เรือในชั้น ของ เรือประจัญบานชั้นยามาโตะ

ถึงแม้ว่าจะมีการวางแผนสร้างเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะไว้ทั้งสิ้น 5 ลำใน ค.ศ. 1937 แต่ก็สร้างเสร็จสมบูรณ์เพียง 3 ลำโดยเป็นเรือประจัญบาน 2 ลำและเรือบรรทุกอากาศยาน 1 ลำ การสร้างเรือทั้งสามเป็นความลับสุดยอดเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอเมริการู้ถึงการดำรงอยู่และข้อมูลลักษณะของเรือ[9] ในข้อเท็จจริงแล้ว สำนักข่าวกรองทหารเรือของสหรัฐอเมริการู้แต่เพียงชื่อของ ยะมะโตะ และ มูซาชิ ในตอนปลายของปี ค.ศ. 1942 ในช่วงแรกนี้สมมติฐานของสำนักข่าวกรองในลักษณะรายละเอียดของเรือค่อนข้างไกลจากความจริงมาก พวกเขาคาดเดาความยาวของเรือได้ถูกต้อง คาดคะเนความกว้างไว้ 110 ฟุต (กว้างจริง 127 ฟุต) และระวางขับน้ำ 40,000–57,000 ตัน (ความเป็นจริง 69,000 ตัน) นอกจากนี้ยังคาดว่าป้อมปืนหลักของเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะทั้ง 9 กระบอกมีขนาด 16 นิ้วซึ่งกว่าจะรู้ถึงความจริงก็ถึงปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1945 สี่เดือนหลังจากยะมะโตะอับปาง[31][32] ทั้ง Jane's Fighting Ships และสื่อตะวันตกได้รายงานถึงลักษณะเรือผิดพลาด ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1944 Jane's Fighting Ships ได้ลงรายการระวางขับน้ำของยะมะโตะและมูซาชิเป็น 45,000 ตัน[33] ทั้ง นิวยอร์กไทมส์ และ Associated Press ก็เหมือนกันรายงานว่าเรือทั้งสองมีระวางขับน้ำ 45,000 ตัน ความเร็ว 30 นอต[34] แม้หลังเหตุการณ์การอับปางของยะมะโตะในเดือนเมษายน ค.ศ. 1945 เดอะไทมส์ ของกรุงลอนดอนยังคงให้ข้อมูลว่ามีระวางขับน้ำ 45,000 ตัน[35] อย่างไรก็ตาม การดำรงอยู่ของเรือและสมมุติฐานของข้อมูลเรือมีอิทธิพลต่อวิศวกรของกองทัพเรืออเมริกาเป็นอย่างมากในการออกแบบเรือประจัญบานชั้นมอนทานาทั้ง 5 ลำซึ่งสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านอำนาจการยิงของเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะ[36]

ยะมะโตะ

ดูบทความหลักที่: เรือประจัญบานยะมะโตะ
ยะมะโตะ ขณะทำการแล่นทดสอบในปี ค.ศ. 1941

ยะมะโตะได้รับการสั่งต่อเรือในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1937 วางกระดูกงูเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1937 ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1940 และขึ้นระวางในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1941[25] เรือได้ทำการฝึกซ้อมจนกระทั่ง 27 มีนาคม ค.ศ. 1942 เมื่อพลเรือเอก อิโซรกคุ ยามาโมโต้ เห็นสมควรว่าเรือสามารถเข้าปฏิบัติการได้แล้ว[25] โดยเข้าอยู่ในสังกัดหมวดเรือประจัญบานที่ 1 ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1942 ระหว่างยุทธนาวีมิดเวย์ยะมะโตะได้ทำหน้าที่เป็นเรือธงของกองเรือผสมแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นแต่กลับไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้กับกองกำลังข้าศึกเลยในระหว่างสงคราม[37] สองปีต่อมา เรือยะมะโตะและเรือมูซาชิซึ่งเป็นเรือในชั้นเดียวกันได้ใช้เวลาส่วนมากจอดอยู่ที่ฐานทัพเรือทรูกและคุเระเป็นระยะๆ มูซาชิได้กลายเป็นเรือธงของกองเรือผสมแทนที่ยะมะโตะ[25] ในระหว่างช่วงเวลานี้ ยะมะโตะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมวดเรือประจัญบานที่ 1 ได้มีโอกาสหลายครั้งในการเข้าร่วมต่อต้านการโจมตีฐานทัพของญี่ปุ่นบนเกาะจากเรือบรรทุกอากาศยานสหรัฐฯ ในวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1943 เรือได้รับความเสียหายอย่างมากจากตอร์ปิโดด้วยฝีมือของเรือดำน้ำ ยูเอสเอส สเคท (USS Skate) ทำให้ต้องหันหัวกลับไปยังคุเระเพื่อซ่อมแซมและพัฒนาโครงสร้างให้ดีขึ้น[25]

ในปี ค.ศ. 1944 หลังได้รับการติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยานจำนวนมากและปรับปรุงหมู่ปืนรอง ยะมะโตะได้เข้าร่วมกองเรือที่ 2 ในยุทธนาวีทะเลฟิลิปปิน ทำหน้าที่คุ้มครองหมวดเรือบรรทุกอากาศยานของญี่ปุ่น[38] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 ที่ยุทธการอ่าวเลย์เต เรือได้ใช้ปืนใหญ่ประจำเรือกับศัตรูเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว เรือสามารถช่วยจมเรือบรรทุกเครื่องบินคุ้มกัน ยูเอสเอส แกมเบียร์ เบย์ (USS Gambier Bay) และเรือพิฆาต ยูเอสเอส จอนห์ส์ตัน (USS Johnston) ก่อนที่กองกำลังภาคกลางจะถอนตัวจากการรบ[39] ความเสียหายเล็กน้อยที่คุเระในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1945 ทำให้เรือได้รับการปรับปรุงอาวุธต่อสู้อากาศยานใหม่[25] ยะมะโตะจมลงในวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1945 โดยเครื่องบินจากเรือบรรทุกอากาศยานอเมริการะหว่างปฏิบัติการเท็งโง ถูกตอร์ปิโดทั้งหมด 10 ลูก ลูกระเบิด 7 ลูกก่อนที่จะจมลง ลูกเรือ 2,498 นายจาก 2,700 นายสูญหาย รวมถึงพลเรือโท เซอีชิ อิโต (Seiichi Itō) [32] การอับปางของยะมะโตะถูกมองว่าเป็นชัยชนะที่สำคัญของชาวอเมริกัน และ ฮานสัน ดับเบิลยู. บาล์ดวิน (Hanson W. Baldwin) บรรณาธิการทางทหารของ นิวยอร์กไทมส์ เขียนไว้ว่า"การจมของยะมะโตะ เรือประจัญบานลำใหม่ของญี่ปุ่น ... เป็นข้อพิสูจน์ที่น่าประทับใจถึงความอ่อนแอของญี่ปุ่นทั้งในอากาศและในทะเล"[40]

มูซาชิ

ดูบทความหลักที่: เรือประจัญบานมูซาชิ
มูซาชิ ขณะออกจากบรูไนในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944

มูซาชิได้รับการสั่งต่อเรือในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1937 วางกระดูกงูเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1938 ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1940 และขึ้นระวางในวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1942 ระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม ค.ศ. 1942 เรือได้ทำการซ้อมรบผิวน้ำและต่อต้านอากาศยานที่ฮะชิระจิมะ (Hashirajima) ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943 มูซาชิได้ขึ้นเป็นเรือธงของกองเรือผสมแทนที่ยะมะโตะซึ่งเป็นเรือในชั้นเดียวกัน มูซาชิได้เคลื่อนย้ายไปมาตามฐานทัพเรือทรูก โยะโกะซุกะ บรูไน และคุเระ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1944 ในวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1944 เรือประสบความเสียหายใกล้กับหัวเรือจากตอร์ปิโดที่ยิงจากเรือดำน้ำสหรัฐฯ ยูเอสเอส ทันนี (USS Tunny) หลังจากเข้าซ่อมแซมและปรับปรุงตลอดทั้งเดือนเมษายน ค.ศ. 1944 มูซาชิได้เข้าร่วมหมวดเรือประจัญบานที่ 1 ในโอะกินะวะ[41]

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944 มูซาชิเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือที่ 2 มีหน้าที่คุ้มกันเรือบรรทุกอากาศยานของญี่ปุ่นในระหว่างยุทธนาวีทะเลฟิลิปปิน[41] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 เรือได้ออกจากบรูไนไปกับกองกำลังภาคกลางของพลเรือเอก ทะเกะโอะ (Takeo Kurita) เข้าสู่ยุทธการอ่าวเลย์เต[42] มูซาชิอับปางเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ในระหว่างยุทธนาวีทะเลซิบูยัน จากระเบิด 17 ลูกและตอร์ปิโด 19 ลูก ลูกเรือตายและสูญหาย 1,023 นายจาก 2,399 นาย[43]

ชินะโนะ

ชินะโนะ ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1944

ชินะโนะแต่เดิมคือเรือรบหมายเลข 110 วางกระดูกงูเป็นลำที่ 3 ในชั้นเรือประจัญบานยะมะโตะ มีการปรับปรุงแบบเล็กน้อย ความหนาของเกราะลดลงเล็กน้อยจากแบบดั้งเดิมซึ่งประกอบไปด้วย เกราะข้างลำเรือ ดาดฟ้า และป้อมปืน การลดน้ำหนักของเรือนี้ทำให้สามารถปรับปรุงส่วนอื่นๆได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นส่วนป้องกันของส่วนควบคุมการยิงและตำแหน่งเฝ้าระวัง นอกจากนี้ปืนใหญ่รองได้เปลี่ยนเป็นปืนชนิด 98 ขนาดลำกล้อง 10 ซม./65 (10 cm/65 caliber Type 98) แทนปืนขนาด 12.7 ซม.ที่ใช้บนเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะที่สร้างขึ้น 2 ลำแรก แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีศักยภาพสูงกว่าปืน 127 มม.ในแง่ความเร็วปากลำกล้อง ระยะยิงสูงสุด เพดานยิงต่อต้านอากาศยาน และอัตราการยิงเป็นอย่างมาก[44]

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1942 หลังจากญี่ปุ่นพ่ายแพ้ที่มิดเวย์ การสร้างชินะโนะถูกระงับและได้มีการสร้างตัวเรือใหม่เป็นเรือบรรทุกอากาศยานทีละเล็กทีละน้อย[45] เรือได้รับการออกแบบให้เป็นเรือสนับสนุนขนาด 64,800 ตันที่มีความสามารถในการขนส่ง ซ่อมแซม และเติมเชื้อเพลิงให้แก่กองบินของเรือบรรทุกอากาศยานลำอื่น[46][47] แม้ว่าแต่เดิมจะมีกำหนดการให้เรือขึ้นระวางในตอนต้นปี ค.ศ. 1945[48] แต่การก่อสร้างได้ถูกเร่งให้เร็วขึ้นหลังยุทธการทะเลฟิลิปปิน[49] ด้วยเหตุนี้ชินะโนะจึงได้ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 1944 และขึ้นระวางในวันที่ 19 พฤศจิกายนซึ่งเป็นเวลาเพียงเดือนกว่าหลังจากมีการปล่อยลงน้ำ ชินะโนะออกเดินทางจากโยะโกะซุกะเพื่อไปคุเระ 9 วันต่อมา ในตอนเช้าของวันที่ 29 พฤศจิกายน ชินะโนะโดนโจมตีด้วยตอร์ปิโด 4 ลูกจากเรือดำน้ำ ยูเอสเอส อาร์เชอร์-ฟิช[45] แม้จะดูเหมือนว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะจัดการได้ แต่การควบคุมน้ำที่ท่วมในเรือกลับย่ำแย่เป็นเหตุให้เรือเอียงไปทางกราบขวา เพียงเวลาสั้นๆก่อนเที่ยงวัน เรือก็พลิกคว่ำและอับปางลง นำเอาลูกเรือ 1,435 นายจาก 2,400 นายจมไปกับเรือด้วย[45] จนถึงทุกวันนี้ ชินะโนะเป็นเรือรบขนาดใหญ่ที่สุดที่โดนโจมตีและจมลงโดยเรือดำน้ำ[50][51]

เรือรบหมายเลข 111 และ 797

เรือรบหมายเลข 111 เป็นเรือไม่มีชื่อ วางแผนสร้างเป็นลำที่ 4 ในเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะและเป็นเรือลำที่ 2 ใช้แบบตามชินะโนะที่ได้รับการปรับปรุง เรือได้วางกระดูกงูหลังจากปล่อยยะมะโตะลงน้ำในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1940 และก่อสร้างไปจนกระทั่งเดือนธันวาคม ค.ศ. 1941 เมื่อญี่ปุ่นเริ่มมีคำถามถึงโครงการสร้างเรือหลวงที่มีความทะเยอทะยานนี้กับการมาถึงของสงคราม ทรัพยากรที่จำเป็นในการสร้างเรือจะกลายเป็นสิ่งที่ได้มายาก เป็นผลให้เรือลำที่ 4 ซึ่งสร้างเสร็จเพียง 30% ถูกแยกชิ้นส่วนในปี ค.ศ. 1942 วัสดุที่ได้นำไปปรับปรุงเรือประจัญบาน อิเซะ และ เฮียวกะ ไปเป็นเรือลูกผสมระหว่างเรือประจัญบานและเรือบรรทุกอากาศยาน[52][53]

เรือลำที่ 5 เรือรบหมายเลข 797 มีแผนที่จะสร้างตามแบบของชินะโนะแต่ไม่ได้สร้าง ไม่เคยแม้แต่จะได้วางกระดูกงู นอกจากนี้ในแบบเรือ 797 ได้มีการปรับเปลี่ยนเอาปืนกราบเรือขนาด 155 มม.ออกและเพิ่มปืนขนาด 100 มม.ลงไปแทน ประมาณกันว่ามีปืนขนาดนี้ประมาณ 24 กระบอก ยะมะโตะที่ปรับปรุงท้ายสุดในปี ค.ศ. 1944 มีบางส่วนที่ปรับปรุงคล้ายกับแบบของเรือนี้[54]

ใกล้เคียง

เรือประจัญบานยามาโตะ เรือประจัญบานชั้นยามาโตะ เรือประจัญบานบิสมาร์ค เรือประจัญบานมูซาชิ เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตา เรือประจัญบาน เรือประจัญบานชั้นมอนแทนา เรือประจัญบานมิกาซะ เรือป้องกันชายฝั่งรัสเซียแอดมิรัลเซเนียวิน เรือป้องกันชายฝั่งรัสเซียเจเนอรัลแอดมิรัลอะพรักซิน

แหล่งที่มา

WikiPedia: เรือประจัญบานชั้นยามาโตะ http://combinedfleet.com/Shinano.htm http://combinedfleet.com/musashi.htm http://combinedfleet.com/ship.php?q=shinan_c.htm http://combinedfleet.com/yamato.htm http://www.combinedfleet.com/b_underw.htm http://www.combinedfleet.com/yamato_c.htm http://books.google.com/?id=mw0GLSCmfCQC http://www.imdb.com/title/tt0140644/ http://www.imdb.com/title/tt0451845/ http://www.navweaps.com/Weapons/WNJAP_18-45_t94.ht...