AulacoceridaPhragmoteuthidaBelemnitidaDiplobelidaBelemnoteuthinaเบเลมไนต์ (หรือเบเลมนอยด์) เป็นกลุ่มของสัตว์ทะเลพวก
เซฟาโลพอดที่สูญพันธุ์ไปแล้ว มีลักษณะคล้ายกับหมึกกระดอง (cuttlefish) และหมึกกล้วย (squid) ในปัจจุบันมาก เบเลมไนต์เหมือนกับหมึกทั้งสองคือมีถุงหมึก แต่ไม่เหมือนหมึกกล้วยที่เบเลมไนต์มีแขน 10 แขนที่มีความยาวเกือบเท่ากันทั้งหมดแต่ไม่มีหนวด (tentacle)เบเลมไนต์พบมากในช่วงยุคจูแรสซิกและยุค
ครีเทเชียสโดยพบเป็นซากดึกดำบรรพ์พบมากทั้งมหายุค
มีโซโซอิกโดยมักพบร่วมกับญาติๆใกล้ชิดของมันอย่าง
แอมโมไนต์ เบเลมไนต์ได้สูญพันธุ์ไปเมื่อสิ้นสุด
ยุคครีเทเชียสไปพร้อมๆกับ
แอมโมไนต์ ต้นกำเนิดของเบเลมไนต์อยู่ระหว่าง
นอติลอยด์อันดับ
แบคทรีติดาในยุค
ดีโวเนียน ส่วนของการ์ดของเบเลมไนต์สามารถพบได้ในชั้นหินตั้งแต่ยุค
คาร์บอนิเฟอรัสตอนต้นเรื่อยมาจนถึงยุค
ครีเทเชียสร่วมกับซากดึกดำบรรพ์ของ
เซฟาโลพอดอื่นๆได้แก่
บาคูไลต์ นอติลอยด์ และ
โกนิเอไทต์ปกติแล้วซากดึกดำบรรพ์ของเบเลมไนต์จะพบเฉพาะส่วนหลังของเปลือกกระดองที่เรียกกันว่า “การ์ด” หรือ “รอสตรัม” การ์ดนี้มีรูปร่างคล้ายกระสุนยาว มีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอกโดยปลายด้านหนึ่งจะแหลมหรือโค้งมน ที่ด้านหน้าของการ์ดจะเป็นรูกลวงเรียกว่า “อัลวีโอลัส” ซึ่งเป็นส่วนของเปลือกกระดองที่เป็นห้องรูปกรวยเรียกว่า “
แฟรกโมโคน” ส่วนของแฟรกโมโคนนี้ปรกติจะพบเป็นชิ้นตัวอย่างในสภาพที่ดี ส่วนปลายด้านตรงข้ามกับแฟรกโมโคนจะเป็น “โปร-ออสทราคัม” บางๆแฟรกโมโคนของเบเลมไนต์ก็เหมือนกับเปลือกกระดองของ
เซฟาโลพอดทั้งหลายที่ประกอบด้วยแร่
อะราโกไนต์ การ์ดของเบเลมไนต์ประกอบขึ้นด้วยแร่
แคลไซต์ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ในสภาพที่สมบูรณ์ได้ การ์ดที่แตกหักได้แสดงโครงสร้างของเส้นใยแร่แคลไซต์เรียงตัวในแนวรัศมีและอาจแสดงเส้นเติบโตเป็นเส้นวงกลมซ้อนกันหลายๆวง ในเนื้อของการ์ดเป็นสิ่งที่มีลักษณะเฉพาะทางธรณีเคมี
ไอโซโทป ซึ่งการ์ดของเบเลมไนต์จาก
หมวดหินปีดียุค
ครีเทเชียส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกานั้นได้ถูกใช้เป็นมาตรฐานโลก (*PDB*) ในการเทียบเคียงกับตัวอย่างที่จะทำการวัดค่าทางธรณีเคมี
ไอโซโทปทั้งของไอโซโทปของ
คาร์บอนและไอโซโทปของ
ออกซิเจนการ์ด แฟรกโมโคน และโปร-ออสทราคัม เป็นสิ่งที่อยู่ภายในของตัวเบเลมไนต์ที่มีชีวิตเหมือนดังเป็นโครงกระดูกที่ถูกห่อหุ้มด้วยกล้ามเนื้อโดยรอบทั้งหมด ตัวมีชีวิตจริงๆจึงมีขนาดใหญ่กว่าเปลือกกระดองที่กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์และมีรูปร่างยาวที่ลู่ไปตามน้ำพร้อมด้วยดวงตาที่โดดเด่น การ์ดจะอยู่ต่อจากส่วนท้ายของตัวเบเลมไนต์โดยมีแฟรกโมโคนอยู่ด้านหลังของส่วนหัวที่ชี้ปลายไปทางด้านหลัง การ์ดของเบเลมไนต์ “
เมกะทิวธิส จิแจนตี” ที่พบในยุโรปและเอเชียวัดความยาวได้ถึง 46 ซม. ทำให้ประมาณได้ว่าตัวเบเลมไนต์มีชีวิตจะมีความยาวของลำตัวได้ถึง 3 เมตร พบชิ้นตัวอย่างจำนวนมากของเบเลมไนต์ที่มีส่วนเนื้อเยื่ออ่อนของสัตว์ที่กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ บางที่มีการพบส่วนของการ์ดรูปร่างคล้ายกระสุนสะสมตัวกันอย่างหนาแน่นซึ่งเรียกกันอย่างกึ่งทางการว่า “
สมรภูมิเบเลมไนต์ (
belemnite battlefield)” (ที่ประกอบไปด้วยพวก
ออร์โธเซอแรส) การสะสมตัวกันดังกล่าวนี้ยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะหมายถึงเหตุการณ์ตายหมู่ครั้งใหญ่ที่กองทับถมกันเป็นแผ่นหนาซึ่งก็พบได้ใน
เซฟาโลพอดในปัจจุบันและรวมถึงพวก
เซเมลพาเรียสอื่นๆเบเลมไนต์บางชนิด (อย่างเช่นสกุล “เบเลมไนต์”) ที่เป็น
ซากดึกดำบรรพ์ดัชนีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดหินชอร์ค
ยุคครีเทเชียสของยุโรปที่ช่วยให้นักธรณีวิทยาทราบอายุของชั้นหินได้เบเลมไนต์มีลักษณะที่เหมือนกับ
หมึกกล้วยในปัจจุบัน คือแขนของมันจะมีชุดของตะขอเล็กๆสำหรับใช้จับเหยื่อ เบเลมไนต์นั้นถือเป็นสัตว์กินเนื้อที่สามารถ โดยจับเหยื่อพวก
ปลาและสัตว์ทะเลอื่นๆด้วยมือของมันและกินเหยื่อด้วยขากรรไกรที่เหมือนจะงอย ในทางกลับกันเบเลมไนต์เองก็ตกเป็นอาหารของ
สัตว์เลื้อยคลานทะเลอย่างเช่น
อิชธีโยซอร์ที่มีการพบกระเพาะอาหารกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่มีตะขอของแร่ฟอสเฟตที่มาจากแขนของ
เซฟาโลพอดพวกนี้