ความเป็นศิลปิน ของ เลดีกากา

แนวเพลงและแรงบันดาลใจ

เลดีกากาและเอลตัน จอห์น ใน Carnegie Hall

เลดีกากาได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินแกลมร็อก เช่น เดวิด โบวี และวงควีน รวมถึงนักร้องเพลงป็อบเช่น มาดอนนา, บริทนีย์ สเปียร์ส ไคลี มิโนกและไมเคิล แจ๊กสัน เพลงเรดิโอ-กากา ของวงควีนนั้นเป็นแรงบันดาลใจของชื่อที่เธอใช้ในวงการ[65][66][67]

เมื่อพูดถึงการเปรียบเทียบระหว่างตัวเธอกับมาดอนนา กากายืนยันว่าไม่อยากได้แค่เพียงคำทักท้วง แต่เธอมีเป้าหมายของตัวเองที่จะปฏิวัติดนตรีป็อบ การเปลี่ยนแปลงป็อบครั้งก่อนเกิดขึ้นโดยมาดอนนาเมื่อ 25 ปีที่แล้วและครั้งนี้จะเป็นของเธอ ส่วนนักร้องนักแสดงเกรซ โจนส์ ก็เป็นอีกแรงบันดาลใจของเธอ รวมทั้งเด็บบี้ แฮร์รี่ นักร้องนำแห่งวงบลอนดี้[67][68][69][70]

เสียงร้องของกากาถูกนำไปเปรียบเทียบกับเสียงของมาดอนนาและเกว็น สเตฟานี บ่อยครั้ง ในขณะที่โครงสร้างทางดนตรีของเธอคล้ายคลึงกับเพลงคลาสสิกป็อบยุค 1980 และเพลงยูโรป็อบในยุค 90[71] ในการวิเคราะห์อัลบั้มเปิดตัว The Fame หนังสือพิมพ์เดอะซันเดย์ไทมส์ กล่าวว่า เป็นการผสมผสานทางดนตรี, แฟชั่น, ศิลปะ และเทคโนโลยี เลดีกากาได้ปลุกกระแสความเป็นมาดอนนา, ไคลี มิโนก และเพลงฮอลลาแบ็คเกิร์ลของเกว็น สเตฟานีในปี 2001 หรือ เกรซ​ โจนส์ เช่นเดียวกับซาร่าห์ รอดแมน นักวิจารณ์แห่งหนังสือพิมพ์เดอะบอสตันโกลบวิจารณ์ว่า "เธอได้แรงบันดาลใจจากมาดอนนารวมถึงเกว็น สเตฟานี และแฝงความเป็นเด็กสาวของเธอเอง แต่มีเสียงร้องที่ทรงพลังและจังหวะเร้าอารมณ์ แม้ว่าเนื้อร้องจะขาดสาระไปบ้าง เธอได้พาคุณเข้าไปสู่โลกแห่งความสุขโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากเลย"[72][73] ไซมอน เรโนลดส์ เขียนไว้ว่า "ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเลดีกากามาจากอิเล็กโทรแคลช ยกเว้นดนตรีซึ่งไม่ได้มาจากยุค 1980 และเป็นเพลงป็อบที่คุ้นหูโดยผ่านโปรแกรมออโต้ทูนส์กับจังหวะอาร์แอนด์บี

กากายังระบุว่า แฟชั่นก็คือแรงบันดาลใจหลักของ เธอชื่นชมโดนาเทลลา เวอร์ซาส ว่าเป็นต้นแบบความคิด[74] และเธอมีทีมครีเอทีฟประจำตัวที่ชื่อ เฮ้าส์ ออฟ กากา ที่จัดการบริหารด้วยตัวเอง ทีมเฮ้าส์ออฟกากาออกแบบและสร้างสรรค์เสื้อผ้า ทรงผม และการแสดงบนเวทีให้แก่เธอ ซินเธีย ผู้เป็นแม่มีอิทธิต่อความหลงใหลในแฟชั่นต่อกากา ที่ยืนหยัดว่า "พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความงาม" สำนักโกลบอล แลงกวิจ มอนิเตอร์ ระบุว่า เลดีกากาเป็นคำค้นหาแฟชั่นในอันดับต้น ๆ ของ เครื่องหมายการค้า "No Pant" ไม่มีขา (กางเกง) ในอันดับที่สาม[20] นิตยสารเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จัดอันดับให้เครื่องแต่งกายของเธอเป็นหนึ่งในสิ่งสุดยอดแห่งปลายศตวรรษ 2000 แม้จะเป็นชุดที่ทำจากหุ่นมือกบตัวเขียว หรือชุดฟองน้ำพลาสติกที่ปกปิดเพียงอวัยวะเพศ การแต่งกายแบบพิสดารจากคนทั่วไปทำให้เธอสามารถนำศิลปะการแสดงสดเข้าสู่สื่อกระแสหลักได้[75][76]

จากคำวิจารณ์ต่อดนตรีของเธอ, อิทธิพลทางแฟชั่น และภาพลักษณ์ของเธอที่ผสมผสานกันทำให้เธอมีสถานะเป็นนางแบบ, ผู้นำแฟชั่น และแฟชั่นไอคอน ทั้งได้รับการยอมรับและถูกปฏิเสธ อัลบั้ม The Fame อัลบั้มแรกของเธอได้รับคำวิจารณ์ในทางบวกและให้ตำแหน่งเธอในฐานะที่ทำเพลงป็อบอันมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร และสิ่งจำเป็นที่จะขับเคลื่อนวัฒนธรรมใหม่ ๆ ความสนใจในตัวเธอกลายประเด็นทางสังคมที่สำคัญ ความสามารถทางศิลปะในตัวเธอ และถูกมองว่าเป็น "ผู้เพิ่มความนับถือในตัวเอง" ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่กากามีต่อแฟนเพลงที่ได้รับการยกย่อง เธอได้ทำให้อุตสาหกรรมแฟชั่นกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงเศรษฐกิจกำลังซบเซา[77][78][79] [80][81][82]

การแสดงสดของเธอได้รับการชื่นชมว่า "เป็นความสนุกสนานและแปลกใหม่ที่สุด" โดยอ้างถึงการแสดงในงานแจกรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก 2009 ในเพลง Paparazzi เธอสวมเสื้อซึ่งระเบิดออกมาเป็นเลือด ได้รับคำวิจารณ์จากเอ็มทีวีว่า "ชวนให้ผู้ชมตาค้าง"[83] และยังใช้ธีม "โชกเลือด" นี้ ในทัวร์คอนเสิร์ต เดอะ เฟม มอนสเตอร์ บอล ด้วย ในฉากหนึ่งของการแสดงที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ กากาสวมชุดรัดรูปสีดำและจู่ ๆ ก็ถูกทำร้ายจากชายลึกลับที่เพิ่งกระโดดขึ้นเวที (ที่จริงแล้วเป็นแดนเซอร์ของเธอเอง) ใช้มีดปาดคอเธอ ทำให้ "เลือดปลอม" ไหลท่วมตัวเธอ สร้างความตกใจให้กับผู้ชมโดยไม่รู้ว่านี้คือการแสดง ครอบครัวและแฟนเพลงที่เข้าชมการแสดงในรอบนี้รู้สึกไม่พอใจต่อการแสดงนี้ ที่ยังรู้สึกสะเทือนใจต่อเหตุการณ์คนขับแท็กซี่ใช้อาวุธปืนยิงชาวเมืองคัมเบรียถึง 12 คน ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นบนเกาะอังกฤษไม่กี่เดือนก่อนนี้[84][85][86]

เดือนกันยายน 2010 เลดีกากากลับไปรับรางวัลในงานเอ็มทีวี วิดีโอมิวสิกวิดีโอ 2010 ที่แอลเอ ด้วยชุดเดรสยาวสุดล้ำสไตล์โกธิค และรองเท้าส้นสูง 12 นิ้วลายพิมพ์หนังงูเหลือมและที่ยิ่งฮือฮากว่านั้นเมื่อเธอเปลี่ยนชุด "เนื้อสด" เพื่อขึ้นรับรางวัลวิดีโอแห่งปี เป็นชุดตัดจากเนื้อวัวสด รวมทั้งแอคเซสซอรี่ต่าง ๆ หมวก กระเป๋า และรองเท้าบูท ฝีมือการตัดเย็บของแฟรงค์ เฟอร์นันเดซ ดีไซเนอร์ชาวอาร์เจนตินา สร้างความคิดเห็นเป็นสองฝ่ายทั้งปลุกความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลกและสร้างความไม่พอใจให้กับองค์การพิทักษ์สัตว์ (PETA) อย่างไรก็ดี[87]กากาออกมาย้ำว่าไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นเหยียดหยามมใครหรือองค์การใดทั้งสิ้น และปรารถนาให้ชุดของเธอสื่อความหมายไปในทางสิทธิความเป็นมนุษย์และสิทธิเพื่อเพศที่สาม [88][89]

เธอเรียกแฟนเพลงของตัวเองว่า "ลิตเทิล มอนสเตอร์ -เจ้าปีศาจตัวน้อย" นั่นก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างมาก เพราะเป็นธรรมดาของธุรกิจดนตรีและภาพลักษณ์ที่มีมูลค่ามหาศาล ในขณะที่หลายคนเชื่อว่า คำนี้ใช้แบ่งแยกตัวเองและขัดต่อวัฒนธรรมของคนทั่วไป คิตตี้ เอ็มไพร์ แสดงความเห็นต่อคำว่า ลิตเทิล มอนสเตอร์ ลงหน้าหนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษว่า "ทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่ผิด ๆ โดยขาดการไตร่ตรองตั้งแต่แรก หัวใจหลักของการแสดงของเธอคือการอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวและโดนสังคมต่อต้าน และที่กล่าวว่า คอนเสิร์ตมอนสเตอร์ บอล ทัวร์ที่พวกเราทั้งหมดจะถูกปลดปล่อยนั้น ช่างเป็นเรื่องที่ไร้สาระทีเดียว ผู้คนมากมายที่ยอมเสียเงินให้กับธุรกิจดนตรีอันเจ้าเล่ห์ของกากา ไม่ได้จำกัดแต่เพียงพวกข้ามเพศ คนบ้าแฟชั่น และมนุษย์ราตรี ตามที่เธอหวังไว้ตามแรงบันดาลใจเท่านั้น แต่ตัวเธอเองกลับดูเหมือนจะจริงใจต่อแฟน ๆ มากกว่า"[90]

เดือนกันยายน 2010 คามิลล์ แพ็กเลีย เขียนหนังสือชื่อ Lady Gaga and the death of sex มีเนื้อหาโจมตีกากาอย่างรุนแรงว่า ว่าเป็น "นักเลียนแบบที่ไร้เพศ" และไม่ได้เป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นแปลกประหลาดอย่างหลาย ๆ คนเข้าใจ จึงควรเรียกเธอใหม่ว่า "นักเลียนแบบหัวขโมยมากกว่าผู้ริเริ่มการแสดงยั่วยวนทางกามารมณ์ที่ถูกห้าม"[91]

ภาพลักษณ์ในสังคม

เลดีกากาในงานเอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอะวอดส์ 2011

การแต่งตัวสไตล์ประหลาดพิสดารของเลดีกากาตรงข้ามกับสไตล์ในช่วงแรก ๆ ที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการใหม่ ๆ ดังที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ อธิบายไว้ "เหมือนผู้ลี้ภัยจากละครเรื่องเจอร์ซีย์ ชอร์ ในผมพองฟูมหึมาน้ำตาลเข้ม, การแต่งดวงตาดำเข้ม และชุดรัดติ้วที่เปิดเผยเนื้อหนังมากไป กากามีผมสีน้ำตาลเข้มโดยกำเนิด เธอฟอกผมเป็นสีบลอนด์ เพราะเคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเอมี ไวน์เฮาส์ ศิลปินเพลงโซล เธอมักเรียกแฟนเพลงของตัวเองว่า ลิตเทิล มอนสเตอร์ และสักลายคำ ๆ นี้ลงบนแขนข้างที่ถือไมโครโฟน เพื่อแสดงถึงการอุทิศตัวเพื่อแฟนเพลง เธอมีรอยสักที่สังเกตเห็นได้ 6 แห่งด้วยกัน เช่น สัญลักษณ์สันติภาพของจอห์น เลนนอน ฮีโรในดวงใจ และคำคมในรูปตัวเขียนเยอรมัน ของเรนเนอร์ มาเรีย ริลค์ กวีและนักปราชญ์ชาวเยอรมันที่ชื่นชอบ เธอบอกว่าคำคมที่พูดถึงความสันโดษนี้ความหมายต่อตัวเธอ [92]

ปลายปี 2008 แฟชั่นของกากาถูกนำไปเปรียบเทียบกับนักร้องซุเปอร์สตาร์ คริสตินา อากีเลรา ทั้ง ๆ ที่ไม่ความเหมือนกันเลยในสไตล์ของพวกเธอทั้งทรงผม และการแต่งหน้า อากิเลราให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า "แทบไม่ได้รู้จักหล่อน (กากา) เลยและไม่รู้ด้วยว่าหล่อนเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่"[93] กากายอมรับการเปรียบเทียบนี้ว่าทำให้เธอได้เป็นที่รู้จักทั่วไป เธอขอบคุณอากีเลราว่าทำให้เธอได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในอเมริกาหลังจากการเปรียบเทียบนี้ มันทำให้เธอเป็นที่รู้จักในวงการ [94]

การเปรียบเทียบนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี 2010 เมื่ออากีเลราปล่อยมิวสิกวิดีโอของเธอ "Not Myself Tonight" นักวิจารณ์สังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันหลายจุดทั้งเพลงและมิวสิกวิดีโอว่าเหมือนกับเพลงและมิวสิกวิดีโอ Bad Romance ของกากา[95] และเปรียบเทียบความคล้ายคลึกในสไตล์การแต่งตัวของกากากับแฟชั่นไอคอนอย่าง เดล บอสซิโอแห่งวงมิสซิง เพอร์สัน บางคนวิจารณ์ภาพลักษณ์ของทั้งด้วยความเคารพว่า เหมือนกันอย่างแปลกประหลาด ถึงแม้ว่า แฟนเพลงของบอสซิโอจะบอกว่า เธอเป็นผู้ริเริ่มสไตล์นี้เมื่อกว่า 30 ปีก่อนแล้ว"[96]

เลดีกากามีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมและสังคมยุคใหม่ จนทำให้มหาวิทยาลัยเซาธ์แคโรไลนา ได้เปิดสอนหลักสูตรใหม่ในสาขาวิชา "เลดีกากาและสังคมวิทยาความโด่งดัง"โดย มีจุดประสงค์เพื่อเปิดเผยประเด็นทางสังคมในมุมมองความมีชื่อเสียงโด่งดังของกากาที่เกี่ยวข้องกับเพลง วิดีโอ แฟชั่น และความพยายามทางศิลปะของเธอ [97] [98]

ในปี 2015-2016 เลดีกากาได้มีการเปลี่ยนลุคที่ทำให้ตัวเองดีขึ้น ไม่หลุดแนวเหมือนกับเมื่อก่อน ทำให้เธอเป็นที่ให้การยอมรับแก่ผู้คนและดารานักแสดงมากมาย เช่น จูลี่ แอนดรูวส์ เคธี เบตส์ และอีกมากมาย

พืช

ปี 2012 ได้มีการค้นพบพืชจำพวกเฟิร์นสายพันธุ์ใหม่โดยองค์กรชีววิทยา ได้ตั้งชื่อเฟิร์นพันธุ์นี้ว่า "GAGA" เหตุที่ใช้ชื่อเลดีกากา เป็นชื่อเฟิร์นชนิดใหม่เนื่องจาก ดีเอ็นเอของเฟิร์นตระกูลนี้ จำแนกออกมาแล้ว เรียงตัวตามลำดับเป็น Guanine, Adenine, Guanine, Adenine, และ เพื่อเป็นเกียรติให้กับนักร้องอเมริกันคนนี้ ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวเกย์และชาวรักร่วมเพศมาโดยตลอดอีกเหตุผลหนึ่งคือ "เลดีกากา" เคยสวมชุดที่เป็นแรงบันดาลใจจากเฟิร์น "เกมีโตไฟท์" ในการแสดงบนเวที นอกจากนี้ ชุดที่เป็นเอกลักษณ์ของเลดีกากา ที่เหมือนกางเกงขอบยื่น เป็นแบบเดียวกับใบอ่อนของเฟิร์นที่ม้วนเป็นก้อนกลมมีเฟิร์น 2 สปีชี่ย์ ที่เป็นการค้นพบใหม่ คือ "กากา เจอร์มาน็อตตา" พบที่คอสตาริกา และได้ชื่อตามชื่อสกุลของเลดีกากา กับ "กากา มอนสตราพาร์วา" ที่หมายถึง "ลิตเติล มอนสเตอร์" ชื่อที่เลดีกากา ใช้เรียกสาวกของตนเอง[99] [100]

น้ำหอม

น้ำหอมเฟม น้ำหอมตัวแรกของเลดีกากาน้ำหอมออ เดีย กากา น้ำหอมตัวที่สองของเลดีกากา

เลดีกากาเฟม ซึ่งเป็นน้ำหอมแรกของเลดีกากา ผลิตโดยเฮาส์แลบอราทอรีส์ (Haus Laboratories) ร่วมกับบริษัทโคตี (Coty, Inc.) โดยใช้เทคโนโลยี push-pull ในการผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งมาในรูปแบบน้ำสีดำ โดยจำหน่ายในเมริกาที่ห้างเมซีส์ (Macy's) [101] เฟม เป็นน้ำหอมแบรนด์แรกของโลกที่มีน้ำเป็นสีดำสนิท โดยกากากล่าวว่า น้ำหอมเป็นสีดำ แต่เมื่อฉีดโดนผิวหนังแล้ว จะไม่มีคราบสีดำติดผิวหนัง แม้จะเป็นผ้าสีขาวบริสุทธิ์ น้ำหอมเฟมยังขึ้นเป็นน้ำหอมขายดีอันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และอีกหลายๆประเทศที่น้ำหอมขึ้นท็อปส์อันดับ 1 น้ำหอมเฟม มีสโลแกนว่า THE FIRST EVER BLACK eau de PARFUM น้ำหอมเฟม จำหน่ายได้ 28 ล้านขวด ภายในอาทิตย์แรกที่วางจำหน่าย ซึ่งมียอดขายมากกว่าน้ำหอมศิลปินอื่น อาทิเช่น บียอนเซ่ มาดอนน่า บริทนีย์ สเปียร์ส เคที เพอร์รี่ ปัจจุบันน้ำหอมเฟมมียอดขายตั้งแต่เปิดตัวรวม 30 ล้านขวด ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมาก

ออ เดีย กากา เป็นน้ำหอมยี่ห้อที่สองของ เลดีกากา ผลิตโดยเฮาส์แลบอราทอรีส์ (Haus Laboratories) ร่วมกับบริษัทโคตี (Coty, Inc.) เปิดตัววันแรกเมื่อ 1 กันยายน 2014

ฉายาและแฟนคลับ

บรรดาแฟนคลับของเธอจะเรียกตัวเธอว่า Mother Monster แม่ของเหล่าปีศาจ และเหล่าแฟนคลับก็เรียกว่า Little Monster ซึ่งเรียกได้ว่าแม่กับลูก ๆ นั้นเอง

แหล่งที่มา

WikiPedia: เลดีกากา http://www.couriermail.com.au/news/opinion/lady-ga... http://www.lyrics.az/lady-gaga/ http://jam.canoe.ca/Music/Artists/L/Lady_GaGa/2009... http://ladygaga.bth.cc/ http://www.advocate.com/News/Daily_News/2010/09/21... http://www.allmusic.com/album/the-fame-r1421208 http://www.artistdirect.com/nad/news/article/0, http://www.billboard.com/#/charts-decade-end/artis... http://www.billboard.com/news/beyonce-accepts-bill... http://www.billboard.com/news/lady-gaga-the-billbo...