ที่มาและตำนาน ของ เมืองดงละคร

ในเมืองดงละครดูเป็นป่ารกชัฎ อาจเป็นที่มาของชื่อดงนคร แล้วเพี้ยนเป็นดงละครในภายหลัง

ที่มาของชื่อเมือง

แต่เดิมชาวบ้านเรียกเมืองนี้ว่าเมืองลับแล ส่วนชื่อเมืองว่าดงละครนั้นไม่ทราบที่มาแน่ชัด บางแห่งกล่าวว่า เวลากลางคืน ได้ยินเสียงดนตรีวงมโหรีแว่วมาจากในเมืองกลางป่า คล้ายกับมีการเล่นละครในวัง จึงเรียกว่าดงละคร หมายถึงมาเล่นละครในดง ส่วนอีกแห่งก็กล่าวว่า เดิมเมืองนี้น่าจะเรียกว่า ดงนคร หมายถึงนครที่อยู่ในดง แต่นานเข้าจึงเรียกเพี้ยนกลายเป็น ดงละคร แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับที่มาของชื่อเมืองดงละครนี้

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองปราจีนบุรี ได้มีพระบรมราชาธิบายเกี่ยวกับเมืองดงละครไว้ว่า เป็นเมืองที่สร้างขึ้นโดยเจ้าแผ่นดินเขมรโบราณซึ่งเป็นสตรี หรืออาจเรียกว่าราชินีแห่งแผ่นดินเขมรโบราณนั่นเอง โดยเมื่อราชินีองค์นี้ขึ้นครองแผ่นดินเขมร ได้เฟ้นหาชายรูปงามจากแคว้นต่างๆ เพื่อเป็นคู่ครอง โดยได้พบชายชาวเขมรสองคนก่อน จึงได้รับเลี้ยงไว้ แต่ต่อมาได้พบกับชายอีกคนจากแผ่นดินเขมรเก่า (ปัจจุบันเป็นแผ่นดินไทย) ราชินีเขมรพอพระทัยในชายผู้นี้มากจึงอยากจะรับเลี้ยงไว้อีกคน แต่ชายสองคนก่อนไม่ยอม ราชินีเขมรจึงสร้างเมืองใหม่ชายอีกคนคือเมืองดงละครซึ่งอยู่ใกล้กับอาณาจักรเขมร แต่ต่อมาราชินีเขมรองค์นั้นก็ได้ประชวรและสิ้นพระชนม์ไป ไม่ได้มีราชบุตรสืบพระวงศ์ต่อไป ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้พระราชทานพระราชวินิจฉัยไว้เมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรีไว้ว่าเมืองนี้เป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินโบราณ

นายนิคม มุสิกะคามะ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร สันนิษฐานต่อโดยประมวลจากพระบรมราชาธิบาย สรุปได้ความว่า เมืองดงละคร น่าจะสร้างหลังจากบริเวณนี้อยู่ในอาณาจักรไทยแล้ว แต่สร้างโดยคนเขมร เนื่องจากพบหลักฐานหลายอย่างซึ่งเป็นศิลปะเขมรในเมืองดงละคร เช่น คันฉ่องสำริด เทวรูปสำริดนุ่งผ้าศิลปะแบบเดียวกับที่นครวัด เป็นต้น

สรุปว่า เมืองดงละคร เป็นเมืองสมัยทวาราวดี ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากทั้งทวาราวดีและขอม มีอายุตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 12-16