อุปนิสัย ของ เสือชีตาห์

ในแอฟริกา เสือชีตาห์มักหากินตอนกลางวัน สาเหตุเนื่องจากการล่าของเสือชีตาห์จำเป็นต้องมองเห็นสภาพพื้นที่ที่ล่าได้ชัดเจน และเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสัตว์นักล่าชนิดอื่นที่หากินตอนกลางคืนมากกว่า เคยพบเสือชีตาห์กินซากบ้าง และบางครั้งก็เป็นการกลับมาเอาเหยื่อที่ตนเองเป็นผู้ล่าที่ถูกแย่งไปทิ้งไปแล้ว แต่กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นน้อยครั้งมาก ในพื้นที่ปศุสัตว์ในนามีเบียซึ่งสิงโตและไฮยีนาหายไปแล้วพบว่า หากสัตว์ที่ล่ามามีขนาดใหญ่ กินคราวเดียวไม่หมด เสือชีตาห์มักอยู่ไม่ไกลจากเหยื่อนั้นแทนที่จะทิ้งไป

การล่าของเสือชีตาห์ จะย่องเข้าไปใกล้เยื่อจนอยู่ในระยะประมาณ 30 เมตร แล้วพุ่งออกไปไล่กวดเหยื่อ การไล่กวดจะกินเวลาประมาณ 20-60 วินาที เมื่อไล่จนทันก็จะใช้ขาหน้าปัดขาหลังของเหยื่อเพื่อให้คะมำล้มลง ความจริงการปัดนี้เป็นการเกี่ยวด้วยเล็บนิ้วโป้งซึ่งอยู่สูงจากอุ้งตีน เมื่อเหยื่อล้มลงแล้วจึงลงมือฆ่าโดยกัดหลอดลม ทำให้เหยื่อขาดใจตาย เสือชีตาห์มีโพรงจมูกใหญ่กว่าเสือชนิดอื่นเพื่อให้หายใจได้ง่ายขณะต้องกัดคอเหยื่อ เมื่อฆ่าเหยื่อได้แล้ว เสือชีตาห์ต้องพักเอาแรงอีกสักครู่จึงจะมีแรงกินได้ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เสี่ยงและมักต้องเสียเหยื่อให้สัตว์ผู้ล่าชนิดอื่นเช่นสิงโตและไฮยีนา

เสือชีตาห์ที่อาศัยอยู่ตามเทือกเขาในซาฮารามีพฤติกรรมต่างออกไปทั้งเวลาหากินและวิธีล่า เสือชีตาห์ในส่วนนี้มักหากินเวลากลางคืน และเนื่องจากสภาพพื้นที่เปิดกว้างมีที่ซุ่มซ่อนและกำบังน้อย จึงต้องใช้วิธีย่องและคืบคลานอย่างเชื่องช้าและอดทน ชื่อเรียกเสือชีตาห์ในภาษาตัวเร็ก ซึ่งเป็นภาษาของชนพื้นเมืองบริเวณนี้มีความหมายว่า "ตัวที่รุกคืบอย่างเชื่องช้า" ซึ่งแตกต่างไปจากภาพลักษณ์ของเสือชีตาห์ที่คนทั่วไปคุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง

อาหารหลักของเสือชีตาห์ได้แก่ สัตว์กีบขนาดเล็ก มักมีน้ำหนักไม่เกิน 40 กิโลกรัม ในแอฟริกาตะวันออก ในทุ่งหญ้าเซเรนเกตตีเสือชีตาห์มักล่ากาเซลล์ทอมสัน ในพื้นที่ป่าคืออิมพาลา ในป่าไม้พุ่มตอนเหนือของเคนยาคือกูดูเล็ก เจเรนุก และดิกดิก ในแอฟริกาตอนใต้ อาหารหลักคือสปริงบ็อก ลูกกูดูใหญ่ และหมูป่า อิมพาลา ปูกู ส่วนในแอฟริกาตอนกลางและตะวันตกเคยพบชีตาห์จับฮาร์เตอบีสต์แดง โอริบี และคอบ ในอุทยานมาโนโว-กาวน์ดา-เซนต์ฟลอริสในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง บางครั้งเสือชีตาห์ก็จับสัตว์เล็กเช่นกระต่ายป่าหรือนกกินด้วย สำหรับเหยื่อที่ใหญ่มากเช่นอีแลนด์ เสือชีตาห์จะต้องช่วยกันล่า ซึ่งมักจะเป็นพี่น้องที่อยู่ด้วยกัน

เสือชีตาห์ในทะเลทรายซาฮารากาเซลล์เป็นอาหารหลัก บางครั้งก็ล่านกกระจอกเทศและแกะบาร์บารี ส่วนเสือชีตาห์ในอินเดียมักล่าแบล็กบักและกาเซลล์ชิงการาเป็นหลัก ในเติร์กเมนิสถาน ชีตาห์ล่ากาเซลล์กอยเตอร์เป็นหลัก ในช่วงกลางทศวรรษ 1900 เมื่อกาเซลล์ในบริเวณนี้ลดจำนวนลงไป เสือชีตาห์ก็หายไปจากพื้นที่นี้ด้วย ในอิหร่าน มีรายงานว่า เสือชีตาห์ที่อยู่นอกเขตอนุรักษ์ที่มีกาเซลล์อาศัยอยู่ล่ากระต่ายป่าเป็นอาหารหลักซึ่งมีอยู่มากมายเนื่องจากนายพรานมุสลิมมักไม่ล่ากระต่ายป่า

เสือชีตาห์ทนแล้งได้ดี เพียงอาศัยน้ำที่อยู่ในตัวเหยื่อก็มีชีวิตได้แล้ว จึงอาศัยอยู่ในที่ห่างจากแหล่งน้ำก็ได้ เช่นในทะเลทรายคาลาฮารี ที่นี่เคยมีการสำรวจพบว่าระยะทางการเดินทางเฉลี่ยระหว่างการแวะดื่มน้ำแต่ละครั้งของเสือชีตาห์คือ 82 กิโลเมตร และเคยพบว่าชีตาห์อาศัยความน้ำจากเลือดหรือน้ำปัสสาวะของเหยื่อด้วย

ปกติเสือชีตาห์ที่อยู่ตามลำพังจะมีพื้นที่หากินกว้างประมาณ 800-1,500 ตารางกิโลเมตร อาณาเขตของตัวผู้กับตัวเมีย และอาณาเขตระหว่างตัวเมียด้วยกันอาจทับซ้อนกัน เสือที่อยู่โดยลำพังอาจย้ายถิ่นหากินได้ เป็นพฤติกรรมแบบกึ่งเร่ร่อน

สัตว์สังคม

เสือชีตาห์มีทั้งที่หากินโดยลำพังและหากินเป็นฝูงเล็กๆ นับว่าเป็นสัตว์สังคมมากกว่าเสือทั่วไป มีเพียงสิงโตเท่านั้นที่มีสังคมแน่นแฟ้นกว่า หลังจากออกจากการดูแลของแม่แล้ว เสือพี่น้องอาจยังคงอยู่ด้วยกันและช่วยกันทำมาหากินเป็นเวลาถึง 6 เดือนไม่ว่าจะเป็นเพศใด ในเซเรนเกตตี พบว่าเมื่อเสือชีตาห์ตัวเมียเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ก็จะออกจากกลุ่มพี่น้องไปก่อน ส่วนเสือหนุ่มพี่น้องจะอยู่ด้วยกันนานกว่านั้น บางครั้งฝูงเสือชีตาห์หนุ่มอาจยอมรับเสือหนุ่มจากต่างครอบครัวมาร่วมฝูงด้วย ในเซเรนเกตตีคาดว่ามีฝูงแบบนี้มากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ เสือหนุ่มที่รวมฝูงกันจะมีอาณาเขตเล็กกว่า บางครั้งอาจเล็กเพียง 12-36 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น อย่างมากไม่เกิน 150 ตารางกิโลเมตร แต่ก็มีศักยภาพในการแสวงหาและรักษาเขตแดนได้ดีกว่าเสือที่หากินโดยลำพัง นอกจากนี้ยังพบว่ามีสุขภาพดีกว่า ล่าสัตว์ได้ขนาดใหญ่กว่า และมีโอกาสเข้าถึงตัวเมียได้มากกว่าในช่วงที่มีกาเซลล์รวมฝูงกันด้วย

ส่วนเสือชีตาห์ตัวเมียอยู่อย่างสันโดษและมีเขตแดนชัดเจน อาจซ้อนเลื่อมกับเขตแดนของตัวเมียตัวอื่นบ้าง

ในแอฟริกาตะวันออกและตอนใต้บางพื้นที่ที่สัตว์นักล่าชนิดอื่นหายไป เคยพบฝูงเสือชีตาห์ที่ใหญ่ถึง 14-19 ตัว (รวมลูก) อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบว่าการรวมฝูงที่ใหญ่ขนาดนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ให้ประโยชน์อย่างไร