ประวัติของบริษัท ของ เอเอ็มดี

แคมปัสของเอเอ็มดี ใน Markham, ออนทาริโอ, แคนาดา, เดิมคือสำนักงานใหญ่ของ ATIสำนักงานใหญ่ของ Sunnyvale, California

แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1969,[5] โดยกลุ่มผู้บริหารเดิมจาก Fairchild Semiconductor, ประกอบด้วย เจอรี่ แซนเดอร์ เอ็ดวิน เทอร์นี่, จอห์น คาเรย, สเวน ซิมอนเซน, แจ๊ค กิฟฟอร์ด และ สมาชิก 3 คนในกลุ่มของแจ๊ค, แฟรงค์ บ๊อทเต้, จิม ไจลส์, และ แลรี่ สเตรนเจอร์.โดยที่บริษัทเริ่มผลิต ลอจิกชิป , ต่อมาจึงเข้าสู่ธุรกิจการผลิตแรมในปี 1975. และในปีเดียวกันนี้เอง พวกเขาก็เริ่มจำหน่ายสิ่งที่ได้จากการทำสถาปัตยกรรมย้อนกลับซึ่งเป็นสิ่งที่เลียนแบบมาจาก หน่วยประมวลผล Intel 8080. ในช่วงเวลานั้น,เอเอ็มดีก็ได้ออกแบบและสร้างหน่วยประมวลผลในซีรีส์ (Am2900, Am29116, Am293xx) ซึ่งถูกนำมาใช้แพร่หลายในการออกแบบวงจรของมินิคอมพิวเตอร์เวลาต่อมา, เอเอ็มดีก็พยายามที่จะทำให้โปรเซสเซอร์เล็กลง โดยการรวม AMD 29K processor, ให้เข้ากับ อุปกรณ์กราฟิกและเสียง เช่นเดียวกับหน่วยความจำแบบ EPROM. โดยมันเสร็จในช่วงกลางปี 1980 เรียกกันว่า AMD7910 and AMD7911 "World Chip" โดยเป็นอุปกรณ์แรกๆที่ ครอบคลุมทั้ง Bell และCCITT. โดย AMD 29K ยังเป็น embedded processor อีกด้วย และ เอเอ็มดี ยังแยกให้ Spansion ออกไปเพื่อสร้าง หน่วยความจำแฟลช. เอเอ็มดี ยังตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแนวทางสู้กับหน่วยประมวลผลจาก อินเทล โดยวางให้เป็นธุรกิจหลัก และให้ตลาดหน่วยความจำแฟลชเป็นตลาดรอง

เอเอ็มดี ประกาศว่าได้เข้าซื้อกิจการของ ATI Technologies ในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2006.โดยที่ เอเอ็มดี จ่ายเงินสด$4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นจำนวน 58 ล้านหุ้น, รวมมูลค่าทั้งหมด$5.4พันล้านดอลลาร์สหรัฐ. โดยกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นเมื่อ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2006[6] ในปี ค.ศ. 2010 หน่วยประมวลผลทั้งหมดของบริษัทเปลี่ยนมาใช้ชื่อแบรด์ AMD ในการทำตลาด.[7]

ในรายงานเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2006 ของ เอเอ็มดี, และคู่แข่งในอุตสาหกรรมอย่าง Nvidia, ได้รับหมายศาลจาก กระทรวงยุติธรรม ของสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการตั้งราคาของการ์ดจอให้มีการแข่งขันกันอย่างยุติธรรมไม่ให้ร่วมกันตั้งราคาสูงเอาเปรียบผู้บริโภค[8]

ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2008, เอเอ็มดี ได้ประกาศแผนที่จะแยกโรงงานผลิตโปรเซสเซอร์ โดยได้รับการลงทุนจาก Advanced Technology Investment Co., โดยร่วมทุนกับบริษัทจากรัฐบาลของ Abu Dhabi. โดยบริษัทใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า GlobalFoundries Inc.. โดยทางบริษัทใหม่นี้จะทำหน้าที่การผลิตชิปต่างๆให้กับ เอเอ็มดี ผู้เดียว[9] โดยการแยกตัวออกมาครั้งนี้ทำให้พนักงานกว่า 1,000 ตำแหน่งถูกเลิกจ้าง ซึ่งนับเป็น 10% ของพนักงาน เอเอ็มดี ทั่วโลก .[10]

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011, เอเอ็มดี ประกาศว่าอดีตซีอีโอจาก เลโนโว โรรี่ รีด จะมาทำหน้าที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารต่อจาก ดริก มีเยอร์.[11] และเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆและจึงทำให้มีแผนการแก้ไขแรงงานให้มุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการพัฒนาของ ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์พลังงานต่ำ,ในเดือน พฤศจิกายน เอเอ็มดีจึงได้ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 1400 คน ซึ่งนับว่าเป็น 10% จากพนักงานทั่วโลก.[10] โดยแผนนี้มีเวลาสิ้นสุดถึง ไตรมาสที่ 1 ปี ค.ศ. 2012 [10]

เอเอ็มดียังประกาศแผนในตุลาคม ค.ศ. 2012 โดยมีแผนจะเลิกจ้างพนักงานเพิ่ม 15% เพื่อลดค้าใช้จ่ายลงอีก.[12]

ในปี ค.ศ. 2012 นี้ AMD ยังเข้าซื้อกิจการ SeaMicro ผู้ผลิตเซิฟเวอร์ประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในแผนเพื่อส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภันฑ์กลุ่มนี้[13]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เอเอ็มดี http://www.arnnet.com.au/article/358774/ati_re-bra... http://www.newswire.ca/en/releases/archive/October... http://vincent.amd.com/es-es/Corporate/AboutAMD/0,... http://www.amd.com/ http://www.amd.com/us-en/Corporate/VirtualPressRoo... http://www.amd.com/us-en/Corporate/VirtualPressRoo... http://www.amd.com/us-en/assets/content_type/white... http://www.amd.com/us/Documents/AMD%202011%20CR%20... http://arstechnica.com/business/news/2010/02/amd-r... http://www.blognone.com/node/13884