ชีวิตส่วนตัว ของ เติ้ง_ชุ่ยเหวิน

ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นสาวมั่น เอาจริงเอาจังกับการทำงานมากระดับเพอร์เฟ็คชันนิสต์ของเธอ ทำให้เธอมักจะได้รับบทผู้หญิงทำงาน(Working woman) หรือนางเอกที่มีความเป็นวีรสตรีในอุดมคติอยู่เสมอ ซึ่งนั่นทำให้เธอกลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงยุคใหม่ที่เก่ง แกร่ง สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้ชาย และมีความเป็นเฟมินิสต์ในตัวสูง ถึงกระนั้นเธอก็ออกมาปฏิเสธว่า เธอไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอย่างที่ใครหลายๆคนมอง เธอไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีแผนการณ์ทุกย่างก้าวได้อย่างสนมหยู และถ้าให้เธอเลือกระหว่างอำนาจบารมีกับความรัก เธอก็จะเลือกความรักโดยไม่ลังเล

แม้เติ้งชุ่ยเหวินจะมีภาพลักษณ์ที่ดูเคร่งเครียดกับการทำงาน แต่เธอก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้กับสื่ออย่างเปิดเผยว่า จริงๆแล้วในชีวิตส่วนตัวนอกเหนือเวลาทำงานน่ะ เธอค่อนข้างจะเป็นคนง่ายๆสบายๆ โก๊ะๆ ซุ่มซ่าม และออกจะขี้เกียจเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนคลับของเธอแล้วก็นับว่า เธอเป็นนักแสดงอีกคนหนึ่งในวงการที่ค่อนข้างเป็นกันเองและใกล้ชิดสนิทสนมกับแฟนคลับมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า แฟนคลับส่วนใหญ่ของเธอนั้นมักจะเป็นเด็กนักเรียนนักศึกษารุ่นราวคราวลูก หรือคนรุ่นใหม่วัยทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้เธอรู้สึกเอ็นดูแฟนคลับรุ่นเล็กเหล่านี้เป็นพิเศษ

ชีวิตครอบครัว

โดยอาศัยอยู่กับแม่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งย่าน Symphony Bay และยังคงไปมาหาสู่กับผู้เป็นพ่อและครอบครัวใหม่อย่างสม่ำเสมอ

ชีวิตรัก

เติ้งชุ่ยเหวินเคยคบหาดูใจกับเพื่อนนักแสดงชายมาแล้วหลายคน นั่นก็คือว่านจื่อเหลียง เจียงหัว และเจิ้งจิ่งจี ซึ่งส่วนใหญ่มักจะคบหาดูใจกันในระยะเวลาไม่นาน ประมาณ 1-3 ปี และดูเหมือนว่าจะมีก็แต่เจิ้งจิ่งจีเท่านั้น ที่แม้เลิกรากันไปแล้วก็ยังอยู่ในฐานะเพื่อนที่ห่วงใยซึ่งกันและกัน ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ และเขายังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยเธออย่างมาก ตอนที่เธอกำลังเผชิญปัญหาด้านสุขภาพและการถูกแบนจากอดีตต้นสังกัด เติ้งชุ่ยเหวินกล่าวว่า สมัยก่อนนั้นเธอไม่รู้จักความรักดีเท่าที่ควร จึงกลายเป็นฝ่ายที่เรียกร้องและโหยหาความรักอยู่เพียงฝ่ายเดียว ไม่รู้จักมอบความรักคืนให้กับอีกฝ่าย หรือออดอ้อน เอาอกเอาใจอีกฝ่ายเท่าที่ควร ซึ่งนั่นก็อาจเป็นผลมาจากการขาดความอบอุ่นอย่างรุนแรงในวัยเด็ก ที่ทำให้ความรักของเธอมักจะผิดพลาดอยู่เสมอก็เป็นได้

ถึงกระนั้น ครั้งหนึ่งเติ้งชุ่ยเหวินก็เคยเกือบแต่งงานกับคนรักนอกวงการมาแล้วเช่นกัน เธอเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าสาเหตุที่ตัดสินใจปล่อยโอกาสครั้งนั้นไป เพราะรู้ดีว่าถึงจุดๆหนึ่งจะต้องหย่าร้างกันอย่างแน่นอน เนื่องจากฝ่ายชายเป็นชาวต่างชาติ และยังเป็นชาวยิวซึ่งนับถือศาสนาต่างกัน และมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันจนเกินไป แต่เธอก็ยอมรับว่าช่วงเวลาที่คบหาดูใจกับผู้ชายคนนี้ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดช่วงหนึ่ง เพราะเขาเป็นคนที่ทำให้เธอเข้าใจว่าความสุขในชีวิตนั้นเป็นอย่างไร และสามารถเดินเคียงข้างกับเธอในที่สาธารณะโดยไม่กลัวการตกเป็นข่าวซุบซิบ ไม่ทอดทิ้งเธอไปไหนในตอนที่มีปาปารัซซี่คอยตามติดเหมือนอย่างผู้ชายคนอื่นๆ และถึงแม้ความสัมพันธ์จะจบลงด้วยการแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง แต่เธอก็จะจดจำเขาตลอดไป

ปัจจุบันเติ้งชุ่ยเหวินยังคงครองตัวเป็นโสด และยังคงยืนยันว่าเธอพร้อมที่จะสละโสดได้ทุกเมื่อ หากเธอพบคนที่ใช่ที่สามารถเข้าใจและเป็นที่พึ่งให้กับเธอได้ และเธอจะไม่มีวันปิดกั้นตัวเองจนกว่าจะได้พบกับผู้ชายคนนั้น

เพื่อนสนิท

เติ้งชุ่ยเหวินนั้นมีเพื่อนสนิททั้งในและนอกวงการอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นหลอฮุ่ยเจียนผู้ล่วงลับ จางเข่ออี้ หลีเย่าเสียง หวง ชิวเซิน หวงเหว่ยเหวิน นักแต่งเพลงอันดับต้นๆของเกาะฮ่องกง ตลอดจน Sammi Cheng เจิงซิวเหวิน เจ้าของฉายาราชินีเพลงป๊อบกวางตุ้ง แต่ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตในระยะหลังนี้ จะทำให้เธอมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเพื่อนชาวคริสเตียนและสมาชิกในมูลนิธิมากกว่า

ศาสนา

เติ้งชุ่ยเหวินตัดสินใจเปลี่ยนศาสนามาเป็นชาวคริสเตียนในปี 2005 เนื่องจากความเลื่อมใสศรัทธาในหลักคำสอนของพระคริสตเจ้าว่าด้วยความรักและการให้อภัย แต่ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเธอเป็นคริสเตียนนิกายไหน สันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็นนิกายโปรเตสแตนต์

นักแสดงคนโปรด

แม้เติ้งชุ่ยเหวินจะเป็นนักแสดงมากฝีมือแถวหน้าที่นักแสดงรุ่นน้องหลายต่อหลายคนอยากเจริญรอยตาม แต่เธอเองก็มีนักแสดงคนโปรดที่เธอชื่นชอบเหมือนกัน นั่นก็คือ เมอรีล สตรีป นั่นเอง