regrets อยู่ แต่ด้วยความจริงใจของฉงเหยาที่หมายมั่นปั้นมือจะให้เธอมารับบทนี้ให้ได้ และยินดีจะรอไม่ว่าจะนานแค่ไหน เติ้งชุ่ยเหวินจึงตอบรับละครเรื่องนี้เพราะแพ้ใจของนักเขียนชื่อดังคนดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม กระแสความนิยมในละครองค์หญิงกำมะลอ ป่วนกำลัง 3 ก็ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนละครรุ่นใหม่จนมีแฟนคลับวัยรุ่นเพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณ นอกจากนี้เธอยังเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวในเรื่อง ที่มีคะแนนโหวตชนะนักแสดงจากภาคเดิมอย่างขาดลอย ในขณะที่แฟนๆลงคะแนนว่าชอบนักแสดงนำคนอื่นๆในภาคเดิมมากกว่า