ประวัติของโปรเซสเซอร์ในตลาด ของ เอเอ็มดี

โปรเซสเซอร์ก่อน AMD 8080 (AMD AM9080ADC / C8080A), ปี ค.ศ. 1977AMD D8086, ปี ค.ศ. 1978

คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของไอบีเอ็มและสถาปัตยกรรม x86

ดูบทความหลักที่: Am286, Am386, Am486 และ Am5x86

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 1982, เอเอ็มดี ได้ลงนามทำสัญญากับ อินเทล, เพื่อมีสิทธิในการผลิตซีพียูที่มีต้นแบบมาจาก 8086 และ 8088 โปรเซสเซอร์. เพราะว่า IBM ต้องการใช้ Intel 8088 ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของพวกเขาเอง,แต่ในข้อตกลงของ IBM ในเวลานั้น ต้องการให้มีการผลิตชิป 2 เจ้าจึงจะใช้ชิปนี้ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของพวกเขา. ภายหลังนั้น เอเอ็มดี ได้ผลิต Am286 ขึ้นมา ภายใต้ข้อตกลงเดียวกัน, แต่ว่าอินเทลยกเลิกข้อตกลงนี้ในปี ค.ศ. 186 และ ปฏิเสธที่จะถ่ายทอดรายละเอียดทางเทคนิคในส่วนของ i386 . เอเอ็มดี จึงได้ต่อสู้ฟ้องร้อง ไม่ให้อินเทลยกเลิกสัญญานี้ และพวกเขาก็เป็นฝ่ายชนะในการฟ้องร้อง, แต่อินเทลได้ยื่นอุทรณ์. ทำให้คดีความนั้นเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน จนไปจบลงในปี ค.ศ. 1994 เมื่อศาลแห่งแคลิฟฟอร์เนีย ได้ตัดสินให้ เอเอ็มดี เป็นฝ่ายชนะคดี. ซึ่งเป็นกลางต่อ เอเอ็มดี และ เอเอ็มดี ยังมีสิทธิตามกฎหมายที่จะใช้ Intel's microcode. ระหว่างที่คดีความยังไม่แน่นอนนั้น เอเอ็มดี ก็ได้พัฒนาการดีไซน์ซีพียูจากการทำสถาปัตยกรรมย้อนกลับจากโค๊ดของอินเทลอีกด้วย.

ในปี ค.ศ. 1991, เอเอ็มดี ได้วางจำหน่าย Am386,ซึ่งเลียนแบบมาจากโปรเซสเซอร์ Intel 386 . ซึ่งมันสามารถทำยอดขายถึง 1 ล้านชิ้นในเวลาไม่นาน.หลังจากนั้น, Am486 ก็ถูกใช้เป็นส่วนประกอบของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง, คอมแพค, และบริษัทอื่นๆ. ผลิตภันฑ์ที่มีพื้นฐานมาจาก Am486-based ,ได้แก่ Am5x86, ก็สร้างความสำเร็จให้แก่ เอเอ็มดี ในตลาดระดับล่าง. อย่างไรก็ตาม, ผลิตภัณฑ์นี้ก็มีช่วงระยะเวลาไม่นานในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล, เพราะว่าโปรเซสเซอร์ที่ได้จากการทำสถาปัตยกรรมย้อนกลับจากโค๊ดของอินเทลก็ได้วางตลาด และเป็นกำลังหลักของบริษัทในเวลาต่อมา.

K5, K6, แอททอล์น, ดูรอน และ เซมพรอน

ดูบทความหลักที่: AMD K5, AMD K6, แอททอล์น, ดูรอน และ เซมพรอน

โปรเซสเซอร์ x86 ลำดับแรกของเอเอ็มดีคือK5, ซึ่งว่างจำหน่ายในปี ค.ศ. 1996.[14] โดยที่ตัว "K" ที่อยู่ด้านหน้าของรุ่นซีพียูคือ คริปโตไนต์. (เป็นแร่ในจินตนาการจากการ์ตูนฝรั่งเรื่อง ซูเปอร์แมน ของ ค่ายดีซีคอมิก และแร่นี้จะปล่อยกัมมันตภาพรังสีซึ่งสามารถที่จะส่งผลให้ซูเปอร์แมนอ่อนแอลงได้.ซึ่งทางเอเอ็มดีนั้นเปรียบอินเทลเป็นเสมือน ซูเปอร์แมน เพราะว่ามีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด[15]) โดยที่หมายเลข 5 นั้นก็คือ รุ่นของหน่วยประมวลผล, ซึ่งเอเอ็มดีไม่สามารถใช้ชื่อตามอินเทลได้ เพราะเมื่ออินเทลได้วางตลาดเพนเทียม,พวกเขาก็ได้จดชื่อเป็นชื่อทางการค้า มิใช่เลขสามัญดังเดิม ทำให้เอเอ็มดีไม่สามารถใช้ชื่อเพนเทียมทำการค้าได้.

ในปี ค.ศ. 1996,เอเอ็มดีได้เข้าซื้อกิจการของ NexGen,สำหรับเพื่อมีสิทธิ์ในการใช้ Nx series กับโปรเซสเซอร์แบบ x86 อย่างถูกต้อง.เอเอ็มดีได้ให้ทีมดีไซน์ของ NexGen ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้น, ให้อยู่ตามลำพัง, และมอบเวลาและเงินให้พวกเขาสร้าง Nx686 ใหม่. ผลของการสร้างนั้นทำให้ได้โปรเซสเซอร์ K6 , ซึ่งออกวางจำหน่ายในปีค.ศ. 1997. โดยที่ตัวโปรเซสเซอร์ K6 นั้นใช้ Socket 7 ในการติดตั้งลงบนเมนบอร์ด,และยังไม่พอรุ่น K6-3/450 ของพวกเขานั้นสามารถทำความเร็วได้มากกว่าอินเทล เพนเทียม II (ซึ่งเป็นเจอเนอเรชั่นที่ 6 ของโปรเซสเซอร์). K7 เป็นโปรเซสเซอร์รุ่นที่ 7 ของเอเอ็มดี, โดยเริ่มวางขายเมื่อ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1999, ภายใต้ชื่อแบรนด์ แอททอล์น . ซึ่งแตกต่างจากโปรเซสเซอร์รุ่นก่อนๆของเอเอ็มดี,แอททอล์น นั้นยังไม่สามารถใช้เมนบอร์ดร่วมกับอินเทลเมื่ออย่างแต่ก่อนได้อีกเนื่องจากปัญหาทางลิขสิทธิ์ของ Slot 1 , แอททอล์นจึงใช้ Slot A แทน, ซึ่งเป็นซ๊อกเก็ตของโปรเซสเซอร์จากทางบริษัท Alpha. ดูรอน เป็นโปรเซสเซอร์ที่มีราคาถูกและจำกัดคุณสมบัติบางอย่างให้ต่ำลงจากแอททอล์น (มี L2 cache 64KB จาก 256KB ของแอททอล์น) ใช้ในซ๊อกเก็ตแบบ 462 เข็ม (ซ๊อกเก็ต A) หรือเมนบอร์ดที่บัดกรีซีพียูลงโดยตรงบนเมนบอร์ด. เซมพรอน วางจำหน่ายโดยเป็นเวอร์ชันที่ถูกลงของแอททอล์น เอ๊กซ์พี, โดยที่วางจำหน่ายทับไลน์เดิมของดูรอน ในซ๊อกเก็ต A ยุค PGA และยังได้รับการพัฒนาให้เป็นซีพียูในยุคของซ๊อกเกต AM 3 อีกด้วย

แอททอล์น เอ๊กซ์พีนั้นเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2001, และแอททอล์นเอ๊กซ์พีที่มาพร้อมกับหน่วยความจำแบบ L2 จำนวน 512 KB นั้นได้วางตลาดในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003.[16]

แอททอล์น 64, ออพเทอรอน และ ฟีน่อม


สถาปัตยกรรม K8 นั้นพัฒนามาจากสถาปัตยกรรม K7 มาก, โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดเพิ่มมาอย่างคำสั่งของโปรเซสเซอร์แบบ 64-bit ซึ่งนำมาใช้ร่วมกับคำสั่งของโปรเซสเซอร์ x86ได้เป็นครั้งแรก (เรียกันว่า x86-64, AMD64, หรือ x64), เพิ่มหน่วยความคุมหน่วยความจำเข้าไปในตัวโปรเซสเซอร์, แลเพิ่มการเชื่อต่อแบบจุดต่อจุดซึ่งมีความเร็วสูง เรียกกันว่า ไฮเปอร์ทรานสปอร์ต, ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สถาปัตยกรรมการเชื่อมต่อโดยตรง. ซึ่งเทคโนโลยีนี้เริ่มปรากฏเป็นครั้งแรกในออพเทอรอนซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่มุ่งเน้นการทำตลาดในฝั่งของเซิฟเวอร์ซึ่งเปิดตัวในวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2003 s.[17] Shortly thereafter it was incorporated into a product for desktop PCs, branded Athlon 64.[18]

วันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2005 เอเอ็มดีก็ได้วางตลาดออพเทอรอน ซึ่งเป็นซีพียูแบบดูอัลคอร์รุ่นแรกของเอเอ็มดี, และบนเครื่องเซิฟเวอร์ที่ใช้ซีพียูแบบ x86.[19] ในเดือนต่อมาเแอเอ็มดีก็ได้วางขาย แอนทล์น 64 X2, ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์แบบดูอัลคอร์รุ่นแรกบนตลาดโปรเซสเซอร์แบบทั่วไป .[20] หลังจากเดือนพฤษภาคม ปี 2007 , เอเอ็มดีก็ได้ยกเลิกการใช้เลข 64 ในโปรเซสเซอร์ที่วางตลาดทั่วไป, และเปลี่ยนชื่อให้เป็นแอททอร์น X2 เฉยๆ, เพราะว่าความสำคัญของสัญลักษณ์โปรเซสเซอร์ของ64-bit computing ในโปรเซสเซอร์เริ่มมีความสำคัญน้อยลง . และการปรับปรุงบางอย่างจะเกิดขึ้นเพียงบางส่วนในการออกแบบสถาปัตยกรรม, และเปลี่ยนเป้าหมายจากการทำตลาดทั่วไปลงไปสู่การทำการตลาดโปรเซสเซอร์ที่มีราคาประหยัดลงมา.ในปี 2008, เอเอ็มดีก็ได้เริ่มวางตลาด เซมพรอนแบบดูอัลคอร์ โดยในช่วงแรกวางขายในเฉพาะในประเทศจีน, โดยมีชื่อเรียกทางการตลาดว่า เซพพรอน 2000 ซีรีส์, มาพร้อมกับ ไฮเปอร์ทรานสปอร์ตรุ่นเล็ก และ L2 cache ที่น้อยลง. ดังนั้นจึงทำให้เอเอ็มดีมีกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์แบบดูอัลคอร์ สำหรับแต่ละเซ็กเมนต์ตลาด.

หลังจากที่ยุคของ K8 ก็มี K10 เข้ามาแทน.ในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2007 , เอเอ็มดีก็ได้จำหน่ายโปรเซสเซอร์ K10 ตัวแรกโดยมีวางจำหน่ายต่อจากโปรเซสเซอร์ออพเทอรอนยุคที่ 3 ซึ่งมีสี่แกนประมวลผล. เรียกกันว่า ฟีน่อม ซึ่งเป็นโปรเซสซอร์สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล. สถาปัตยกรรมโปรเซสเซอร์แบบ K10 นั้นออกแบบมาให้เหมาะสมสำหรับหน่วยประมวลผลแบบ ดูอัลคอร์ ทริปเปิ้ลคอร์ และ คอว์ดคอร์,[21] , โดยที่ทุกแกนประมวลผลนั้นอยู่บน Die เดียวเท่านั้น. ขณะเดียวกันเองเอเอ็มดีก็ได้วางจำหน่ายแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "สไปเดอร์", ซึ่งหมายถึงการทีในคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมี โปรเซสเซอร์ฟีน่อม, ชิปกราฟิก R770 และชิปเซ็ต790 GX/FX จาก ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 700.

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009, เอเอ็มดีได้จำหน่ายซีพียูรุ่นใหม่คือ ฟีน่อม II,ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีพื้นฐานมาจาก ฟีน่อม ซึ่งใช้การผลิตแบบ 45 นาโนเมตร (รุ่นก่อนหน้าใช้การผลิตแบบ 65 นาโนเมตร). และมีชื้อแพลต์ฟอร์ตใหม่ว่า, “ดราก้อน”, ซึ่งในพลตฟอร์มนั้นต้องประกอบด้วยโปรเซสเซอร์ฟีน่อม II, ชิปกราฟิก R770 และชิปเซ็ต790 GX/FX จาก ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 700. โดยฟีน่อม II นั้นวางจำหน่ายทั้งในแบบ ดูอัลคอร์ ทริปเปิ้ลคอร์ และ คอว์ดคอร์ ที่อยู่บน die เดียวกัน, โดยที่บางคอร์นั้นถูกปิดลงเพื่อใช้จำหน่ายเป็นรุ่นแบบ ดูอัลคอร์ ทริปเปิ้ลคอร์ . ฟีน่อม II นั้นได้แก่ปัญหาบางส่วนที่พบใน ฟีน่อม,อาทิเช่น สัญญาณนาฬิกาที่มีความเร็วต่ำเกินไป , L3 cache ที่มีน้อยและบักของเทคโนโลยี คูลแอนด์'ควายเอ็ด ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์นั้นลดลง. โดยได้วางขายในระดับเดียวกับ คอร์ทู ควอร์ จากอินเทล. ฟีน่อม II นั้นได้เพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยความคุมความจำจากฟีน่อมรุ่นแรก,ซึ่งทำให้สามารถใช้แรมแบบ DDR3 ได้ในซ๊อกเก็ตใหม่ คือ AM3, รวมไปถึงยังรองรับซ๊อกเก๊ตแบบเก่าคือ AM2+, ซึ่งในซ๊อกเก็ตนั้นใช้กับฟีน่อมรุ่นแรก,และสามารถใช้แรมแบบ DDR2 ได้อีกด้วย.

ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2010 เอเอ็มดีก็ได้วางแผง ฟีน่อม II แบบเฮ็กซ์ซาร์คอร์ (6-คอร์) ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "ทูบาน".ซึ่งมีพื้นฐานมาจากออพเทอรอนแบบเฮ็กซ์ซาร์คอร์ ที่มีชื่อเรียกว่า “อิสตันบูล” . และในโปรเซสเซอร์ใหม่นี้ก็มีความสามารถใหม่อย่าง เอเอ็มดี เทอร์โบคอร์,ซึ่งจะปรับการทำงานตามสภาพแวดล้อมการใช้งานของโปรเซสเซอร์ และเพิ่มสัญญาณนาฬิกาให้เร็วกว่าสัญญาณนาฬิกาเดิมถ้าสภาพแวดล้อมนั้นมีการทำงานหนัก . และยังได้เพิ่มแพลตฟอร์มใหม่ก็คือ ”ลีโอ”, ซึ่งประกอบไปด้วยฟีน่อม II แบบเฮ็กซ์ซาร์คอร์, ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 800 และชิปกราฟิกจาก ATI คือ “Cypress” ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลจาก อีเวอร์กรีน (ตระกูลหน่วยประมวลผลกราฟิก) .

ฟิวชั่น, บ๊อบแคท และ บูลโดเซอร์

หลังจากการควบรวมกิจการกันของ เอเอ็มดีและเอทีไอ, ก็ได้เกิดโปรเซสเซอร์ชิ้นหนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกเล่นว่า ฟิวชั่น ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่มีแนวคิดที่จะรวม ซีพียู และ จีพียู ไว้บนชิปเดียวกัน,ซึ่งประกอบด้วย PCI Express 16 เลน เชื่อมกับ PCI Express ที่อยู่ภายนอกโดยทำงานแยกกัน (จีพียูซึ่งอยู่บนตัวซีพียูความเร็ว X16 และสล๊อตบนเมนบอร์ดจะมีความเร็ว X16 เหมือนเดิม ไม่ไปลดการทำงานของกันและกัน) , ซึ่งที่จะทำได้นั้นต้องการชิป นอร์ทบริดจ์ระดับสูง ที่เข้ากับเมนบอร์ด.โดยการทำงานของเอพียูคำสั่งดั้งเดิมจะถูกแบ่งไปให้ซีพียูทำงาน ส่วนการประมวลผลในงานบางอย่างจะถูกแบ่งไปที่จีพียู (เช่น. การประมวลผล ทศนิยม ), เมื่อทำการเหมาะกับการคำนวณต่างๆ เช่น การประมวลผล ทศนิยม ได้นั้น ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็น. หน่วยประมวลแบบหลอมรวมกัน คือ เอพียู. [22]

ไลโน่เป็น เอพียูตัวที่สองที่วางขายในตลาด ,[23]ซึ่งทำตลาดในระดับที่มีกำลังซื้อปานกลาง.[22] ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่มี ซีพียู และ จีพียูอยู่บน die เดียวกัน, และไลโน่ยังสามารถทำงานกับ นอร์ทบริดจ์ได้อย่างดี, และยังทำงานบนซ๊อกเก็ตใหม่ของเอเอ็มดีอย่าง "ซ๊อกเก็ต เอฟเอ็ม 1" ซึ่งซ๊อกเก็ตนี้ทำงานร่วมกับแรมแบบ DDR3 . แต่ไลโน่ยังไม่ได้ใช้โปรเซสเซอร์ใหม่อย่างบูลโดเซอร์แต่อย่างใด ไลโน่ใช้ซีพียูที่มีสถานปัตยกรรมมาจากฟีน่อม II (ชื่อเรียก เดเนบ) ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลที่สูงสุดของเอเอ็มดีในขนาดนั้น และนำมาลดขนาดการผลิตซีพียูจาก 45 นาโนเมตร เป็น 32 นาโนเมตร. ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2011, เอเอ็มดีได้รายงานว่าในไตรมาสที่ 3 ของปี 2011 บริษัทได้โอกาสที่จะสร้างรายได้ 10 เปอร์เซ็น จากการที่ ไลโน่มีปัญหาในการผลิตแบบ 32 นาโนเมตร,เพราะว่าโรงงานนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับการผลิตแบบ 32 นาโนเมตร.[24]

บูลโดเซอร์ คือซีพียูสำหรับเซิฟเวอร์และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของ แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์' (เอเอ็มดี) ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011. โดยสถาปัตยกรรมใน ซีพียูตระกูล K15 นี้เป็นรุ่นต่อจากสถาปัตยกรรมซีพียู (K10) ที่ใช้การออกแบบที่มีชื่อว่า M-SPACE ในซีพียูรุ่นนี้นั้นยังออกแบบเพิ่มสิ่งที่มีในซีพียูก่อนหน้าเข้าไปในซีพียู (อาทิเช่นค่ำสั่งบางส่วนจากชุดคำสั่ง SSE 5).[25]โดยอัตราการใช้พลังงานในแต่ละซีพียูจะอยู่ระหว่าง 10-125 วัตต์ ในมาตรฐาน TDP ของผลิตภัณฑ์. เอเอ็มดีอ้างว่าหน่วยประมวลผลนี้จะให้ประสิทธิภาพต่อพลังงานได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอ้างจากการทดสอบในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระดับสูงและบูลโดเซอร์

บ๊อบแคท เป็นโปรเซสเซอร์ล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ราคาถูกและใช้หลังงานน้อยโดยมันถูกเปิดเผยครั้งแรกจากการให้สัมภาษณ์ของ เฮนรี่ ริชาร์ด ในงาน คอมพิวเท็กซ์ ปี 2007 และวางจำหน่ายในฐานะผลิตภัณฑ์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2011.[23] โดยบุคคลที่เป็นกำลังหลักในการสนับสนุนนี้คือรองประธานบริษัท มาริโอ้ เอ. ริวาส ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะแข่งขันในตลาดที่ใช้ไฟ 1-10 วัตต์และซีพียูมีแกนประมวลผลเดี่ยว ดังนั้นพวกเขาจึงได้มุ่งเน้นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ซีพียูแบบแกนเดี่ยวที่ใช้ไฟ 1-10 วัตต์ออกมา ผลลัพธ์ที่ได้โปรเซสเซอร์ที่ประหยัดพลังงานมากๆ และถ้านำเข้าไปในมือถือก็สามารถใช้ไฟต่ำกว่า 1 วัตต์ได้.

ชิปจากสถาปัตยกรรม ARM

เอเอ็มดีตั้งใจที่จะวางจำหน่ายชิปที่ใช้สถาปัตยกรรมของ ARM ในปี 2014 โดยชิปนี้จะถูกใช้ในเซิฟเวอร์และคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานต่ำ เพื่อทดแทนชิป X86 ซึ่งเสียส่วนแบ่งการตลาดไปมากและใช้ในเซิฟเวอร์ของธุรกิจต่างๆ[13]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เอเอ็มดี http://www.arnnet.com.au/article/358774/ati_re-bra... http://www.newswire.ca/en/releases/archive/October... http://vincent.amd.com/es-es/Corporate/AboutAMD/0,... http://www.amd.com/ http://www.amd.com/us-en/Corporate/VirtualPressRoo... http://www.amd.com/us-en/Corporate/VirtualPressRoo... http://www.amd.com/us-en/assets/content_type/white... http://www.amd.com/us/Documents/AMD%202011%20CR%20... http://arstechnica.com/business/news/2010/02/amd-r... http://www.blognone.com/node/13884