ประวัติ ของ เออร์วิง_แลงมิวร์

เออร์วิง แลงมิวร์ เกิดที่บรุกลิน รัฐนิวยอร์กในปี ค.ศ. 1881 เป็นบุตรคนที่ 3 จากทั้งหมด 4 คนของชาลส์ แลงมิวร์ และเซดี คัมมิงส์ เขาได้รับการสนับสนุนจากบิดามารดาให้สนใจด้านวิทยาศาสตร์และธรรมชาติตั้งแต่เด็ก และได้รับอิทธิพลจากอาร์เธอร์ แลงมิวร์ พี่ชายซึ่งเป็นนักเคมี[4] แลงมิวร์เรียนระดับมัธยมที่สถาบันเชสต์นัตฮิลล์ในเมืองฟิลาเดลเฟียและเรียนจบสาขาวิศวกรรมโลหการจากโรงเรียนวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์โคลัมเบีย ในปี ค.ศ. 1906 เขาได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเกิททิงเงินและเป็นอาจารย์สอนที่สถาบันเทคโนโลยีสตีเวนส์ในเมืองโฮโบเคน ก่อนจะย้ายไปทำงานที่บริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริกในปี ค.ศ. 1909

งานชิ้นแรกของแลงมิวร์คือการศึกษาหลอดไฟฟ้าและปรับปรุงเครื่องสูบแบบการแพร่ ซึ่งนำไปสู่การประดิษฐ์ตัวเรียงกระแสสุญญากาศระดับสูงและหลอดแอมพลิฟาย ปีต่อมา เขาและเลวี ท็องกส์ เพื่อนร่วมงานพบว่าไส้หลอดทังสเตนจะมีอายุการใช้งานนานขึ้นหากอยู่ในแก๊สเฉื่อยและพบว่าการขดไส้หลอดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้มากขึ้น การค้นพบดังกล่าวทำให้มีการประดิษฐ์หลอดไส้ร้อนแบบธรรมดาในเวลาต่อมา[5] การศึกษาไส้หลอดในสภาวะต่าง ๆ ทำให้แลงมิวร์สนใจการปล่อยเทอร์ไมออนและเรียกแก๊สที่แตกตัวเป็นไอออนว่า "พลาสมา"[2] ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 เขาและท็องกส์ค้นพบการแกว่งพลาสมาหรือคลื่นแลงมิวร์[6] และในปี ค.ศ. 1928 แลงมิวร์คิดค้นการเชื่อมด้วยอะตอมไฮโดรเจน[7] ซึ่งต่อมาได้รับการพัฒนาเป็นการเชื่อมทิก

ช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1910 ถึง 1930 แลงมิวร์สนใจด้านเคมีของน้ำมัน ฟิล์ม และพื้นผิว โดยในปี ค.ศ. 1917 เขาตีพิมพ์ผลงานด้านเคมีของฟิล์มน้ำมันและร่วมกับแคเทอริน เบอร์ บล็อดเจตต์ ศึกษาฟิล์มบางและการดูดซึมพื้นผิว ในปี ค.ศ. 1932 แลงมิวร์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีจากงานด้านการบุกเบิกวิทยาศาสตร์พื้นผิว[3] นอกจากด้านเคมีแล้ว แลงมิวร์ยังสนใจด้านบรรยากาศศาสตร์และอุตุนิยมวิทยา โดยในปี ค.ศ. 1927 เขาค้นพบการไหลเวียนแลงมิวร์จากการสังเกตลมที่กระทำต่อสาหร่ายทะเลในทะเลซาร์แกสโซ[8] ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แลงมิวร์พัฒนาระบบโซนาร์ตรวจจับเรือดำน้ำและคิดค้นวิธีขจัดน้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน[9]

ด้านชีวิตส่วนตัว แลงมิวร์แต่งงานกับแมเรียน เมอร์เซโรในปี ค.ศ. 1912 และมีบุตรบุญธรรม 2 คนชื่อเคนเนธและบาร์บารา แลงมิวร์เสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือดที่เมืองวุดส์โฮลในปี ค.ศ. 1957[10] ต่อมาบ้านของเขาในเมืองสกิเน็กทาดีได้รับการประกาศให้เป็นสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติและขึ้นทะเบียนสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติในปี ค.ศ. 1976[11][12][13]

ใกล้เคียง

เออร์ เออร์นี เรเยส จูเนียร์ เออร์สกิน คอลด์เวลล์ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ เออร์เนสต์ รัทเทอร์ฟอร์ด เออร์มิน เออร์วิง แลงมิวร์ เออร์เบินดิกชันแนรี เออร์เนสต์ บอร์กไนน์ เออร์วิน พานอฟสกี

แหล่งที่มา

WikiPedia: เออร์วิง_แลงมิวร์ http://www.encyclopedia.com/people/science-and-tec... http://www.thefamouspeople.com/profiles/irving-lan... http://tps.cr.nps.gov/nhl/detail.cfm?ResourceId=16... //doi.org/10.1098%2Frsbm.1958.0015 https://www.britannica.com/biography/Irving-Langmu... https://select.nytimes.com/gst/abstract.html?res=F... https://npgallery.nps.gov/GetAsset/486ad072-03c3-4... https://www.nobelprize.org/nobel_prizes/chemistry/... https://www.nobelprize.org/nobel_prizes/chemistry/... https://fenix.tecnico.ulisboa.pt/downloadFile/5635...