รับใช้เล่าปี่ ของ เตียวจูล่ง

ต้นปี ค.ศ. 200 เล่าปี่สูญเสียฐานอำนาจในมณฑลชีจิ๋วให้กับโจโฉที่เป็นอริ เล่าปี่หนีไปทางเหนือข้ามแม่น้ำฮองโห (แม่น้ำเหลือง) และลี้ภัยไปพึ่งอ้วนเสี้ยว ศัตรูของโจโฉ[12] ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เตียวจูล่งก็เดินทางไปยังเงียบกุ๋นอันเป็นที่ตั้งที่ว่าการของอ้วนเสี้ยวซึ่งได้พบกับเล่าปี่อีกครั้งที่นั่น เตียวจูล่งและเล่าปี่อยู่ร่วมห้องเดียวกันในช่วงที่อาศัยอยู่ในเงียบกุ๋น[13]

เล่าปี่ลอบสั่งการกับเตียวจูล่งให้ช่วยรวบรวมทหารได้หลายร้อยนายที่เต็มใจจะติดตามตน อ้างว่าทหารเหล่านี้รับใช้ขุนพลซ้าย (左將軍 จั่วเจียงจฺวิน)[lower-alpha 4] อ้วนเสี้ยวไม่รู้เรื่องดังกล่าวนี้ จากนั้นเตียวจูล่งพร้อมด้วยเล่าปี่และผู้ติดตามจึงตีจากอ้วนเสี้ยวและมุ่งลงใต้ไปเข้าร่วมกับเล่าเปียว เจ้ามณฑลเกงจิ๋ว[15]

ช่วยชีวิตแฮหัวอัน

ในปี ค.ศ. 202 เมื่อโจโฉนำทัพขึ้นไปรบในการทัพทางเหนือของจีนเพื่อรบกับเหล่าบุตรชายของอ้วนเสี้ยวและพันธมิตร เล่าปี่ถือโอกาสที่โจโฉไม่อยู่นำกองกำลังเข้าโจมตีดินแดนของโจโฉในภาคกลางของจีน โจโฉส่งขุนพลแฮหัวตุ้นและคนอื่น ๆ นำทัพไปต้านเล่าปี่[16][17]

ระหว่างยุทธการ เตียวจูล่งจับตัวแฮหัวอัน (夏侯蘭 เซี่ยโหฺว หลาน) เพื่อนเก่าที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันกับตน เตียวจูล่งขอร้องเล่าปี่ให้ไว้ชีวิตแฮหัวอันและแนะนำให้รับแฮหัวอันมารับราชการเป็นตุลาการทัพเพราะตนรู้ว่าแฮหัวอันมีความรู้เรื่องกฎหมาย[18] เตียวจูล่งได้รับการยกย่องในเรื่องความรอบคอบระมัดระวังเกี่ยวกับการวางตัวในเรื่องความสัมพันธ์กับแฮหัวอันแม้ว่าจะเป็นเพื่อนกันก็ตาม[19]

ยุทธการที่เตียงปัน

ดูบทความหลักที่: ยุทธการที่เตียงปัน
ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในเฉลียงยาวที่พระราชวังฤดูร้อนในกรุงปักกิ่ง แสดงภาพเตียวจูล่ง (คนขี่ม้าชุดสีขาว) ในยุทธการที่เตียงปัน

หลังเล่าเปียวเสียชีวิตในปี ค.ศ. 208 เล่าจ๋องบุตรชายคนเล็กของเล่าเปียวสืบทอดตำแหน่งเจ้ามณฑลเกงจิ๋ว เมื่อโจโฉเริ่มการทัพในปีเดียวกันเพื่อจัดการกับกองกำลังข้าศึกในภาคใต้ของจีน เล่าจ๋องยอมสวามิภักดิ์และมอบมณฑลเกงจิ๋วให้กับโจโฉ เล่าปี่และผู้ติดตามทิ้งฐานที่มั่นในอำเภอซินเอี๋ย (新野 ซินเย่) และมุ่งหน้าลงใต้ไปยังแฮเค้า (夏口 เซี่ยโขฺ่ว) ซึ่งรักษาโดยเล่ากี๋บุตรชายคนโตของเล่าเปียวและเป็นอิสระจากการยึดครองของโจโฉ[20]

โจโฉนำกองกำลังทหารม้าฝีมือดี 5,000 นายด้วยตนเองออกไล่ตามเล่าปี่ และไล่ตามเล่าปี่ทันที่เตียงปัน (長坂 ฉางป่าน) ตีกองกำลังของเล่าปี่แตกพ่ายยับเยิน ระหว่างที่เล่าปี่ทิ้งครอบครัวหนี[21] เตียวจูล่งอุ้มเล่าเสี้ยนบุตรชายที่ยังเด็กของเล่าปี่และคุ้มครองกำฮูหยินภรรยาของเล่าปี่ (มารดาของเล่าเสี้ยน) ในระหว่างยุทธการและพาไปยังที่ปลอดภัย ภายหลังเตียวจูล่งได้เลื่อนยศเป็นขุนพลธง (牙門將軍 หยาเหมินเจียงจฺวิน) ตอบแทนความอุตสาหะ[22]

ก่อนหน้านี้หลังจากพ่ายแพ้ที่เตียงปัน เล่าปี่ได้ยินข่าวลือว่าเตียวจูล่งทรยศตนไปเข้าด้วยฝ่ายโจโฉ เล่าปี่ปฏิเสธที่จะเชื่อข่าวลือ ขว้างทวนจี่สั้นลงกับพื้นและพูดว่า "จูล่งไม่ทอดทิ้งข้าหนีไปแน่" คำพูดของเล่าปี่ถูกต้องเพราะเตียวจูล่งกลับมาหาเล่าปี่หลังจากนั้นอีกไม่นาน[23]

ในฤดูหนาว ค.ศ. 208–209 เล่าปี่เป็นพันธมิตรกับขุนศึกซุนกวนและเอาชนะโจโฉได้อย่างเด็ดขาดในยุทธการที่เซ็กเพ็ก โจโฉถอยหนีขึ้นเหนือหลังพ่ายแพ้ เล่าปี่และซุนกวนก็รุกคืบยึดได้เมืองลำกุ๋น (南郡 หนานจฺวิ้น) ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การครอบครองของโจโฉ[24]

ในฐานะเจ้าเมืองฮุยเอี๋ยง

ภายหลังเตียวจูล่งได้เลื่อนขึ้นขึ้นเป็นขุนพลรอง (偏將軍 เพียนเจียงจฺวิน) สำหรับผลงานที่ช่วยเล่าปี่ในการพิชิตสี่เมืองทางใต้ของมณฑลเกงจิ๋วคือเตียงสา (長沙 ฉางชา) เลงเหลง (零陵 หลิงหลิง) บุเหลง (武陵 อู่หลิง) และฮุยเอี๋ยง (桂陽 กุ้ยหยาง) หลังจากยึดได้เมืองฮุยเอี๋ยงแล้ว เล่าปี่ตั้งให้เตียวจูล่งเป็นเจ้าเมืองฮุยเอี๋ยงคนใหม่แทนที่เตียวหอม[25]

เตียวหอมมีพี่สะใภ้ที่เป็นหม้ายและมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงาม เตียวหอมต้องการจะจัดการให้พี่สะใภ้ได้แต่งงานกับเตียวจูล่งเพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับเตียวจูล่ง แต่เตียวจูล่งปฏิเสธความคิดนี้และพูดกับเตียวหอมว่า "เรามีแซ่เดียวกัน พี่ชายของท่านก็เหมือนพี่ชายของข้าเช่นกัน"[26]

มีคนอื่น ๆ ที่โน้มน้าวให้เตียวจูล่งยอมรับการแต่งงานแต่เตียวจูล่งปฏิเสธอย่างหนักแน่นพูดว่า "เตียวหอมถูกบังคับให้ยอมจำนนเพราะสถานการณ์พาไป เจตนาของเขายังไม่แน่ชัดและน่าสงสัย นอกจากนี้ในแผ่นดินนี้ยังมีสตรีอื่นอีกมากมาย" ไม่นานหลังจากนั้น เตียวหอมหลบหนีไป และเตียวจูล่งก็สามารถหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ใด ๆ กับเตียวหอมไปได้เพราะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน[27]

รักษาเกงจิ๋ว

ราวปี ค.ศ. 211 เล่าปี่นำทัพยกไปทางตะวันตกเข้ามณฑลเอ๊กจิ๋วเพื่อไปช่วยเล่าเจี้ยงเจ้ามณฑลเอ๊กจิ๋วในการรบต้านเตียวฬ่อที่เป็นขุนศึกคู่อริแห่งฮันต๋ง (漢中 ฮั่นจง) เตียวจูล่งและคนอื่น ๆ ยังอยู่รักษามณฑลเกงจิ๋ว[28][29][24]

ก่อนหน้านี้เมื่อราวปี ค.ศ. 209[24] เล่าปี่แต่งงานกับซุนฮูหยินน้องสาวของซุนกวนเพื่อเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรระหว่างเล่าปี่และซุนกวน ซุนฮูหยินยังคงอยู่ในมณฑลเกงจิ๋วเมื่อเล่าปี่จากไปมณฑลเอ๊กจิ๋ว ซุนฮูหยินถือตนว่าเป็นน้องสาวของขุนศึกผู้ทรงอำนาจ จึงแสดงท่าทีหยิ่งยโสและกระทำตามอำเภอใจ และยังปล่อยให้องครักษ์และผู้รับใช้ส่วนตัวประพฤติผิดกฎหมายในมณฑลเกงจิ๋ว ด้วยเหตุนี้เล่าปี่จึงแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษให้เตียวจูล่งที่ตนถือว่าเป็นบุคคลที่จริงจังและมีมโนธรรมให้ดูแลกิจการภายในมณฑลเกงจิ๋ว รวมถึงรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยระหว่างที่เล่าปี่ไม่อยู่[30] เมื่อซุนกวนได้ยินว่าเล่าปี่จากไปมณฑลเอ๊กจิ๋ว จึงส่งเรือไปรับตัวน้องสาวกลับ ซุนฮูหยินพยายามพาตัวเล่าเสี้ยนบุตรชายของเล่าปี่ไปด้วยกัน แต่เตียวจูล่งและเตียวหุยนำทหารมาขัดขวางและพาเล่าเสี้ยนกลับมาได้[31]

ฮั่นจิ้นชุนชิว (漢晉春秋) ที่เขียนโดยสี จั้วฉื่อนักประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์จิ้น ให้รายละเอียดของเหตุการณ์นี้ที่คล้ายคลึงกันกับที่บันทึกในเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้าน[32]

ยึดครองเอ๊กจิ๋ว

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

ยุทธการที่แม่น้ำฮั่นซุย

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

ยุทธการที่อิเหลง

ข้อมูลเพิ่มเติม: ยุทธการที่อิเหลง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้