ช่วงชีวิต ของ เลดีกากา

1986 - 2004: วัยเด็ก

การแสดงที่สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อค.ศ. 2008

โจแอนน์ สเตฟานี แองเจลินา เจอร์มานอตต้า เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1986 เวลา 9.53 น. ที่โรงพยาบาลในย่านแมนฮัตตันที่ชื่อว่า Lenox Hill Hospital รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในครอบครัวอิตาเลียน-อเมริกัน ที่ยองเกอร์ส นครนิวยอร์ก ต่อมาย้ายไปอยู่ที่เขตแมนแฮตตัน กากาเป็นลูกสาวคนโตของโจเซฟ เจอร์มานอตต้า นักลงทุนทางอินเทอร์เน็ต กับ​ซินเธีย (สกุลเดิม บิสเซตต์) เธอมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อ "นาตาลี" กากาเริ่มเล่นเปียโนตั้งแต่อายุได้ 4 ปี เมื่ออายุ 11 ปี เธอได้เข้าเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์แซเครดฮาร์ต โรงเรียนเอกชนคอนแวนต์คาทอลิกในอัปเปอร์อีสต์ไซด์ แมนแฮตตัน[12] เนื่องจากครอบครัวกากาไม่ได้มีฐานะร่ำรวย เธอจึงถูกต่อต้านจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียน เธอพูดถึงพ่อกับแม่ "ทั้งสองมาจากชนชั้นแรงงาน ดังนั้นจึงทำงานทุกอย่างเพื่อพวกเรา แม่กับพ่อทำงานในสายงานโทรคมนาคม ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม จึงได้กลับบ้าน"[13][14]

ด้วยความต้องการเล่นละครในสมัยไฮสกูล เธอจึงได้รับโอกาสแสดงเรื่อง Guys & Dolls โดยรับบทเป็น เอดิเลด และได้แสดงซีรีส์ A Funny Thing Happened on the Way to the Forum รับบทเป็น ฟิลเลีย กากาเล่าถึงชีวิตนักเรียนในโรงเรียไฮสกูลว่า "เป็นสิ่งที่เธออุทิศตัวมากที่สุด ตั้งใจเรียนมากที่สุด และเคร่งครัดในกฎระเบียบมาก แต่ก็ไม่มั่นคงนัก" ตามที่เธอให้สัมภาษณ์ว่า "ฉันเคยถูกล้อเลียนว่าเป็นคนก้าวร้าวและบ้าระห่ำ ดังนั้นจึงปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่ฉันรู้สึกว่าไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับโรงเรียนได้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนประหลาด"[15] แต่เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอตอนนั้นกลับแย้งว่ากากาเป็นนักเรียนดี มีแค่เพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ หน้าตาคล้ายเด็กชาย แต่มีน้ำเสียงดี ร้องเพลงเก่ง[16][17] ด้วยบุคลิกของเธอที่มีอารมณ์ลึกซึ้งและเป็นอิสระอย่างศิลปินเนื่องจากถนัดมือซ้าย กากาให้สัมภาษณ์กับนิตยสารแอลว่าเธอนั้นถนัดมือซ้ายจริง ๆ [18]

เมื่ออายุได้ 17 ปี เธอได้รับสิทธิให้เข้าเรียนก่อนเกณฑ์ในโรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และพักอยู่ในหอพักของมหาลัยบนถนนที่สิบเอ็ด ที่นั่น เธอได้เรียนวิชาดนตรีและพัฒนาทักษะการเขียนเพลงของตัวเอง จากการแต่งร้อยแก้วและบทวิเคราะห์ที่มุ่งประเด็นไปในด้านศิลปะ ศาสนา ประเด็นต่าง ๆ ในสังคม และการเมือง เธอรู้สึกว่าตัวเองมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าเพื่อนร่วมชั้น เธอจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมองหาโอกาสในอาชีพทางดนตรีในภาคเรียนที่สองขณะเรียนชั้นปีที่ 2 [12][19] พ่อของเธอยินยอมที่จะออกค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ให้เป็นเวลา 1 ปี โดยมีเงื่อนไขว่า หากไม่ประสบความสำเร็จด้านอาชีพ จะต้องกลับมาเรียนใหม่[20] สเตฟานีต้องย้ายออกจากบ้านไปเช่าอพาร์ตเมนต์ย่านดาวน์ทาวน์ราคาถูกและไม่มีลิฟต์ เธอเริ่มต้นทำงานที่คลับละแวกนั้นตอนอายุเพียง 18 ปี[15]

2005 - 2007: เริ่มต้นสู่อาชีพศิลปิน

กากาเซ็นสัญญาครั้งแรกกับค่ายเดฟแจม เมื่ออายุ 19 ปี แต่ 3 เดือนต่อมา ต้นสังกัดกลับยกเลิกสัญญา ไม่นาน ผู้บริหารค่ายเดฟแจมได้แนะนำเธอให้รู้จักกับเรดวัน นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกับผู้บริหารคนนี้

เพลงแรกที่กาการ่วมแต่งกับเรดวัน คือ Boys Boys Boys ที่ได้แรงบันดาลใจจากเพลง Girls Girls Girls ของ เมิทลีย์ ครือ และเพลง T.N.T. ของวง เอซี/ดีซี ที่ผสมผสานกัน เธอย้ายไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ในฝั่งตะวันออกทางใต้ และได้บันทึกเสียงหลายเพลงกับนักร้องฮิปฮอป แกรนด์มาสเตอร์ เมลล์ เมล เพื่อประกอบหนังสือเสียงสำหรับเด็ก The Portal in the Park ของ คริกเก็ต แคซีย์ เธอเริ่มตั้งวงร็อกในชื่อ สเตฟานี เจอร์มาน็อตตา ซึ่งเป็นชื่อของเธอเอง ร่วมกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัย[21] พวกเขาได้บันทึกอีพีเพลงบัลลาดที่แต่งเองในสตูดิโอใต้ร้านเหล้าแถบนิวเจอร์ซีย์ ต่อมาได้เล่นประจำที่คลับแถวดาวน์ทาวน์ ในฝั่งตะวันออกทางใต้[15] หลังจากนั้นกากาเริ่มเสพโคเคนเมื่อครั้งการแสดงนีโอ-เบอร์เลสก์ พ่อไม่เข้าใจเหตุผลที่เธอเสพยาและไม่อาจทนเห็นลูกสาวของตนตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้ จึงพาไปบำบัดจนกระทั่งหายขาด[13]

ต่อมาโปรดิวเซอร์เพลง ร็อบ ฟูซารี เป็นคนช่วยเธอแต่งเพลงขึ้นอีกหลายเพลง โดยเขาเปรียบเทียบเสียงร้องของเธอว่าคล้ายกับเสียงของเฟรดดี้ เมอร์คิวรี[13][22] ฟูซารีเป็นคนที่คิดชื่อในวงการให้เธอว่า เลดีกากา หลังจากได้ฟังเพลงเรดิโอ-กากา ของวงควีน ซึ่งตอนนั้นกากากำลังอยู่ในระหว่างคิดหาชื่อเพื่อใช้ในการแสดง เมื่อฟูซารีส่งความถึงเธอว่า "Lady Gaga" สเตฟานีจึงตัดสินใจใช้ชื่อนี้[22] และเป็นที่รู้จักทั่วไปหลังจากนั้น

กาการ่วมแสดงบนเวทีอเมริกันลอลลาพาลูซ่า ค.ศ. 2007 กับเลดี้สตาร์ไลต์

อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า เรื่องที่ฟูซารีอ้างถึงที่มาของชื่อ "เลดีกากา" นั้นไม่เป็นความจริง และจริง ๆ แล้ว ชื่อ "เลดีกากา" ได้มาจากการพบกันทางธุรกิจกับเลดี้สตาร์ไลต์ ศิลปินแสดงสด ในค.ศ. 2007[23] และกากาได้ร่วมงานกับเธอนับแต่นั้นมา สตาร์ไลต์เป็นยังเป็นผู้สร้างสรรค์แฟชั่นบนเวทีการแสดงเองด้วย[24] ทั้งคู่เริ่มงานแสดงที่คลับในดาวน์ทาวน์นิวยอร์ก ชื่อ เมอร์คิวรี่เลานจ์ และเดอะบิตเทอร์เอนด์ รวมไปถึง เดอะร็อกวูดมิวสิกฮอล ด้วยความสามารถในศิลปะการแสดงสดและจำอวดของพวกเธอที่เป็นที่พูดถึงแล้ว ทำให้เป็นที่รู้จักในชื่อ "การแสดงเบ็ดเตล็ดของเลดีกากาและสตาร์ไลต์" โดยถูกยกย่องว่าเป็น "การแสดงป็อป-เบอร์เลสก์ชุดสุดท้าย" การแสดงของกากาและสตาร์ไลต์มีกลิ่นอายของยุคคริสต์ทศวรรษที่ 1970 ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2007 ทั้งสองได้รับเชิญให้ขึ้นแสดงสดบนเวทีในเทศกาลดนตรีอเมริกันลอลลาพาลูซา ค.ศ. 2007[25][26] การแสดงของพวกเธอในครั้งนั้นได้รับการตอบรับดีมาก และได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวก ด้วยความสนใจในการทดลองแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ กากาค้นพบความสามารถทางดนตรีในตัวเองเมื่อตอนที่เริ่มผสมทำนองดนตรีป็อปกับเพลงแนวแกลมร็อกของเดวิด โบวี ลงในเพลงที่แต่งเอง[27]

กากาขณะแสดงที่ผับใต้ดินนิวยอร์ก

ฟูซารีนำเพลงที่เขาและกากาได้แต่งร่วมกัน ส่งให้เพื่อนของเขาที่เป็นโปรดิวเซอร์และผู้บริหารค่ายเพลง ชื่อ วินเซนต์ เฮอร์เบิร์ต เฮอร์เบิร์ตเซ็นสัญญากับกากาทันที ภายใต้สังกัดสตรีมไลน์เรคอดส์ ในเครืออินเตอร์สโคป[28] ในช่วงของการก่อตั้งค่ายเพลงค.ศ. 2007 เธอยกย่องเฮอร์เบิร์ตว่าเป็นผู้ชายที่เห็นความสามารถของเธอ และกล่าวว่า "ฉันรับรู้ว่า เราได้สร้างประวัติศาสตร์ป็อปอีกครั้ง และกำลังทำให้มันเดินต่อไป" กากาได้เป็นนักแต่งเพลงคนใหม่ในค่ายเฟมัสมิวสิกพับลิชชิง แต่ต่อมาตกอยู่ภายใต้ความครอบครองของบริษัทโซนี่/เอทีวีมิวสิกพับลิชชิง[28] ดังนั้นเธอจึงถูกว่าจ้างให้แต่งเพลงให้กับบริทนีย์ สเปียร์ส และนักร้องร่วมค่ายอย่าง นิว คิดส์ออนเดอะบล็อก เฟอร์กี้ และวงพุสซี่แคทดอล[29] ระหว่าการเขียนเพลงให้กับอินเตอร์สโคป เอคอน นักร้องและนักแต่งเพลง ได้เห็นความสามารถในเสียงทรงพลังของเธอ เมื่อได้ร้องเดโมเป็นตัวอย่างสำหรับเพลงในแทร็กของเอคอน หลังจากนั้นเอคอนได้ขอร้องประธานบริษัทอินเตอร์สโคป-เกฟเฟน-เอแอนด์เอ็ม และจิมมี ไอโอวีนซีอีโอของบริษัท ให้เขาร่วมกับบริษัทได้ปั้นกากาให้เป็นนักร้องร่วมกัน และให้เธอเซ็นสัญญากับเขาภายใต้ค่าย คอนไลฟ์ดิสทริบิวชัน เอคอนเรียกเธอว่า "แฟรนไชส์เพลเยอร์" กากายังคงร่วมงานกับเรดวันต่อไปในสตูดิโอ เพื่อร่วมกันทำอัลบั้มแรกของเธอ พร้อมทั้งเตรียมเพลงใหม่ "Just Dance" และ "Poker Face" นอกจากนั้นเธอยังได้ร่วมงานกับค่ายเชอร์รี่ทรี สังกัดอินเตอร์สโคป ที่ก่อตั้งขึ้นโดยโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลง มาร์ติน เคียร์เซนบาอัม ทั้งสองได้แต่งเพลงด้วยกันถึง 4 เพลง หนึ่งในนั้นมีเพลงดังอย่าง Eh, Eh (Nothing else I can Say)[30]

2008 - 2010: อัลบั้ม The Fame และ The Fame Monster

ในปี 2008 กากาได้ย้ายไปอยู่ที่ลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย และได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับต้นสังกัดที่นั่น และเร่งทำอัลบั้มเปิดตัว The Fame ให้เสร็จ โดยผสมผสานแนวเพลงที่แตกต่างกันลงในอัลบั้ม โดยใช้จังหวะมือจากกลองเมทัลของเออร์บานแทร็ค [22] สอดคล้องกับสรุปผลการวิจารณ์ดนตรีโดยเมต้าคริติค ให้คะแนนอัลบั้ม The Fame 71คะแนนจาก 100 เต็ม [31] อัลบั้มนี้ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในออสเตรีย, สหราชอาณาจักร, แคนาดา และไอร์แลนด์ ติดท็อปชาร์ต 5 อันดับแรกที่ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา

กาการ้องเพลงปาปารัซซี่ใน เดอะเฟมบอลทัวร์

อัลบั้ม The Fame ทำยอดขายได้มากกว่า 12ล้านก๊อปปี้ทั่วโลก ด้วยเพลงเปิดตัวอัลบั้ม Just Dance ที่แตะชาร์ตอันดับ 1 ในกว่า 6 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย, แคนาดา, เนเธอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา [32] [33] ต่อมาถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ในสาขาเพลงแดนซ์ยอดเยี่ยม [34] เพลงที่สอง Poker Face นับเป็นความประสบสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เมื่อเพลงนี้ขึ้นท็อปชาร์ตอันดับ 1 ในเกือบทุกตลาดเพลงหลักในโลก รวมทั้งสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา เพลง Poker Face ได้รับรางวัล "เพลงแดนซ์ยอดเยี่ยม" ในงานประกาศผลรางวัลแกรมมี่ครั้งที่ 52 รวมถึงได้รับการเสนอให้เข้าชิงรางวัลในสาขา "เพลงแห่งปี" "บันทึกเสียงแห่งปี" และ รางวัลใหญ่ "อัลบั้มแห่งปี" ด้วย แต่ได้รับรางวัลในสาขาอัลบั้มเพลงอิเล็กทรอนิก-แดนซ์ยอดเยี่ยม แม้ว่าการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของเลดีกากาจะเป็นเพียงการแสดงเปิดเวทีให้กับนักร้องร่วมสังกัด นิว คิดส์ ออน เดอะ บล็อก [35] ในที่สุดเธอตัดสินใจออกเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของตัวเอง The Fame Ball Tour ที่เริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2009 และได้รับคำชื่นชมพอควร [36]

กากาขึ้นปกนิตยสารโรลลิ่งสโตน ฉบับเดือนพฤษภาคม 2009 ในสภาพกึ่งเปลือยกาย สวมเพียงชุดฟองน้ำพลาสติดที่ปกปิดเพียงของลับเท่านั้น ในคอลัมน์ Hot 100 เธอได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มต้นสู่เส้นทางอาชีพสายดนตรี และได้พบรักกับมือกลองวงเฮฟวี่เมทัลขณะเล่นดนตรีอยู่ที่ไนท์คลับในนิวยอร์ก เธอเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอและสุดท้ายก็เลิกรากันไป เธอบอกว่าเขาเป็นเบื้องหลังแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้ม The Fame [37] ต่อมากากาได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอมิวสิกประจำปี 2009 ทั้งหมด 9 สาขารางวัล แต่ได้รับรางวัลในสาขาศิลปินหน้าใหม่แห่งปี ส่วนเพลง Paparazzi ได้ชิงสองรางวัลคือ รางวัลการกำกับศิลป์ยอดเยี่ยมและรางวัลเทคนิคพิเศษในวิดีโอยอดเยี่ยม ในเดือนตุลาคมเธอได้รับรางวัลดาวรุ่งปี 2009 จากนิตยสารบิลบอร์ด[38]

กากาในคอนเสิร์ตเดอะมอนสเตอร์บอลทัวร์

เดือนเดียวกันกับที่เธอร่วมงานชุมนุมรวมพลังเพื่อความเท่าเทียม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. [39] [40] เธอประกาศวางจำหน่ายอัลบั้ม The Fame Monster เพลงทั้ง 8 แทร็คกล่าวถึงด้านมืดของความมีชื่อเสียงโด่งดังที่จากประสบการณ์ในช่วงที่เธอทัวร์คอนเสิร์ตระหว่างปี 2008-2009 และถ่ายทอดผ่านคำ"Monster" (ปีศาจ) ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่สองของเธอ "The Fame Monster Ball Tour" จัดขึ้นเพื่อโปรโมตอัลบั้มนี้ และเริ่มทัวร์ในเดือนพฤศจิกายน 2009 [41] [42] "Bad Romance" เป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้ม และติดชาร์ตอันดับหนึ่งใน 18 ประเทศทั่วโลก และติดชาร์ตอันดับ 1 สองครั้ง ในสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เดือนธันวาคม [43]กากาได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ณ โรงละครแบล็กพลู ประเทศอังกฤษ ในการแสดงรอยัลวาไรตี้ ประจำปี 2009 และได้ใช้เพลง "Speechless" แสดงสดต่อหน้าพระพักตร์ด้วย เธอสวมชุดผ้ายางลาเท็กซ์เลียนแบบฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1ที่หลายคนเห็นว่าไม่เหมาะสม [44]

กากาได้ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 บุคคลน่าชื่นชมมากที่สุดแห่งปี 2009 โดยบาร์บารา วอลเทอร์ส ระหว่างรายการวอลเตอร์ส แอนนวล เอบีซี สเปเชียล ในระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการเธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามในข้อกล่าวหาที่ว่าเธอเป็นกะเทยแท้ ที่มีสองเพศในตัวเองตามข่าวลือ และตอบกลับไปว่า "ตอนแรก ๆ เรื่องนี้มันแปลกแต่ทุกคนก็คิดว่ามันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ แต่ฉันเองเชื่อว่า ตัวเองมีภาพลักษณ์ของกะเทยจริงๆ และฉันเองก็รักพวกกะเทยด้วยนะ"[45]

เดือนมกราคม 2010 เธอได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทโพลารอยด์ ให้เป็นหัวหน้าทีมครีเอทีฟและให้เริ่มต้นสร้างสรรค์แฟชั่น, เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพ [46] เดือนกุมภาพันธ์ ซิงเกิลที่สองในอัลบั้ม The Fame Monster คือ "Telephone" ได้นักร้องหญิงอาร์แอนด์บี คือ บียอนเซ่มาร่วมฟีเจอร์ริ่งด้วย กลายเป็นเพลงลำดับสี่ของเธอที่สามารถขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักรได้ [47]

มีนาคม 2010 ร็อบ ฟูซารีฟ้องร้องบริษัทต้นสังกัดของเลดีกากา เมอร์เมด มิวสิก แอลแอลซี ให้ข้อหาว่าได้รับส่วนแบ่งอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งควรจะได้รับ 20% จากยอดขายอัลบั้ม ชาร์ลส์ ออร์ทเนอร์ ทนายความของกากาฟ้องกลับฟูซารีว่าสัญญาที่กากาได้ทำกับฟูซารีนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ขอออกความเห็นใด ๆ ต่อสื่อมวลชน ท้ายที่สุดในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน [48] ศาลฎีกาสูงสูดนครนิวยอร์ก ยกฟ้องคำร้องของร็อบ ฟูซารี [49] [50]

เดือนเมษายนปีเดียวกัน มีรายงานว่ามิวสิกวิดีโอของเธอมียอดคนดูมากกว่าพันล้านครั้งบนเว็บไซต์ Youtube และกลายเป็นศิลปินคนแรกที่มียอดดูในหลักพันล้าน [51] เดือนเดียวกันกากาได้รับการเสนอชื่อจากนิตยสารไทมส์ ให้เป็นหนึ่งใน100 ของบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกแห่งปี 2009 ระหว่างให้สัมภาษณ์กับไทมส์นั้น เธอพูดเปรย ๆ ว่า กำลังป่วยด้วยโรคลูปัส ซึ่งเป็นโรคเนื้อเยื่อติดเชื้อรุนแรงในร่างกาย [52] สองเดือนต่อมาเธอให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทอล์กโชว์ของลาร์รี่ คิง ว่า ไม่ได้ป่วยด้วยโรคลูปัสแต่เล่าถึงผลการตรวจร่างกาย "พบว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็น" เพราะโรคลูปัสเป็นกรรมพันธุ์ในครอบครัว และป้าเธอเพิ่งเสียชีวิตไปด้วยโรคนี้

ปลายปี 2010 อัลบั้ม The Fame Monster ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ในสาขาอัลบั้มเพลงป็อบยอดเยี่ยมและอัลบั้มแห่งปี[53]

กากาและเอลตัน จอห์น ได้ปล่อยเพลงดูเอ็ตที่ร้องร่วมกันในชื่อ "Hello Hello" เพื่อใช้ประกอบภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นของดิสนีย์ "Gnomeo and Juliet" [54] และเดือนกันยายน 2010 กากาได้เซ็นสัญญาทางธุรกิจกับโคตี้ อินคอร์ปเปเรชั่น เพื่อผลิตน้ำหอมร่วมกันที่มีชื่อ "มอนสเตอร์" และออกวางจำหน่ายในปี 2012

2011 - 2012: Born this way

เดือนมีนาคม 2010 กากาเปิดเผยว่า ได้เริ่มทำสตูดิโออัลบั้มใหม่ และเขียนธีมหลักของอัลบั้มเสร็จแล้ว สามเดือนต่อมา เธอประกาศว่าสตูดิโออัลบั้มที่สองใกล้เสร็จสมบูรณ์ "มันเร็วมาก ฉันทำงานนี้เป็นเดือน ๆ และรู้สึกได้ว่ามันเสร็จแล้ว ศิลปินบางคน อาจใช้เวลานานเป็นปี แต่ไม่ใช่ฉัน ฉันเขียนเพลงทุก ๆ วัน"[55]

เลดีกาการ้องเพลง Bad Romance ที่จตุรัสไทมแควร์ นิวยอร์ก, ประเทศสหรัฐอเมริกา สิงหาคม 2010

กากาประกาศชื่ออัลบั้มใหม่ที่จะออกวางจำหน่ายในปี 2011 นี้ว่า "Born This Way"[56] [57] ในระหว่างขึ้นรับรางวัลวิดีโอแห่งปีบนเวทีเอ็มวีมิวสิกวิดีโออวอร์ดส์ ประจำปี 2010 [58] โดยกากาได้นำเพลงจากอัลบั้มใหม่มาใช้ร้องสดในทัวร์คอนเสิร์ตของเธอ คือ Born this way และอีกเพลงคือ Yoü and I ซึ่งเธอร้องเพลงนี้บนเวทีเทศกาลดนตรีลอลลาพาลูซา 2010 เพลง Born this way จะเป็นซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม ที่จะจำหน่ายในวันที่ 13 กุมภาพันธํ 2011 เธอกล่าวถึงอัลบั้มนี้ว่า "จะเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดในทศวรรษนี้" "เป็นสิ่งพาให้เรานอนดึกและรู้สึกสะพรึงกลัว" "เด็กเลวมุ่งสู่โบสถ์" และ "ความสนุกสนานขึ้นไปอีกระดับ" กากาอธิบายถึงเพลงใหม่ของตัวเองว่า "เป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่าผมปลอม ลิปสติก หรือ เสื้อผ้าที่เห็น"[59]

แล้วเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554 ซึ่งเป็นวันประกาศผลรางวัลแกรมมี่ อวอร์ส ซึ่งกากาได้ไปร่วมงานนี้พร้อมสร้างความตกตะลึงเมื่อกากาปรากฏตัวโดยนอนอยู่ในไข่ใบยักษ์ที่มีคนแบกเข้ามา โดยไข่นี้เป็นหนึ่งในการโปรโมทเพลงใหม่ที่กากาจะใช้เปิดตัวเพลงใหม่ในการแสดงงานนี้ และในงานแกรมมี่ ปีนี้ กากากวาดรางวัลไปถึงสามรางวัล โดยอัลบั้มอีพี The Fame Monster ได้รับรางวัล อัลบั้มเพลงป็อปยอดเยี่ยม และ ศิลปินเพลงป็อปหญิงยอดเยี่ยม จากเพลง Bad Romance โดยในการแสดงกากาได้ร่วมแสดงในงานนี้ด้วย พร้อมเปิดตัวเพลงใหม่ Born This Way โดยกากาแสดงและเปิดตัวที่นี่ครั้งแรก พร้อมปล่อยลงโซเชียลมีเดียในวันเดียวกัน โดยเพลงBorn This Way ทำสถิติขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร แคนาดา สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอีกหลายๆประเทศ และเพลง Born This Way ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กากาดดยมียอดดาวน์โหลดสูงถึง ห้าแสนครั้งภายในเวลา 5 ชั่วโมง ได้สร้างประวัติศาสตร์ยอดดาวน์โหลดสูงสุดที่ดาวน์โหลดผ่านทางเว็บไซต์ อแมซอน และ ไอทูนส์ และสองอาทิตย์ต่อมาได้ปล่อยมิวสิควีโอเพลง Born This Way ออกมาก็ได้สร้างความตกตะลึงอีกครั้งกับยอดคนดูในยูทูปที่มียอดเกิน 2 ล้านวิวภายใน 1 วัน

เลดีกากาในคอนเสิร์ตเดอะบอร์นดิสเวย์บอลทัวร์

เพลง Born This Way ได้ประสบกับคำวิจารณ์อย่างหนักจนถึงปัจจุบัน โดยมีหลายคนเห็นถึงความคล้ายคลึงระหว่างเพลง Born This Way และเพลง Express Yourself ของมาดอนน่า ที่คล้ายกันมากเหมือนใช้คอดเพลงตัวเดียวกัน อีกทั้งเพลง Born This Way ได้ถูกตัดส่วนที่พูดถึงชาวรักร่วมเพศออกไปเพื่อเปิดในวิทยุของประเทศมาเลเซีย โดยมีกฎหมายออกมาอย่างทางการ พร้อมกับปรับเงินกับสถานีที่เปิดเพลงตัวเต็ม ที่ชาวรักร่วมเพศถือว่ายังเป็นสิ่งรับไม่ได้กับประเทศนี้ที่มีคนนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งในประเทศจีนยังถูกห้ามไม่ให้มีใครเปิดเพลง หรือจำหน่ายอัลบั้มของเธอในประเทศนี้

หลังจากหลายเดือนต่อมา กากาประกาศว่าเธอจะปล่อยเพลง Judas ที่มีเนื้อหาเพลงจากพระคัมภีย์ไบเบิ้ล โดยจะปล่อยพร้อมกับมิวสิควีโโอ แต่ไม่ทันจะปล่อย ก็ถูกต่อต้านอย่างหนักจากชาวคริสต์ ว่ากากาไม่สมควรเอาเรื่องจากพระคัมภีย์มาล้อเล่น หรือมาล้อเลียน เพราะกากาเธอเคยประกาศไว้ว่าจะนำเรื่องราวในพระคัมภัย์มาดัดแปลงทำเป็นมิวสิควีดีโอ แต่ในความจริง กากาแต่งเพลงJudas ขึ้นมาก็เพื่อประชดประชันแฟนเก่าของเธอที่ทรยศเธอ เหมือนจูดาสที่ทรยศต่อพระเยซูเพียงเท่านั้นเอง

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน กากาได้ปล่อยเพลง The Edge Of Glory ซึ่งเพลงนี้กากาได้รับแรงบันดารใจจากการเสียชีวิตของคุณปู่ของเธอ ที่ถึงจุดบั้นปลายของชีวิต โดยเหมือนเราอยู่ที่ขอบเหวที่ไม่สามารถหนีหรือเดินต่อไปได้ จึงต้องจบชีวิต เพราะจุดสิ้นสุดที่เราจะเดินต่อไปแล้ว หลังจากนั้น

ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2554 กากาได้เปิดตัวอัลบั้ม บอร์นดิสเวย์ โดยทำสถิติขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอีกหลายๆประเทศ มียอดขายเกิน 1 ล้านชุด ภายในไม่ถึง 5 วัน และมียอดดาวน์โหลดอัลบั้มทางอแมซอนและไอทูนส์ สูงเป็นประวัติศาสตร์ของวงการดนตรี โดยปีนี้กากาได้ถูกจัดอันดับจากนิตยสารฟอบส์ให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับ 1ของโลก และผู้ที่มีรายได้มากที่สุดของปี 2011 โดยเธอได้รายได้ส่วนหนึ่งจากยอดขายอัลบั้มและคอนเสิร์ต The Monster Ball ที่ปิดทัวร์ ก่อนขายอัลบั้ม

เมื่อต้นปี 2012 กากาและซินเธีย แม่ของเธอได้จัดตั้งมูลนิธิบอร์นดิสเวย์ขึ้น เพื่อเรียกร้องสิทธิเด็กและเพศที่สาม โดยปี 2012 นี้กากาได้เริ่มต้นทัวร์คอนเสิร์ตของเธอโดยใช้ชื่อว่าเดอะบอร์นดิสเวย์บอลทัวร์เป็นทัวร์รอบโลกโดยเริ่มที่แถบเอเชียก่อนและไปต่อที่แถบโอเซียเนียและยูโรป รวมถึงการแสดงในประเทศไทยที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ด้วย

2013 - 2014: Artpop และ Cheek to Cheek

ในต้นปี 2013 ในระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ตของกากา เดอะบอร์นดิสเวย์บอลล์ กากาได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้กากาต้องยกเลิกโชว์กว่า 20 โชว์ และใช้เวลา เกือบ 4 เดือนพักฟื้น และในเดือนกรกฎาคม กากาได้ประกาศอัลบั้มอย่างเป็นทางการ ในงานเลี้ยงของทีมงาน นั้นแสดงให้รู้ว่า หมดยุคของบอร์นดิสเวย์ เข้าสู่ยุคอาร์ตป็อปแล้วนั้นเอง

เลดีกากาแสดงเพลง "Applause" ในงาน MTV Video Music Awards 2013 เลดีกากาในคอนเสิร์ตอาร์ตป๊อปบอลทัวร์

ซิงเกิลแรกของอัลบั้มคือเพลง Applause ที่กากาประกาศวันวางจำหน่ายเพลงในวันที่ 19 สิงหาคม แต่เนื่องจากมีแฮกเกอร์ ผู้เจาะข้อมูลพยายามดึงบางส่วนของเพลงออกมาปล่อยลงโซเชียล จนกระทั่งหลุดทั้งเพลง กากาจึงไม่สามารถทนสภาพของการดาวน์โหลดเพลงฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ จึงตัดสินใจปล่อยเพลงออกมาขายทางไอทูนส์ ในวันที่ 12 สิงหาคม เพื่อให้แฟนเพลงได้โหลดเพลงอย่างถูกกฎหมาย ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ดันไปชนกับวันเดียวกันกับวันขายซิงเกิลใหม่ ของเคที เพอร์รี กับซิงเกิล รอร์ จากอัลบั้มใหม่ของเธอ ปริซึม ซึ่งทำให้เกิดประเด็นระหว่างแฟนคลับกันเอง ซึ่งมิวสิควีดีโอได้ถูกเผยในวันที่ 19 สิงหาคมที่รายการ Good Morning America กำกับโดย Inez van Lamsweerde และ Vinoodh Matadin ซึ่งถ่ายทำในสตูดิโอที่ลอสแอนเจลิส ต่อมาเธอได้ประกาศซิงเกิลที่ 2 คือเพลง Venus วางจำหน่ายในวันที่ 27 ตุลาคม แต่เนื่องจากเพลง ดูวอทยูวอนต์ มียอดขาย และกระแสที่ดีกว่า กากาจึงเปลี่ยนเป็นซิงเกิ้ลแทนวีนัส

ซิงเกิ้ลที่ 2 ของอัลบั้มนี้ มีชื่อว่า " ดูวอทยูวอนท์ กากาประกาศอย่างเป็นทางการผ่านทวิตเตอร์ ว่าจะเป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ของอัลบั้มต่อจากเพลงแอพพลอส ที่จะออกจำหน่ายในรูปแบบดิจิตอลดาวน์โหลดผ่านทางไอทูนส์ เนื่องจากเพลงนี้มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดในอัลบั้ม กระแสดีเกินคาด และเป็นเพลงที่ขึ้นอันดับ 1 ได้เร็วที่สุดในปี 2013 กากาจึงประกาศเปลี่ยนเพลงนี้ที่เป็นเพลงโปรโมทก่อนอัลบั้มวางจำหน่าย เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 แทน ซึ้งเปลี่ยนเพลงวีนัส ให้เป็นเพียงโปรโมทซิงเกิ้ลเท่านั้น

"G.U.Y" ได้มาเป็น ซิงเกิ้ลที่ 3 อย่างเป็นทางการเมื่อกากามีแผนที่จะพรีเมียร์มิวสิควีดีโอใหม่ของเธอในรายการโทรทัศน์ จึงได้มีการคอนเฟริมในทวิตเตอร์ของทางโปรดิวเซอร์รายการว่าเพลงที่จะเดบิวต์ในรายการนั้นคือ G.U.Y[60]

เลดีกากากับโทนี เบนเนต ที่คอนเสิร์ต Cheek to Cheek Tour

ในวันที่ 10 พฤศจิกายน กากาจัดงาน artRave ขึ้นมาที่นิวยอร์ก เพื่อให้แฟนเพลงได้ชมและร่วมงานเปิดตัวอัลบั้มอย่างเป็นทางการ ในงานกากาได้นำปติมากรรมทางศิลปะของเจฟ คูนส์ มานำเสนอในงานด้วย รวมถึงรูปปั้นปติมากรรมของเลดีกากา ที่นำไปใช้ในหน้าปกอัลบั้ม ที่เจฟ คูนส์ปั้นขึ้น ในงานกากาแสดงเพลง เป็นมินิคอนเสิร์ตของเธอ ซึ้งเธอแสดงไปทั้งหมด 9 เพลงจากอัลบั้ม

กากาประกาศคอนเสิร์ตของเธอขึ้น โดยใช้ชื่อว่า Artrave: Artpop Ball Tour

กากาได้ร่วมงานกับโทนี เบนเนต กับอัลบั้มเพลงแจ๊ซชื่อ Cheek to Cheek ถูกปล่อยเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2014 อัลบั้มนี้ทำรายได้ 131,000 ก๊อปปี้ในอาทิตย์แรก และได้รับรางวัลแกรมมี่ปี 2015 สาขา Best Traditional Pop Vocal Album กากากับโทนี่เปิดคอนเสิร์ตร่วมกัน Cheek to Cheek Tour

2015: American Horror Story

22 กุมภาพันธ์ 2015 เลดีกากาได้ไปร่วมงานประกาศผลรางวัลออสการ์ และขึ้นแสดงโชว์เมดเล่ย์ The Sound of Music เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ภาพยนตร์ มนต์รักเพลงสวรรค์ (The Sound of Music) โดยตอนจบการแสดงจูลี่ แอนดรูว์สเดินขึ้นมาเซอไพรส์บนเวที

เลดีกากาได้ออกมิวสิควิดิโอเพลง Til It Happens To You เพลงประภาพยนตร์สารคดี The Hunting Ground เพื่อนำรายได้ของวิดิโอและเพลง ไปบริจาคให้กับองค์กรที่ช่วยเหลือแก่ผู้ที่เคยถูกทำร้ายหรือถูกละเมิดทางเพศ และเพลงนี้ยังติดชาร์ตอันดับ 1 Billboard Dance Club Song (ในเวอร์ชัน Remix) ในต้นปี 2016 อีกด้วย

20 กันยายน 2015 เลดีกากาได้ไปร่วมงานประกาศผลรางวัลเอ็มมี โดยเธอได้เดินพรมแดงด้วยชุดที่เรียบหรู ธรรมดา ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงในความเปลี่ยนไปของเธอ เธอยังได้เข้าชิงรางวัลในสาขา Outstanding Variety, Music or Comedy Special ร่วมกับโทนี เบนเนตอีกด้วย

เลดีกากาได้ร่วมแสดงซีรีส์ American Horror Story ซีซั่น 5 ในตอนที่ชื่อว่า Hotel โดยกากาแสดงเป็น อลิซาเบธ เจ้าแม่แฟชั่นและเป็นเจ้าของโรงแรมที่มีชื่อว่า Cortez เธอยังได้เข้าชิงสาขารางวัลเกี่ยวกับละครโทรทัศน์อีกหลายสาขาอีกด้วย

เลดีกากา ได้ไปร่วมงาน Billboard Women in Music 2015 โดยเธอได้รับรางวัล Woman of the Year ทำให้เธอได้รับการยอมรับจากศิลปินมากมาย เช่น เคธี เบตส์,เอลตัน จอห์น,จูลี่ แอนดรูว์ส,โทนี เบนเนต ทั้งผลงานการแสดง และผลงานเพลง

2016-2017 : Joanne และการแสดงพักครึ่งซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 51

เลดีกากาได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงในสาขา Best Performance in a Miniseries or Television Film จาก American Horror Story: Hotel ในงานประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 73 ถือเป็นการคว้ารางวัลถ้วยแรกของการเป็นนักแสดงของเธอเลยทีเดียว และเพลง Til It Happens to You ของเธอที่ร่วมกันแต่งกับไดแอน วาร์เรน จากภาพยนตร์สารคดี "The Hunting Ground" ก็ได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 88 ในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์แห่งปี และก่อนหน้านี้ก็ได้เข้าชิง Best Song Written for Visual Media จากงานประกาศผลรางวัลแกรมมี่ ครั้งที่ 58 และได้รับรางวัล Satellite Awards ครั้งที่ 20 ในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์แห่งปีอีกด้วย

เลดีกากาหลังจากร้องเพลง National Anthem ในศึกซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่50

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2016 เลดีกากา ได้รับเชิญให้ไปร้องเพลงชาติสหรัฐอเมริกา หรือ เดอะสตาร์สแปงเกิลด์แบนเนอร์ ในศึกการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 เพื่อเป็นการเปิดการแข่งขันนั่นเอง

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2016 เลดีกากา ได้ไปร่วมงานประกาศผลรางวัลแกรมมี่ ครั้งที่ 58 และทำการแสดงย้อนรำลึกและอุทิศให้การจากไปของเดวิด โบอี และเธอก็ได้เข้าชิงรางวัล Best Song Written for Visual Media อีกด้วย

พฤษภาคม เลดีกากาและเอลตัน จอห์น ร่วมกับ Macy's ออกไลน์ลิมิเต็ดอิดิชั่นที่มีชื่อว่า Love Bravery โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำเข้า มูลนิธิบอร์นดิสเวย์ กับ Elton John AIDS Foundation

เดือนสิงหาคม ทางวอร์เนอร์บราเธอร์ส ได้คอนเฟิร์มออกมาว่ากากาจะแสดงหนังรีเมคเรื่อง "A Star Is Born" โดยแบรดลีย์ คูเปอร์ จะเริ่มถ่ายทำในกลางปี 2017

เมื่อวันที่ 9 กันยายน เลดีกากาได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่จากอัลบั้มชุดที่ 5 ที่มีชื่อว่า เพอร์เฟกต์อิลลูชัน (Perfect Illusion) โดยมีโปรดิวเซอร์หลักคือ มาร์ก รอนสัน เคลวิน ปาร์คเกอร์ และบลัดป๊อบ โดยเพลงนี้ได้ติดอันดับ 1 บน iTunes Chart เกือบ 70 ประเทศ รวมถึงอเมริกาและก็ไทยด้วย และได้เปิดตัวในอันดับที่ 15 ใน Billboard Hot 100 และอันดับ 1 ในประเทศฝรั่งเศส,โดยอัลบั้มใหม่ชื่อว่า โจแอนน์ (Joanne) วางขายในวันที่ 21 ตุลาคม 2016 และเปิดตัวขึ้นอันดับ 1 ใน Billboard 200 ทำให้เป็นอัลบั้มที่ 4 ของเธอที่ขึ้นอันดับ 1 ได้ , กากาได้แสดงซีรีส์ American Horror Story อีกครั้ง ในซีซั่นที่ 6 โดยเธอเล่นบทเป็น Scathach

กากาแสดงเพลง บอร์นดิสเวย์ ในการแสดงพักครึ่งซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 51

ซิงเกิ้ลที่ 2 จากอัลบั้มโจแอนน์คือ มิลเลี่ยนรีซันส์ (Million Reasons) เธอได้ขึ้นแสดงเพลงนี้ที่ วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ 2017 กับเพลง เอ-โย่ (A-Yo) และ จอห์น เวย์น (John Wayne) และที่อเมริกันมิวสิกอะวอร์ด 2016

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2017 กากาได้ขึ้นโชว์การแสดงพักครึ่งศึกในศึกอเมริกันซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 51 ที่สนาม NRG Stadium และได้เรตติ้งไปทั้งหมด 117.5 ล้านในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเรตติ้งที่สูงที่สุดอันดับที่ 2 แต่เมื่อรวมเรตติ้งผู้ชมทุกช่องทางการรับชมแล้ว การแสดงของเธอคว้าเรตติ้งไปทั้งหมด 172 ล้าน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การแสดงพักครึ่ง และประวัติศาสตร์การแสดงทางดนตรีสูงที่สุดในสหรัฐ และจากนั้นเธอก็ได้ประกาศทัวร์คอนเสิร์ตใหม่ทันที คือคอนเสิร์ต Joanne World Tour 2017 ทำให้เพลง มิลเลี่ยนรีซันส์กระโดดขึ้นอันดับที่ 4 ใน Billboard Hot 100 ได้สำเร็จ, กากาได้ปล่อยมิวสิควิดิโอตัวใหม่ในเพลง จอห์น เวย์น (John Wayne)

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เลดีกากาได้ขึ้นแสดงเพลง Moth Into Flame คู่กับวงร็อคเมทัลลิกา ในงานประกาศผลรางวัลแกรมมี ครั้งที่ 59

เมื่อ 16 เมษายน เลดีกากาได้ขึ้นแสดงโชว์ที่งาน Coachella Valley Music and Arts Festival 2017 ซึ่งกากานั้นได้ขึ้นแสดงแทนบียอนเซ่ เนื่องจากบียอนเซ่นั่นได้ตั้งครรภ์ลูกแฝดนั่นเอง ในงานก็มีผู้ชมมากมาย รวมทั้งศิลปินดังๆคนอื่น เช่น เคที เพร์รี รีแอนนา ลานา เดล เรย์ เป็นต้น ในขณะที่กากาแสดงนั้น เธอก็ได้ร้องเพลงใหม่ของเธอที่มี่ชื่อว่า The Cure แต่งโดย DJ White Shadow และโปรดิวซ์โดย Nick Monson เมื่อวางจำหน่ายบน iTunes เพลงนี้ก็สามารถทยานขึ้นอันดับ 1 ใน Itunes Chart ได้ถึง 62 ประเทศ และอันดับ 1 บน Itunes Worldwide และทยานขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตประเทศฟินแลนด์และอันดับ 3 ในประเทศนิวซีแลนด์

กลางเดือนเมษายน เลดีกากา ได้เริ่มเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง A Star Is Born ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย รีเมคมาจากเวอร์ชันปี 1937 โดยเธอรับบทเป็น แอลลี่ นางเอกของเรื่อง ซึ่งแสดงคู่กับแบรดลีย์ คูเปอร์ ซึ่งเป็นผู้กำกับด้วย

2018 : A Star Is Born และ คอนเสิร์ต Lady Gaga Enigma

เมื่อเดือนมีนาคม 2018 ที่ผ่านมา เลดีกากาได้ร่วมสนับสนุนการเดินขบวน มาร์ชฟอร์เอาเออร์ไลฟ์ (The March for Our Lives) ซึ่งเป็นการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกการครอบครองอาวุธปืนในสหรัฐอเมริกา สืบเนื่องจากเหตุการณ์ยิงกันในโรงเรียนมัธยมสโตนแมนดักกลาส ในวอชิงตัน ดี.ซี [61] และเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2018 ที่ผ่านมาเธอได้ปล่อยเพลงโคปเวอร์ของ เอลตัน จอห์น เพลง "Your Song" ซึ่งอยู่ในแทร็กลำดับที่ 12 ของอัลบัม Revamp & Restoration [62]

ต้นเดือนสิงหาคม 2018 เลดีกากา ได้เริ่มโปรโมทโชว์คอนเสิร์ตถาวรเป็นเวลา 2 ปี ที่โรงละคร พาร์ค เอ็มจีเอ็ม ในลาสเวกัส ชื่อโชว์ว่า Lady Gaga Enigma ซึ่งจะเริ่มทำการแสดงในเดือนธันวาคม ปี 2018 เป็นต้นไป[63]

ในเดือนตุลาคม 2018 ภาพยนตร์เรื่อง A Star Is Born ที่เลดีกากาแสดงนำในบท "แอลลี่" คู่กับแบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท "แจ็กสัน" ฉายครั้งแรก พร้อมกับอัลบัมเพลงประกอบภาพยนตร์ A Star Is Born (Soundtrack) ซึ่งจะวางจำหน่ายในวันที่ 5 ตุลาคม 2018 [64]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เลดีกากา http://www.couriermail.com.au/news/opinion/lady-ga... http://www.lyrics.az/lady-gaga/ http://jam.canoe.ca/Music/Artists/L/Lady_GaGa/2009... http://ladygaga.bth.cc/ http://www.advocate.com/News/Daily_News/2010/09/21... http://www.allmusic.com/album/the-fame-r1421208 http://www.artistdirect.com/nad/news/article/0, http://www.billboard.com/#/charts-decade-end/artis... http://www.billboard.com/news/beyonce-accepts-bill... http://www.billboard.com/news/lady-gaga-the-billbo...