รูปแบบ ของ เสียงจากหู

เกิดเอง

เสียงปล่อยจากหูเอง (Spontaneous otoacoustic emission, SOAE) เป็นเสียงที่หูสร้างขึ้นโดยไม่มีสิ่งเร้าภายนอก และสามารถวัดได้ด้วยไมโครโฟนไวเสียงในช่องหูด้านนอกSOAE อย่างน้อยชนิดหนึ่งสามารถตรวจจับได้ในประชากรประมาณ 35-50% โดยมีความถี่ที่เสถียรระหว่าง 500-4,500 เฮิรตซ์ แต่มีระดับเสียงที่ไม่เสถียรระหว่าง -30-+10 dB SPL แม้คนโดยมากจะไม่รู้ว่าหูของตนสร้างเสียง แต่ก็มีคนประมาณ 1-9% ที่ได้ยิน SOAE โดยเป็นเสียงในหู (tinnitus)[10]

มีงานศึกษาอื่นที่แสดงว่า 70% ของคนปกติทั้งในผู้ใหญ่และในเด็กอาจมี SOAE โดยเกิดจากกระบวนการขยายเสียงของหูชั้นใน เหมือนกับเครื่องขยายเสียงหอนเมื่อทำงานเกิน และต้องทำงานเช่นนี้เพื่อแก้สัญญาณเสียงที่ลดลงเนื่องจากต้องวิ่งผ่านน้ำและเนื้อเยื่อของหูชั้นใน มีแม้แต่รายงานจากแพทย์ว่า ได้ยินเสียงที่เกิดในหูของทารกเกิดใหม่[11]

เร้าให้เกิด

เสียงปล่อยจากหูเองโดยเร้า (Evoked otoacoustic emission, EOAE) เกิดได้อย่างน้อยโดย 3 วิธีStimulus Frequency OAEs (SFOAEs) เป็นค่าที่วัดเมื่อเร้าด้วยเสียงความถี่เดียว โดยวัดความต่างกันระหว่างเสียงที่ใช้เร้าและเสียงที่มาจากหูส่วน Transient-evoked OAEs (TEOAEs หรือ TrOAEs) จะเกิดเมื่อใช้เสียงกริ๊กที่มีความถี่กว้าง หรือ toneburst ที่ใช้เวลาสั้น ๆ มีความถี่เดี่ยวเสียงจากหูที่ได้จากเสียงกริ๊กมีความถี่จนถึงประมาณ 4 กิโลเฮิรตซ์ ในขณะที่ toneburst จะทำให้เกิดเสียงในความถี่ที่ใกล้ ๆ กับความถี่เสียงที่ส่งแต่แรก

Distortion product OAEs (DPOAEs) จะเร้าด้วยเสียงคู่ที่ความถี่ f 1 {\displaystyle f_{1}} และ f 2 {\displaystyle f_{2}} โดยปกติดังที่ 65, 55 dBSPL หรือ 65 สำหรับทั้งสอง และมีอัตรา f 1   :   f 2 {\displaystyle f_{1}{\mbox{ }}:{\mbox{ }}f_{2}} เสียงที่ปล่อยจากหูเพราะเสียงเร้าเหล่านี้อยู่ที่ความถี่ f d p {\displaystyle f_{dp}} ซึ่งสัมพันธ์กันทางคณิต โดยความถี่สองอย่างที่ชัดที่สุดคือ f d p = 2 f 1 − f 2 {\displaystyle f_{dp}=2f_{1}-f_{2}} ("cubic" distortion tone ซึ่งใช้เพื่อตรวจคัดกรองมากที่สุด) และ f d p = f 2 − f 1 {\displaystyle f_{dp}=f_{2}-f_{1}} ("quadratic" distortion tone หรือ distortion tone)[12][13]

โดยย่อ ๆ แล้ว เสียงกริ๊กที่ส่งเข้าในหูจะทำให้หูชั้นในส่งเสียงตอบรับภายในไม่กี่มิลลิวินาที โดยปกติจะตอบจำกัดที่ความถี่โดยเฉพาะ ๆ ถ้าตอบสนองเป็นเสียงความถี่สูงจะตอบเร็วกว่า (5 มิลลิวินาที) ถ้าเป็นความถี่ต่ำจะตอบช้ากว่า (20 มิลลิวินาที) และนี่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เสียงสะท้อน แต่เป็นเสียงที่คอเคลียตอบสนองต่อเสียงโดยแรงกล[14]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เสียงจากหู http://archotol.jamanetwork.com/article.aspx?artic... http://adsabs.harvard.edu/abs/1978ASAJ...64.1386K http://adsabs.harvard.edu/abs/1985Sci...227..194B http://adsabs.harvard.edu/abs/1997ASAJ..102.1719C http://adsabs.harvard.edu/abs/2008ASAJ..124.3739B //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2666406 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/19118109 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/19206801 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/2317322 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/2340968