ประวัติมวยปล้ำอาชีพ ของ เอดจ์_(นักมวยปล้ำ)

เอดจ์กับกระเป๋า Money In The Bank

เอดจ์เป็นนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งใน WWE ในช่วงแรกเขาเป็นนักมวยปล้ำระดับกลางที่มีผลงานเด่นๆ จากการเป็นแชมป์แทกทีมหลายสมัยคู่กับ คริสเตียน หลังจากที่แยกกับ คริสเตียน ออกมาฉายเดี่ยวก็สามารถคว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล มาได้หลายสมัย จนถึงช่วงปลายปี 2004 เอดจ์ เริ่มได้รับการผลักดันไปสู่การเป็นนักมวยปล้ำระดับสูง โดยเขาได้หักหลัง คริส เบนวา คู่แทกทีมของเขา และได้กลายไปเป็นฝ่ายอธรรม เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การชิงแชมป์โลกต่อไป

ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 21 เอดจ์ได้เป็นผู้ชนะแมตช์ไต่บันไดคว้ากระเป๋าสัญญา Money In The Bank ทำให้เอดจ์นั้นได้มีสิทธิ์ชิงแชมป์โลกที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ภายในระยะเวลา 1 ปีเต็ม[12] แต่เอดจ์นั้นก็ยังไม่ยอมเปิดกระเป๋าเพื่อขอท้าชิงแชมป์ซะที เพราะเขากลัวว่าอาจจะไม่ชนะและต้องเสียสิทธิ์ไปฟรีๆ เอดจ์จึงเข้าปล้ำใน Gold Rush Tournament เพื่อไปชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับบาทิสตา ซึ่งเอดจ์ก็ได้เอาชนะนักมวยปล้ำหลายคนจนไปได้ไปชิงถึงรอบสุดท้ายกับเคน ผลปรากฏว่าลิตาที่เป็นแฟนของเคนในตอนนั้น ได้หักหลังเคนโดยส่งกระเป๋าให้เอดจ์ไปตีเคน จนสามารถเอาชนะเคนไปได้ และได้ไปชิงแชมป์กับบาทิสตา ทำให้ลิตากลายเป็นแฟนกับเอดจ์ นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา[13] แต่เอดจ์ก็ไม่สามารถเอาชนะบาทิสตาได้ ส่วนแมต ฮาร์ดีที่เป็นแฟนของลิตาอยู่ก่อนหน้านั้น ก็ได้กลับมาทำร้ายเอดจ์ที่แย่งแฟนของเขาไป ทำให้2คนนี้ต้องมาเจอกัน[14] ในซัมเมอร์สแลม 2005 ผลปรากฏว่าเอดจ์เป็นฝ่ายชนะ[15] แต่แมตก็สามารถเอาคืนเอดจ์ได้ในอันฟอร์กิฟเว่น 2005[16] สุดท้าย2คนนี้ต้องมาเจอกันในรอว์โฮมคัมมิ่ง ในการไต่บันไดชิงกระเป๋า Money In The Bank และใครแพ้ต้องออกจากรอว์ ผลปรากฏว่าลิตาก็ได้ช่วยเอดจ์จนเอาชนะแมตไปได้[17] ทำให้แมตต้องย้ายไปอยู่สแมคดาวน์แทน[18]

แชมป์ WWEในปี2006แชมป์โลกแท็กทีมร่วมกับแรนดี ออร์ตันในนามเรด-อาร์เคโอ

ในนิวเยียส์เรโวลูชัน (2006) จอห์น ซีนาได้ป้องกันแชมป์ WWE ในกรงเหล็กที่มีชื่อว่าอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ กับ เคน, ชอว์น ไมเคิลส์, เคิร์ต แองเกิล, คาร์ลีโต และคริส มาสเตอส์ โดยซีนาป้องกันแชมป์ WWE เอาไว้ได้ แต่เอดจ์ได้ออกมาใช้สิทธิ์ Money In The Bank ในจังหวะที่ซีนาเหนื่อยและสภาพไม่พร้อมปล้ำ ทำให้ เอดจ์ สามารถคว้าแชมป์ WWE มาได้เป็นสมัยแรก[19] หลังจากนั้น เอดจ์ และซีนา ก็กลายเป็นคู่ปรับกันเป็นเวลานานพอสมควร ผลัดกันแพ้-ชนะเรื่อยมา แต่ส่วนใหญ่ ซีนา จะชนะมากกว่า จนกระทั่ง เอดจ์ ก็ต้องเสียแชมป์ WWE คืนให้กับซีนา ในศึก อันฟอร์กิฟเว่น 2006[20] จากนั้น เอดจ์ ก็หันไปเปิดศึกกับ ดี-เจเนอเรชันเอ็กซ์ (ทริปเปิลเอช และชอว์น ไมเคิลส์)[21][22] โดยมีแรนดี ออร์ตันเป็นเพื่อนร่วมทีม ในนามเรด-อาร์เคโอ และสามารถคว้าแชมป์แทคทีมคู่กัน ซึ่งเป็นแชมป์แท็กทีมสมัยที่11 ของเอดจ์อีกด้วย[23][24]

ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 23 เอดจ์ได้ปล้ำ Money In The Bank อีกครั้ง แต่คราวนี้เอดจ์ไม่สามารถคว้ากระเป๋ามาได้ อย่างไรก็ตามเอดจ์ก็ไปท้ามิสเตอร์เคนเนดีที่เป็นผู้ชนะ เจอกันในรอว์ และเอดจ์ก็สามารถคว้ากระเป๋ามาได้อีกครั้ง[25][26] และนำสิทธิ์ไปชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับดิอันเดอร์เทเกอร์ในวันต่อมา ซึ่งมีสภาพไม่ต่างกับซีนา เมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้เอดจ์สามารถคว้าแชมป์โลกสมัยที่3 ได้สำเร็จ[27] และย้ายมาปล้ำในสแมคดาวน์ แต่เอดจ์ก็ครองแชมป์ได้เพียง 2 เดือนกว่าก็ต้องสละแชมป์ไปเพราะอาการบาดเจ็บ เอดจ์ ต้องพักการปล้ำไปเป็นเวลา 4 เดือน[28] หลังจากนั้นเอดจ์ก็กลับมาคว้าแชมป์คืนได้อีกครั้งจาก บาทิสตา ในศึก อาร์มาเกดดอน จากการช่วยเหลือของเคิร์ต ฮอว์กินส์และแซค ไรเดอร์ ลูกน้องของเอดจ์ที่วิกกี เกร์เรโร แฟนของเขาส่งมา[29][30]

เอดจ์กับแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาพร้อมเคิร์ต ฮอว์กินส์และแซค ไรเดอร์

ในรอยัลรัมเบิล (2008) เอดจ์ ต้องป้องกันแชมป์กับอดีตเพื่อนรักเรย์ มิสเตริโอ ซึ่งเป็นผู้ชนะจากแมตซ์ Beat the clock Challenge แต่เอดจ์ก็ยังสามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้จากการช่วยเหลือของวิกกี ส่งผลให้เรย์ต้องพักการปล้ำไปหลายเดือนเลยทีเดียว[31] อย่างไรก็ตาม ดิอันเดอร์เทเกอร์ ซึ่งเป็นผู้ชนะจากแมตซ์กรงเหล็ก อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ จากการหาผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ในเรสเซิลเมเนีย ก็ได้สิทธิ์ชิงแชมป์โลกกับ เอดจ์ และในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 24 เอดจ์ก็แพ้ให้กับอันเดอร์เทเกอร์ ด้วยท่า เฮล เกท คว้าแชมป์ไปได้พร้อมกับสถิติ 16-0[32] แต่อีกเดือนถัดมา วิกกีก็สั่งปลดอันเดอร์เทเกอร์ ออกจากตำแหน่งแชมป์ โดยอ้างว่า อันเดอร์เทเกอร์ ใช้ท่า Hell's Gate ในการต่อสู้กับ เดอะเกรทคาลี ซึ่งเป็นท่าที่อันตราย ทำให้ตำแหน่งแชมป์ว่าง[33] เอดจ์และอันเดอร์เทเกอร์ ต้องไปเจอกันในวันไนท์สแตนด์ (2008) ในแมตช์ TLC Match และ เอดจ์ ก็ได้แชมป์อีกครั้งจากการช่วยเหลือของฮอว์กินส์ และไรเดอร์ ส่งผลให้ อันเดอร์เทเกอร์ ถูกไล่ออก[34][35] แต่อีกสามอาทิตย์ต่อมา เอดจ์ได้ไปที่ฝั่งรอว์ และบาทิสตาได้ออกมาทำร้ายเอดจ์ จากความแค้นที่เอดจ์ใช้กลโกงเอาชนะบาทิสตา ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2008) ทำให้ซีเอ็ม พังก์ผู้ถือสัญญา Money In The Bank ได้ออกมาชิงแชมป์โลกกับเอดจ์ ในสภาพที่ลุกไม่ไหว เอาชนะและคว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ[36] เอดจ์ จึงหันไปชิงแชมป์ WWE กับ ทริปเปิล เอช แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ ในขณะเดียวกัน วิกกี ก็รู้ว่า เอดจ์ เป็นชู้กับอลิเซีย ฟอกซ์ จึงเรียกตัวอันเดอร์เทเกอร์กลับมาเจอกับเอดจ์ในซัมเมอร์สแลม (2008) รูปแบบ Hell In A Cell สุดท้ายเอดจ์ก็แพ้และต้องพักการปล้ำไปอีกครั้ง[37] ในเซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ (2008) เอดจ์กลับมาพร้อมกับได้เข้าชิงแชมป์กับทริปเปิลเอช แทนเจฟฟ์ ฮาร์ดีที่ถูกทำร้ายไปก่อนหน้านั้น และเอดจ์ ก็ใช้กลโกงเอาชนะ ทริปเปิล เอช คว้าแชมป์ WWE มาครองได้อีกครั้ง[38] แต่อีก 3 อาทิตย์ต่อมา เอดจ์ ก็เสียแชมป์ให้กับเจฟฟ์ ในอาร์มาเกดดอน (2008)[39]

เอดจ์ได้ชิงแชมป์กับเจฟฟ์ ฮาร์ดีอีกครั้ง ในรอยัลรัมเบิล (2009) คราวนี้แมทท์ ฮาร์ดีพี่ชายของเจฟฟ์ได้หักหลังเจฟฟ์ โดยการเอาเก้าอี้ตีใส่เจฟฟ์ ทำให้เอดจ์คว้าแชมป์มาได้อีกครั้งเป็นสมัยที่ 7[40] ในโนเวย์เอาท์ (2009) เอดจ์ต้องป้องกันแชมป์ในกรงเหล็ก อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ ผลปรากฏว่า เอดจ์ โดน เจฟฟ์ จับกดนับ 3 แพ้และเสียแชมป์ไปง่ายๆ[41] หลังจากนั้นในคืนเดียวกัน เอดจ์จึงตามไปทำร้ายโคฟี คิงส์ตัน เพื่อเสียบตัวเข้าไปชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ของรอว์ แทน และ เอดจ์ ก็สามารถเอาชนะคว้าแชมป์จาก จอห์น ซีนา ได้สำเร็จ[42] หลังจากนั้น เอดจ์ ก็เสียแชมป์ให้กับซีนา ในแมตช์การปล้ำ 3 เส้า ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 25 โดยมีบิ๊กโชว์ร่วมปล้ำด้วย[43] ต่อมาในเดอะแบช (2009) เอดจ์ ก็สามารถคว้าแชมป์แทคทีมยูนิฟายด์ ร่วมกับคริส เจอริโค มาได้[44] แต่ครองแชมป์ได้เดือนเดียว เอดจ์ก็มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าต้องพักการปล้ำไป[45][46] ส่วนเจอริโคก็พูดจาถากถางเอดจ์ว่าเป็นจุดอ่อนของทีม และเจอริโคก็เอาบิ๊กโชว์มาเป็นคู่แทคทีมแทน และเอดจ์บอกกับเจอริโคว่าถ้าเขาหายเมื่อไหร่เขาจะกลับมาแก้แค้น

เอดจ์หายเจ็บกลับมาอีกครั้งในรอยัลรัมเบิล (2010) ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ เอดจ์ได้กลายมาเป็นขวัญใจของแฟนๆ มวยปล้ำ ซึ่งเขาได้เข้าร่วมแมตช์รอยัลรัมเบิล โดยออกมาเป็นคนที่29 และเหวี่ยงจอห์น ซีนาออกไปเป็นคนสุดท้าย ทำให้เอดจ์ได้เป็นผู้ชนะ ประจำปี 2010 และได้ขอท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับเจ้าของตำแหน่งอย่างคริส เจอริโค เป็นการล้างแค้น ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์กลับมาได้[47] จากนั้นในสแมคดาวน์ เอดจ์ก็ได้ออกมาทำร้ายเจอริโค ทำให้เจอริโคเสียแชมป์ให้กับแจ็ก สแวกเกอร์ จากการใช้สิทธิ์ Money In The Bank ต่อมาเอดจ์ได้ย้ายมาอยู่รอว์ และกลับมาเป็นฝ่ายอธรรมอีกครั้ง เนื่องจากนักมวยปล้ำฝ่ายอธรรมมีไม่พอ โดย เอดจ์ มาลอบทำร้าย แรนดี ออร์ตัน จนทั้งคู่ได้กลายมาเป็นคู่แค้นกัน[48] และต่อมาเอดจ์ถูกกลุ่มเดอะเน็กซัสลอบทำร้ายทำให้เอดจ์แค้นมากถึงกับยอมจับมือกับจอห์น ซีนา เพื่อปราบกลุ่มเดอะเน็กซัส ในซัมเมอร์สแลม (2010) เอดจ์ได้ร่วมทีม WWE นำโดยซีนา ปะทะกลุ่มเดอะเน็กซัส แต่สมาชิกอย่างเกรทคาลีได้ถูกเน็กซัสลอบทำร้ายจนบาดเจ็บ ซีนาก็ได้เลือกแดเนียล ไบรอัน อดีตสมาชิกกลุ่มเน็กซัส มาร่วมแทน และเอาชนะกลุ่มเน็กซัสได้สำเร็จ

แชมป์โลกเฮฟวี่เวทในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27

เอดจ์ได้ย้ายกลับมาที่ สแมคดาวน์ อีกครั้ง และแมตช์แรก เอดจ์ ก็สามารถเอาชนะแจ็ก สแวกเกอร์ ได้สำเร็จ และได้กลับมาเป็นขวัญใจของแฟนๆ มวยปล้ำอีกครั้ง ต่อมา เอดจ์ ได้เอาชนะดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ และได้เข้าไปเป็นสมาชิกคนที่ 5 ของทีมฝั่งสแมคดาวน์ ไปเจอกับทีมฝั่งรอว์ ในแบรกกิ้ง ไรท์ส (2010) และเอดจ์ นำทีมฝั่งสแมคดาวน์ เอาชนะทีมฝั่งรอว์ได้สำเร็จ ต่อมา เอดจ์ สามารถเอาชนะอัลเบร์โต เดล รีโอ และเรย์ มิสเตริโอ ทำให้ได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 เจอกับ เคน ในเซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ (2010) สุดท้ายจบด้วยผลเสมอ ทำให้เอดจ์ไม่สามารถคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาได้ ในศึก ทีแอลซี: เทเบิล แลดเดอร์ แอนด์ แชร์ (2010) เอดจ์ ได้เอาชนะ เคน, เรย์ มิสเตริโอ และ อัลเบร์โต เดล รีโอ ในรูปแบบการปล้ำ 4 เส้า TLC Match ทำให้ เอดจ์ คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 10 มาได้สำเร็จ[49]

ในรอยัลรัมเบิล (2011) เอดจ์ต้องป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ โดยถ้าเอดจ์ใช้ท่าสเปียร์ ซิกก์เลอร์ก็จะเป็นแชมป์ทันที สุดท้ายเอดจ์ได้ใช้ท่าคิลสวิตช์ ท่าไม้ตายของคริสเตียน ป้องกันแชมป์ไว้ได้สำเร็จ ในสแมคดาวน์ เอดจ์ ต้องป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวท กับ ซิกก์เลอร์ อีกครั้ง โดยมี วิกกี เป็นกรรมการพิเศษ สุดท้าย เอดจ์ เป็นฝ่ายชนะและป้องกันแชมป์ไว้ได้อีกครั้ง ในสแมคดาวน์ ตอนของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ (ฉลองตอนที่ 600 ของ สแมคดาวน์) เอดจ์ หลังจากการปล้ำแทคทีม 12 คน และทีม เอดจ์ ก็เป็นผ่ายชนะ แต่ วิกกี ได้มาบอกว่า เอดจ์ นั้นโดนไล่ออก และได้มีการมอบเข็มขัดแชมป์ให้กับ ซิกก์เลอร์ แต่ไม่นาน ทีโอดอร์ ลอง ก็กลับมาพร้อมกับบอกว่า เขาจะจ้าง เอดจ์ กลับมาอีกครั้ง แล้วก็มีแมตช์ระหว่าง เอดจ์ กับ ซิกก์เลอร์ และ เอดจ์ เป็นฝ่ายชนะจนคว้าแชมป์สมัยที่ 11 มาได้ และเมื่อจบแมตช์ ทีโอดอร์ ลองก็ไล่ซิกก์เลอร์ออก ทำให้ซิกก์เลอร์ไม่ได้เข้าร่วมแมตช์อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ และในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2011) เอดจ์สามารถป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับนักมวยปล้ำถึง 5 คนไว้ได้สำเร็จ หลังแมตช์เดล รีโอได้ออกมาลอบทำร้ายเอดจ์ แต่คริสเตียนออกมาช่วยเอดจ์ไว้ได้ทัน ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 เอดจ์สามารถป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับเดล รีโอได้สำเร็จ[50]

ในรอว์ วันที่ 11 เมษายน 2011 เอดจ์ได้ประกาศว่าเขาจะเลิกปล้ำ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บคอที่เขาทนเจ็บมาตลอด 8 ปี จนล่าสุดถึงกับมีอาการชาและใกล้จะหมดความรู้สึกบริเวณแขนแล้ว ซึ่งก็น่าจะเป็นผลกระทบจากเส้นประสาทที่ต่อเนื่องมาจากบริเวณคอที่บาดเจ็บ และเคยผ่าตัดใส่แผ่นเหล็กเข้าไปตั้งแต่ 8 ปีก่อนนั่นเอง ทั้งนี้ เอดจ์ยังบอกอีกว่าถ้าหมอตรวจพบช้ากว่านี้เขาอาจจะต้องนั่งรถเข็นไปเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ ณ เวลานี้ นี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องประกาศเลิกปล้ำในทันทีโดยไม่มีการปล้ำแมตช์อำลาส่งท้ายใดๆ เอดจ์มีอาการสูญเสียความรู้สึกและไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อแขนและมือของเขาได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอดจ์มีปัญหาเช่นนี้ โดยผลการสแกน MRI ที่เมืองแอตแลนตาก่อนได้ถูกส่งไปให้ ดร. โจเซฟ แมรูน ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นประสาทและศาสตราจารย์ศัลยแพทย์แห่งสถาบัน เภสัชกรรมพิตส์เบิร์กทำการตรวจสอบอย่างละเอียด และได้พบว่า เอดจ์ ไม่สามารถจะรักษาให้หายขาดเพื่อกลับมาปล้ำได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเลิกปล้ำ ในปี 2003 เอดจ์เคยได้รับการผ่าตัดฝังแผ่นเหล็กระหว่างกระดูกสันหลังข้อที่ C5, C6 และ C7 มาแล้ว หลังจากนั้นเขาจึงสามารถกลับมาปล้ำได้อีกครั้ง แต่ยิ่งปล้ำมากครั้งเข้าก็ยิ่งทำให้กระดูกสันหลังของ เอดจ์ มีอาการแย่ลงเรื่อยๆ และอาการล่าสุดถ้าหากยังปล้ำต่อไปเขาอาจจะถึงขั้นเป็นอัมพาตหรือแม้แต่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงแน่นอน ไม่ใช่บทบาทหรือเนื้อเรื่องแต่อย่างใด เพราะเอดจ์เองก็เพิ่งจะทราบจากแพทย์เมื่อไม่กี่วันเท่านั้นว่าเขาจำเป็นจะต้องเลิกปล้ำแล้ว โดยเขาเริ่มมีอาการปวดทรมาณมาตั้งแต่ช่วงก่อนศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 แล้ว แต่ก็ยังฝืนทนปล้ำจนผ่านพ้นศึกใหญ่มาได้ โดยที่เขาเองในขณะนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นจะเป็นแมตช์สุดท้ายของเขาแล้ว หลังจากป้องกันแชมป์โลกเอาไว้ได้ในการพบกับอัลเบร์โต เดล รีโอ ในศึก เรสเซิลเมเนีย ไม่ถึงสัปดาห์ เอดจ์แชมป์โลกคนปัจจุบันก็ต้องจำใจเลิกปล้ำจากการแข่งขันบนสังเวียนเนื่องจากปัญหา บาดเจ็บ บทสรุปสุดท้ายอันไม่พึงปรารถนาก็ทำให้เขาต้องยุติบทบาท 13 ปีและ 11 สมัยแห่งแชมป์โลกลงไป หลังจบศึกรอว์ ก็ไม่มีดาร์คแมตช์ แต่อย่างใด แต่เป็นแรนดี ออร์ตัน กับจอห์น ซีนา ออกมากล่าวยกย่องเอดจ์ บนเวที แฟนๆ ในสนามก็พากันตะโกนชื่อเอดจ์ ไม่หยุด ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับไป[51][52][53] ต่อมาในศึก สแมคดาวน์ วันที่ 15 เมษายน เอดจ์ได้ประกาศขอสละตำแหน่งแชมป์โลกเฮฟวี่เวท[54]

ในรอว์ วันที่ 9 มกราคม 2012 WWE ได้บรรจุชื่อของ เอดจ์ เข้าสู่ หอเกียรติยศ WWE ประจำปี 2012 โดย คริสเตียน เพื่อนรักของเขาจะเป็นคนมอบรางวัลให้[55] ในรอว์ วันที่ 23 เมษายน 2012 เอดจ์ออกมาคุยกับจอห์น ซีนา บอกว่า ฉันไม่ได้มาเพื่อพูดกับ จอห์น ซีนา คนนี้ ฉันไม่รู้จัก จอห์น ซีนา คนนี้ รู้จักแต่ จอห์น ซีนา ที่เป็นคู่ปรับตลอดกาลของฉัน คนที่พ่อของมันเคยถูกฉันตบหน้า แล้วมันก็มาเอาคืนด้วยการอัดฉันตกบันไดทะลุโต๊ะในแมตช์ TLC นายอย่าลืมว่า บร็อก เลสเนอร์ มันไม่ได้มาเพื่อแฟนๆ หรอก มันมาเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าของมันเท่านั้น มันออกไปจากสมาคมเมื่อ 8 ปีก่อนในขณะที่เราสองคนช่วยกันประคองสมาคมมา นายเป็นตัวแทนของบรรดานักมวยปล้ำที่ทุ่มเทเพื่อสมาคมมาตลอด ถ้านายแพ้ เลสเนอร์ มันก็เท่ากับเป็นการตบหน้าคนอย่าง ชอว์น ไมเคิลส์, ดิอันเดอร์เทเกอร์ และตบหน้าชั้นด้วย ฉันไม่ได้ขอให้แกเอาชนะเลสเนอร์ แต่ชั้นขอสั่งให้แกทำ หลังจากนั้นเอดจ์ก็ได้หมดสัญญากับ WWE ไปแล้วในวันที่ 30 เมษายน ซึ่งเอดจ์ก็ได้ไปร่วมศึกรอว์ วันที่ 23 เมษายน เนื่องจากเขาเดินทางมาเจรจากับทีมงาน WWE แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีการต่อสัญญาแต่อย่างใด[56]

ในสแมคดาวน์ วันที่ 21 กันยายน 2012 เอดจ์ออกมาเปิดรายการโดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ เอดจ์บอกว่าเขามีหลายเหตุผลที่ต้องมาในวันนี้ หนึ่งในนั้นคือเขาคิดถึงแฟนๆ มาก เอดจ์พูดถึงเหตุการที่ แดเนียล ไบรอัน กับเคน ข่มกันไปข่มกันมาด้วยเข็มขัดแชมป์แทคทีม เอดจ์งง ว่าทำไมปีศาจอย่างเคน ถึงมาเป็นแชมป์แทคทีมกับไอ้หน้าแพะนั่นได้ ไบรอันออกมาขัดจังหวะ บอกว่า เอดจ์พูดผิดแล้ว พวกเราไม่ได้เป็นแชมป์แทคทีม แต่ชั้นคนนี้ต่างหากคือแชมป์แทคทีม ไบรอันไล่ให้ เอดจ์กลับไปแสดงหนัง หรือไม่ก็กลับไปบ้านพักคนชราซะเถอะ เคนออกมาอีกคน แล้วก็มาเบ่งทับไบรอัน ว่าเขาต่างหากคือแชมป์แทคทีม เอดจ์พยายามยั่วเคน ด้วยเรื่องเก่าๆ ที่เขาขโมยลิตาไปจากเคน แถมยังลักพาตัวพ่อของเคน อีกจำได้มั้ย เคนจำได้ และบอกว่าอยากจะเคลียร์ปัญหาซะเดี๋ยวนี้เลย เอดจ์ถอดเสื้อแจ๊คเก็ต เตรียมสู้ แต่เคนกางแขนให้ เอดจ์มากอดกัน แล้วเคนกับเอดจ์ก็กอดกัน ก่อนจะชวนไบรอันมากอดด้วย แดเมียน แซนดาวทนไม่ไหว ออกมาช่วยเหลือแฟนๆ ให้พ้นจากเรื่องไร้สาระพวกนี้ เอดจ์เลยท้าให้แซนดาวขึ้นมาเจอกับไบรอันหรือไม่ก็เคน และผู้จัดการทั่วไปของสแมคดาวน์ บูเกอร์ ที ก็สั่งให้แซนดาวเจอกับเคน และเป็นแซนดาวที่เอาชนะไปได้[57]

ในรอว์ วันที่ 9 กันยายน 2013 เอดจ์ออกมาจัดรายการ Cutting Edge โดยได้รับเสียงเชียร์กระหึ่ม และแขกรับเชิญคือ แดเนียล ไบรอัน ไบรอันออกมาพูดถึงเรื่องที่ ทริปเปิล เอชพยายามจะบังคับให้เขาถอนตัวจากการชิงแชมป์ WWE กับแรนดี ออร์ตัน ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2013) แต่ไบรอันบอกว่า เขาจะชนะออร์ตันให้ได้ ออร์ตันออกมาขัดจังหวะพร้อมกับทริปเปิล เอช อีกคน เอจด์บอกว่า ทริปเปิล เอชคือคนที่คอยขัดขวางเขากับคริส เจอริโค มาตลอดเพราะคิดว่าพวกเขาไม่ดีพอจะเป็นแชมป์ และตอนนี้ก็มาขัดขวางไบรอันอีก ทริปเปิล เอชยอมรับว่าเขาเคยดูคนผิดไปบ้างจริงๆ อย่างเจอริโค ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดผิด ส่วนไบรอันนั้นต้องให้เวลาพิสูจน์ว่าเขาคิดผิดหรือไม่ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เขาดูไม่ผิดว่าจะเป็นได้แค่คนล้มเหลวนั่นคือเอดจ์ ทริปเปิล เอชบอก เวลาที่เขาว่าใครว่าไม่ดีพอน่ะ สิ่งที่ควรทำก็มีแค่พิสูจน์ตัวเองให้ได้ ซึ่งเจอริโคก็ทำแบบนั้น เอดจ์บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องอาศัยการแต่งงานเพื่อประสบความสำเร็จ และก็ได้แหวนฮอลออฟเฟมมาแล้วด้วย ทริปเปิล เอชบอกว่านายด่าคนได้เก่งดี เพราะนายรู้ว่านายบาดเจ็บและไม่มีใครกล้าทำร้ายนาย แต่ถ้าชั้นอยากจะทำให้นายเจ็บน่ะชั้นไปทำร้ายคนที่นายรักดีกว่า เดอะชีลด์ลากคริสเตียน ที่ถูกซ้อมสะบักสะบอมออกมา ทำให้เอดจ์ต้องรีบมาดูอาการคริสเตียน ในสแมคดาวน์ วันที่ 13 กันยายน 2013 เอดจ์ออกมาจัดรายการ Cutting Edge และบอกว่าเขาไม่ลืมว่า ทริปเปิล เอช และเดอะชีลด์ ทำอะไรไว้กับคริสเตียน เพื่อนรักของเขา และหวังว่าคริสเตียนจะกลับมากระทืบพวกมันเร็วๆ เอดจ์เชิญแขกผู้ร่วมรายการออกมาคือ แรนดี ออร์ตัน กับ แดเนียล ไบรอัน ออร์ตันพยายามพูดถึงเรื่องการเป็นหน้าเป็นตาของสมาคมและสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสมาคม แต่ไบรอันไม่สนใจเรื่องพวกนั้น เขาไม่เคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นหน้าเป็นตาของสมาคม แต่เขาฝันอยากจะเป็นแชมป์โลกมาตั้งแต่เด็ก จากนั้นทั้งคู่ก็สู้กัน แต่ไบรอันสวนกลับด้วย Yes Lock จนกรรมการต้องมาช่วยกันห้าม

ในรอว์ส่งท้ายปี 29 ธันวาคม 2014 เอดจ์ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับคริสเตียนโดยทั้งคู่มาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการรับเชิญ ในช่วงท้ายรายการเอดจ์และคริสเตียนออกมาจัดรายการ Cutting Edge Peep Show เป็นครั้งแรก โดยแขกรับเชิญคือเซท โรลลินส์[58] ปี 2016 เอดจ์กับคริสเตียนได้เป็นพิธีกรรายการ The Edge and Christian Show ทาง WWE Network ในสแมคดาวน์ตอนที่ 900 15 พฤศจิกายน 2016 เอดจ์ได้กลับมาจัดรายการ Cutting Edge โดยสมาชิก 5 คนทีมสแมคดาวน์เป็นแขกรับเชิญ รวมทั้งการกลับมาของดิอันเดอร์เทเกอร์

วันที่ 26 มกราคม 2020 เอดจ์ได้มาแบบเซอร์ไพรส์โดยขึ้นปล้ำแมตช์แรกหลังจากรีไทร์เป็นเวลา 9 ปีโดยการเข้าร่วมรอยัลรัมเบิลเป็นลำดับที่ 21 ก่อนจะถูกกำจัดออกโดยโรแมน เรนส์[59][60] คืนต่อมาในรอว์เอดจ์ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับการรีเทิร์นกลับมาปล้ำก่อนจะถูกทำร้ายโดยแรนดี ออร์ตัน ก่อนจะกลับมาล้างแค้นในรอว์มีนาคม[61] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 36เอาชนะออร์ตันไปได้ในกติกา Last Man Standing match[62][63] ก่อนจะแพ้ออร์ตันใน Greatest Wrestling Match Ever ที่ศึก Backlash 2020[64]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เอดจ์_(นักมวยปล้ำ) http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2005/02/27/944... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2007/07/21/435... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/04/26/137... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2011/04/11/179... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/200... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/200... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/200... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/200... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/200... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/200...