เมนูนำทาง
เพลิงโอลิมปิก ประวัติในสมัยกรีกโบราณ เพลิงถือว่าไฟเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพดาด้วยเชื่อถือกันว่าเทพโพรมีเทียสขโมยจากเทพเจ้าซุสลงมามอบให้แก่มนุษยชาติมีไว้บริโภคเป็นครั้งแรก ดังนั้น จึงมีการจุดและรักษาเพลิงให้โชติช่วงไว้ตลอด ณ ศาสนสถานหลายแห่งในเมืองโอลิมเปีย (Olympia) ประเทศกรีซ เช่นเดียวกับในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอันมีขึ้นเพื่อเฉลิมเกียรติของเทพเจ้าซุส ที่มีการจุดและรักษาเพลิงไว้ ณ วิหารของซุสและวิหารแห่งเทวีเฮรา (Hera) ภริยาของซุส
ปัจจุบัน ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกแต่ละครั้ง จะเริ่มจุดเพลิงโอลิมปิกขึ้นเป็นหนแรกจากวิหารแห่งเทวีเฮราที่ประเทศกรีซ
ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปัจจุบัน ประเพณีการจุดและรักษาเพลิงไว้เช่นเดียวกับสมัยโบราณได้รับการฟื้นฟูขึ้นในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม พ.ศ. 2471 โดยพนักงานการไฟฟ้าแห่งอัมสเตอร์ดัมผู้หนึ่งเป็นผู้จุดเพลิงโอลิมปิกปัจจุบันเพลิงแรกขึ้น ณ หอมาราทอนเทาเวอร์ (Marathon Tower) ที่สนามกีฬาโอลิมปิก กรุงอัมสเตอร์ดัม
ส่วนประเพณีการส่งผ่านและวิ่งซึ่งคบเพลิงโอลิมปิกระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องไปสิ้นสุดยังประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันนั้น มีนายคาร์ล ไดเอ็ม (Carl Diem) และนายโยเซฟ เกิบเบลส์ (Joseph Goebbels) เป็นผู้ริเริ่มในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเบอร์ลิน พ.ศ. 2479[2]
ประเพณีการส่งคบเพลิงผ่านระหว่างประเทศดังกล่าวเป็นกลยุทธ์ทางการโฆษณาชวนเชื่อบทหนึ่งของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้ต้องการเชื่อมโยงปรัมปรากรีกโบราณเข้ากับตนเอง เพราะมีความเชื่อส่วนตัวว่าชาวกรีกโบราณเป็นอารยชนผู้เป็นรากเหง้าของชาวเยอรมัน ฮิตเลอร์เห็นว่าการแข่งขันกีฬาจากสมัยโบราณย่อมเป็นหนทางอันประเสริฐที่จะแสดงและอธิบายความเชื่อดังกล่าวของตน[3]
ทั้งนี้ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส่วนใหญ่จะกำหนดให้มีผู้วิ่งคบเพลิง และการส่งคบเพลิงผ่านระหว่างประเทศได้กระทำหลายทาง เช่น ทางเรือใน พ.ศ. 2491 ผ่านช่องแคบอังกฤษ และทางอากาศเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2495 ไปยังกรุงเฮลซิงกิ อนึ่ง ใน พ.ศ. 2499 ซึ่งการแข่งขันขี่ม้าได้ย้ายจากเมืองเมลเบิร์นมาจัดที่กรุงสต็อกโฮล์ม ได้มีการลำเลียงคบเพลิงโอลิมปิกไปบนหลังม้าอีกด้วย
เมนูนำทาง
เพลิงโอลิมปิก ประวัติใกล้เคียง
เพลิง เพลิงพรางเทียน เพลิงบุญ เพลิงพระนาง (ละครโทรทัศน์ พ.ศ. 2560) เพลิงรักไฟมาร เพลิงโอลิมปิก เพลิงนรี เพลิงพราย เพลิงตะวัน เพลิงพระนาง (ละครโทรทัศน์ พ.ศ. 2539)แหล่งที่มา
WikiPedia: เพลิงโอลิมปิก http://www.nytimes.com/2004/08/14/sports/olympics/... http://www.thisislondon.co.uk/sport/article-234753... http://www.timesonline.co.uk/tol/news/world/europe... https://commons.wikimedia.org/wiki/Olympic_Torch?s...