การกุศล ของ เหลย์_ก๊าเส่ง

อาคารเหลย์ก๊าเส่งในฮ่องกง
  • การบริจาคในปี 2524 ของเขามีผลเป็นการจัดตั้งมหาวิทยาลัยซัวเถา (汕头大学, 汕頭大學) ใกล้บ้านเกิดของเขาในเมืองแต้จิ๋ว
  • เติ้ง เสี่ยวผิงได้เชิญให้เขาเป็นคณะกรรมการของ China International Trust and Investment Corporation เพื่อสนับสนุนการริเริ่มการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของจีน CITIC เป็นเครือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในนประเทศจีนโดยมีรัฐบาลจีนถือหุ้น 42% เป็นองค์การการลงทุนหลักของรัฐบาลและมีสถานะเป็นกระทรวงในการปกครองของจีน แต่ว่า เหลย์ทำงานเป็นกรรมการเพียงแค่ปีเดียวก่อนที่จะลาออก เขายังเป็นกรรมการบริษัทไม่ใช่ผู้บริหารของฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่นตั้งแต่ปี 2523 และกลายเป็นรองประธานในปี 2528 นอกจากนี้เขายังเป็นรองประธานของ HSBC Holdings ในปี 2534-2535 อีกด้วย
  • ในเดือนกันยายน 2544 มีอาคารใหม่ที่มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกงที่ตั้งชื่อตามเขา หลังจากที่มหาวิทยาลัยได้รับบริจาคทุนทรัพย์ 100 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 568 ล้านบาท)[20]
  • มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เปิดศูนย์เหลย์ก๊าเส่งซึ่งส่วนหนึ่งใช้เพื่องานวิจัยโรคมะเร็ง (Cancer Research UK) หลังจากที่ได้รับบริจาคทุนทรัพย์เป็นจำนวน 5.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 332 ล้านบาท)[21] และมูลนิธิเหลย์ก๊าเส่งตั้งทุนเป็นจำนวน 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 130 ล้านบาท) เพื่อตำแหน่งศาสตราจารย์วิทยามะเร็งที่มหาวิทยาลัยในปี 2550[22]
  • ในเดือนพฤศจิกายน 2545 มีการจัดตั้งวิทยาลัยธุรกิจเฉิ่งก๊อง (长江商学院, Cheung Kong Graduate School of Business) ในประเทศจีนโดยอาศัยทุนบริจาคขนาดใหญ่จากมูลนิธิเหลย์ก๊าเส่ง[23]
  • มหาวิทยาลัยการจัดการแห่งสิงคโปร์ (新加坡管理大學, Singapore Management University) จัดตั้งห้องสมุดเหลย์ก๊าเส่ง เพื่อยกย่องการบริจาคทรัพย์เป็นจำนวน 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 474 ล้านบาท) ให้แก่มหาวิทยาลัย[24]
  • เพื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547 เขาได้บริจาคทรัพย์เป็นจำนวน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 121 ล้านบาท)
  • ในปี 2548 เขาประกาศบริจาคทรัพย์จำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 5,183 ล้านบาท) ให้แก่คณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ซึ่งเปลี่ยนชื่อของคณะเป็นคณะแพทย์เหลย์ก๊าเส่ง ซึ่งสร้างข้อโต้เถียงกับศิษย์เก่าของคณะที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ
  • ในปี 2548 เขาได้บริจาคทรัพย์ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ โดยอ้างว่าเขารู้สึกประทับใจกับความสำเร็จของมหาวิทยาลัยในด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยจึงได้ตั้งชื่ออาคารใหม่ที่เปิดใช้เมื่อปี 2554 ว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ชีวภาพและสุขภาพเหลย์ก๊าเส่ง (Li Ka Shing Center for Biomedical and Health Sciences)[25]
  • โดยเป็นผู้สนับสนุนของ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดมานานแล้วตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1980 เขาได้เป็นผู้บริจาคหลักมีมูลค่า 90 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,875 ล้านบาท) เพื่อสร้างศูนย์การศึกษาและความรู้เหลย์ก๊าเส่ง ซึ่งปัจจุบันเป็นสำนักงานใหญ่ของคณะแพทยศาสตร์[26]
  • วันที่ 9 มีนาคม 2550 เขาได้บริจาคทรัพย์เป็นจำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,261 ล้านบาท) ให้กับ Lee Kuan Yew School of Public Policy (คณะนโยบายรัฐ) ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ และดังนั้น เพื่อจะยกย่องการสนับสนุนและความใจกว้างของเขา มหาวิทยาลัยจึงตั้งชื่ออาคารหนึ่งให้เป็นชื่อเขา[27]
  • เขาได้บริจาคทรัพย์เป็นจำนวน 25 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 806 ล้านบาท) ให้แก่ ร.พ.เซนต์ไมเคิลส์ ในเมืองโทรอนโตประเทศแคนาดาเพื่อตั้งสถาบันความรู้เหลย์ก๊าเส่ง (李嘉誠知識研究中心, Li Ka-Shing Knowledge Institute) ซึ่งจะใช้เป็นศูนย์การศึกษาและวิจัยทางการแพทย์ ในปี 2548[28]
  • เขาบริจาคทรัพย์ 25 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 804 ล้านบาท) ให้มหาวิทยาลัยแอลเบอร์ตาในประเทศแคนาดาเพื่อตั้ง สถาบันวิทยาไวรัสเหลย์ก๊าเส่ง[29]
  • มูลนิธิเหลย์ก๊าเส่งได้บริจาคทรัพย์ 30 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 125 ล้านบาท) เพื่อช่วยผู้ประสบภัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวน พ.ศ. 2551[30]
  • เขาบริจาคทรัพย์ 6.6 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 203 ล้านบาท) ให้แก่มหาวิทยาลัยแมคกิลล์ในปี 2556 เพื่อตั้งโปรแกรมการศึกษาระหว่างประเทศโดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยซัวเถา[31]
  • ในปี 2556 เขาบริจาคทรัพย์มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 59 ล้านบาท) ให้แก่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก เพื่อสนับสนุนโครงการการให้ยาที่แม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อใช้สร้างเครือข่ายแพทย์และนักวิจัยทั่วโลก เริ่มโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างมหาวิทยาลัยและประเทศจีน และสร้างโปรแกรมเภสัชวิทยาที่จะพัฒนาการให้ยาอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น[32]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เหลย์_ก๊าเส่ง http://english.ckgsb.edu.cn/AboutUs.aspx http://www.britannica.com/EBchecked/topic/711320/L... http://www.celebritynetworth.com/richest-businessm... http://www.forbes.com/2010/02/24/li-ka-shing-billi... http://www.forbes.com/lists/2008/10/billionaires08... http://www.forbes.com/profile/ka-shing-li/ http://forvo.com/word/%E6%9D%8E%E5%98%89%E8%AA%A0/ http://www.hutchison-whampoa.com/en/media/press_ea... http://www.mogher.com/%E5%98%89 http://www.mogher.com/%E6%9D%8E