ประวัติ ของ เอสอีเอส

S.E.S ถือเป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกของเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งในขณะนั้นเพิ่งประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับการปั้นไอดอลบอยแบนด์อย่าง H.O.T ที่กลายเป็นไอคอนของไอดอลเกาหลีมาจนถึงทุกวันนี้

สมาชิกทั้ง 3 คนของ S.E.S นั้นประกอบไปด้วย บาดา, ยูจิน และชู ซึ่งชื่อของวงนั้นก็นำมาจากตัวอักษรตัวแรกของชื่อพวกเธอ Sea, Eugene, Shoo (ในส่วนของบาดานั้น นำมาจากคำว่า Sea ที่ในภาษาเกาหลีคือคำว่า บาดา = 바다)

ก่อนการเดบิวต์นั้น บาดาได้ถูกพบเจอในปี 1996 เมื่อ อี ซูมาน ประธาน SM ได้เห็นเธอทำการแสดงที่โรงเรียนจึงชักชวนเธอเข้ามาเป็นเด็กฝึกในค่าย

ในขณะที่ยูจินนั้น เพียงแค่ส่งวีดีโอการร้องและการเต้นเข้ามา บริษัทก็เรียกเธอเข้ามาเซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึกทันที แม้จะยังไม่เคยเห็นตัวจริงของเธอ

ส่วนชู เป็นสมาชิกเพียงคนเดียวของวงที่ผ่านการออดิชั่นแบบปกติเข้ามาเป็นเด็กฝึกของบริษัทหลังจากที่ทั้ง 3 คนเข้ามาเป็นเด็กฝึกของ SM ได้ไม่นาน พวกเธอก็ถูกฟอร์มวงขึ้นมาด้วยกันเพื่อฝึกซ้อมทั้งการร้อง การเต้น และการแสดง จนในที่สุดก็ถึงวันที่พวกเธอได้เดบิวต์

เอส.อี.เอส เดบิวต์ครั้งแรก ในช่วงปลายปีค.ศ. 1997 ถีอว่าเป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกของค่าย เอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ต่อจากบอยแบนด์วงแรกของค่าย อย่าง H.O.T. วง S.E.S. ถือว่าเป็นวงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุค 90'S ซึง่เป็นยุคของ H.O.T.,เชคสกีส์,ชินฮวา, Baby VOX, g.o.d และในช่วงเวลานั้นเอสอีเอส.ถือเป็นวงคู่แข่งตลอดกาลกับ พิงเคิล ของ ดีเอสพีมีเดีย เนื่องด้วยความนิยมที่ใกล้เคียงกันพวกเธอเดบิวต์ด้วยเพลง "I'm your girl"ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นเพลงที่ทำให้รู้จักพวกเธอสามคน ซึ่งกลายเป็นเพลงสัญลักษณ์ของวงมาจนถึงทุกวันนี้ และได้ปล่อยซิงเกิ้ลที่สองจากอัลบั้มเดียวกัน เพลง"Oh my love"


หลังจากประสบความสำเร็จกับอัลบั้มแรก ทางวงได้ ปล่อยอัลบั้มที่ 2 "Sea&Eugene&Shoo" ได่ปล่อยเพงไตเติ้ลอย่าง "Dreams Come True" ซึ่งเป็นเพลงรีเมค like a fool ของดูโอ้ชาว Finnish คือ Nylon beat ได้ปล่อยซิงเกิ้ลที่สองอย่าง"Nun reul Sarang hae(I Love You)"โดยท่อนแร็ป ได้เอริค มุน และ แอนดี้ ลี จากชินฮวา มาร่วมแร็ป และได้เปิดตัวด้วยเพลงที่ 3 "Shy Boy"

ต่อมาพวกเธอได้ไปเดบิวต์ที่ญี่ปุ่น แต่พวกเธอยังไม่ได้เป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นมากเท่าที่ควร โดยเปิดตัวอัลบั้ม"Reach Out" ในปี 1999

ในปี 1999 พวกเธอได้ปล่อยอัลบั้มที่ 3 "Love" ซึ่งเป็นการฉีกลุคสาวน้อยน่ารักวัยใส เป็นสาวน้อยสุดเปรี้ยว เปิดตัวด้วยเพลง "Love" และ "Twilight Zone" ซึ่งมิวสิควิดีโอเพลง "Twilight Zone"เป็นการเปลี่ยนลุคเลยก็ว่าได้ แถมมิวสิควีดีโอ ทุ่มทุนสร้างหลายวอนมากจริงๆ

และพวกเธอได้เปิดตัวอัลบั้มญี่ปุ่น"PRIME" เปิดด้วยเพลง "T.O.P.(Twinkling Of Paradise)" เวอร์ชันญี่ปุ่น ซึ่งต้นฉบับบร้องโดย ชินฮวา

ช่วงกลางปี 2000 พวกเธอมีอัลบั้มเกาหลีชุดที่สี่ "อะเลทเทอร์ฟรอมกรีนแลนด์" ซึ่งมีเพลงไตเติลอย่าง "Show Me Your Love" และ "Be Natural" ซึ่งมิวสิควิดีโอเพลง "Be Natural " เป็นโทนขาวดำ

ต่อมากลางปี 2001 พวกเธอได้ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 4.5 "Surprise" มีเพลง "Just in love" เป็นเพลงรีเมคภาษาญี่ปุ่นของพวกเธอ โดยตัวมิวสิควิดีโอได้มาถ่ายทำที่ประเทศไทย

ต่อมาช่วงปี 2002 ได้ปล่อยอัลบั้มชุดที่ห้า "Choose My Life From U" มีเพลง "U" และ "Just A Feeling" และช่วงกลางปี 2002 ได้ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 5.5 "Friend" ซึ่งชื่ออัลบั้ม เป็นชื่อแฟนคลับของวงเรียกกัน โดยปล่อยเพลง "S.II.S(SOUL II SOUL)" ซึ่งอัลบั้มนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ต่อมามีข่าวลือว่าวงจะแยกวง

แต่แล้วเมื่อปี 2002 บาดา ไม่ต่อสัญญากับเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ต่อมายูจินก็ไม่ต่อสัญญาเช่นกัน เหลือเพียงแค่ชูที่ต่อสัญญากับทางต้นสังกัดถึงปี 2006

ปัจจุบัน มีผลงานเป็นศิลปินเดี่ยว นักแสดงละครเวที ภาพยนตร์ แต่ถึงอย่างไรเพลงของทางวง ก็ถูกนำไปคัฟเวอร์หลายวง อย่างเช่นเพลง "I'm Your Girl" สัญลักษณ์เพลงของวง แล้วหลายเพลงๆอย่าง "Dream Come True" "Just a feeling"

อนึ่ง ในปี 2014 เพลงของวงอย่างเพลง "Be Natural" ได้ถูกนำมารีเมคโดยเกิร์ลกรุ้ปอย่าง "เรดเวลเวท" ใช้เป็นซิงเกิลที่สองของวง

S.E.S. ได้กลับมารวมตัวอีกครั้งในรายการ "Infinite Challenge" โดยมีเพียงแค่บาดาและชู เนื่องจากยูจินกำลังตั้งครรภ์อยู่ โดยคนที่จะมาแสดงแทน คือ ซอฮย็อน จากวง เกิร์ลส์เจเนอเรชั่น ซึ่งเป็นการกลับมารวมตัวอีกครั้งในรอบ 12 ปี

บาดา ได้มีผลงานกับ เอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ในเพลง"Cosmic" ที่ร่วมร้องกับรยออุก วง ซูปเปอร์จูเนียร์ เพลงนี้อยู่ในโปรเจกต์ เอสเอ็มสเตชัน ฤดูกาลที่ 1