เมนูนำทาง
แก๊กต์ งานในวงการเพลงแก๊กต์เริ่มการเป็นนักดนตรีอาชีพจากการเป็นมือกลองของวง CAINS:FEEL จุดเริ่มต้นของการเป็นนักร้องของเขาก็อยู่ที่นั้นด้วย เมื่อวันหนึ่ง "ยู" ซึ่งเป็นมือกีต้าร์ (ต่อมาได้กลายเป็นมือกีต้าร์ของ Gackt JOB) [4] ได้ชักชวนให้เขาร้องเพลง หลังจากนั้นเขาเริ่มเรียนร้องเพลง และในภายหลังสมาชิกส่วนใหญ่ของ CAINS:FEEL ก็ได้มาเป็นเล่นดนตรีเป็นแบ๊คอัพให้แก๊กต์หรือที่เรียกกันว่า Gackt JOB
แก๊กต์ได้เจอกับ มาน่า ซึ่งก็ได้ชวนเขาเข้าวงวิชวล เคย์ ที่มีชื่อว่า Malice Mizerในปี พ.ศ. 2538 โดยแก๊กทำหน้าที่ร้องนำและเล่นเปียโน ในช่วงที่เขาอยู่ Malice Mizer แก๊กต์ทำการปิดบังชื่อจริง อายุ และที่อยู่ทั้งหมด เพื่อให้เข้ากับประวัติของสมาชิกในวงคนอื่นๆ โดยการแต่งกายของวงในช่วงนี้จะออกแนวขุนนาง ฝรั่งเศส เน้นที่สีสันที่ฉูดฉาด และให้อารมณ์โกธิก [5][6]
แก๊กต์เปิดตัวครั้งแรกในอัลบั้ม Voyage~sans retour ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับวงอย่างรวดเร็ว[5] และใน พ.ศ. 2540 ทางวงได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงใหญ่อย่าง Nippon Columbia [7] หลังจากนั้นทางวงก็มีผลงานอย่างมากมายทั้งซิงเกิล และภาพยนตร์สั้นอย่าง Bel Air ~Kuuhaku no Shunkan no Naka De~ de L'Image ในปี พ.ศ. 2541 ทางวงได้ปล่อยอัลบั้มที่สามที่ชื่อว่า Merveilles ภายใต้สังกัด Nippon Columbia และในช่วงนี้ทางวงยังมีรายการวิทยุเป็นของตัวเองอีกด้วย[5]หลังจากซิงเกิล Le Ciel แก๊กต์ก็ออกจากวงในปี พ.ศ. 2542 ทางวงได้หยุดเพื่อหานักร้องนำคนใหม่ ส่วนแก๊กต์หายหน้าไปจากวงการถึง 8 เดือน
สาเหตุการออกจากวงของเขาไม่มีใครทราบแน่ชัด โดยทางวงออกมากล่าวว่าความคิดเห็นทางแนวเพลงไม่เหมือนกัน แต่ตัวแก๊กต์เองกลับบอกว่าอันที่จริงตัวเขานั้นอยากอยู่ต่อ แต่ทางวงได้เชิญเขาออกเอง[2]
หลังจากแก็กต์ออกจาก Malice Mizer เค้าก็เริ่มงานศิลปินเดี่ยวในปี พ.ศ. 2542 โดยมีวงแบ็กอัพคือ "Gackt JOB" ซึ่งประกอบไปด้วย
ยู (ไวโอลิน/กีตาร์) , ชาช่ามารุ (ลีดกีตาร์) , มาสะ (กีตาร์) , เร็น (เบส) , โทชิ (กลอง) , โยช (แด๊ซเซอร์) , และอิกาโอะ (คีย์บอร์ด)ภายหลังสมทบด้วย ริว และ จู-เคน และแก๊กต์ยังได้ตั้ง เดียร์ส (Dears) เป็นชื่อทางการของแฟนคลับเค้าอีกด้วย โดยเขาประสบความสำเร็จอย่างงดงามในฐานะศิลปินเดี่ยว[8] ด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นคนเงียบๆ ลึกลับปนตลกของเขา ทำให้เขามีแฟนคลับมากมายแม้กระทั่งต่างประเทศ เขาจึงก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินแนวหน้าของญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว[8]
แก๊กต์เริ่มต้นงานเดี่ยวครั้งแรกด้วยการปล่อยมินิอัลบั้ม "Mizerable"[9] ออกมา ซึ่งแนวเพลงยังคงมีกลิ่นอาย โกธิก และ คลาสสิก ร็อก[ต้องการอ้างอิง] เหมือนเมื่อสมัยเขาอยู่ Malice Mizer โดยภายในอัลบั้มได้บรรจุเพลง Story ซึ่งภายหลังได้นำมาอัดใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น Saikai ~Story~[9] ซึงกลายเป็นซิงเกิลในปี พ.ศ. 2543 นอกจากนี้ในอัลบั้มนี้ยังสามารถขึ้นไปถึงอันดับสองใน Oricon Chart ได้สำเร็จอีกด้วย[10]
ในปี พ.ศ. 2543 แก๊กต์ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรก "MARS"[9] ออกมา โดยภายในอัลบั้มได้บรรจุเพลง U+K ซึ่งแก๊กต์แต่งเพลงนี้เพื่อระลึกถึง คามิ[11] มือกลองวง Malice Mizer เพื่อนสนิทของเขาที่เสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ. 2542 นอกจากนี้อัลบั้มนี้ยังบรรจุเพลงยอดฮิตอย่าง Vanilla ซิงเกิลที่สองเข้าไปอีกด้วย นอกจากนี้แก๊กยังมีผลงานอย่างต่อเนื่อง และออกอัลบั้มต่อมา "Rebirth"[9] ในปี พ.ศ. 2544 แนวเพลงของแก๊กต์ก็เปลี่ยนไปกลายเป็น เจ-ป็อป[ต้องการอ้างอิง] แต่ยังคงไม่ทิ้งความเป็นร็อกของตนออกไป
ในปี พ.ศ. 2545 แก๊กต์ได้ปล่อยอัลบั้ม "Moon"[9] โดยตัวอัลบั้มไม่ได้บรรจุบุ๊กเล็ทมาด้วย มีเพียงแค่ข้อความสั้นที่ให้ผู้ซื้อใช้ "ความรู้สึก" ในการเดาเรื่องราวของอัลบั้ม[ต้องการอ้างอิง] ตัวอัลบั้มยังบรรจุเพลงยอดฮิตอย่าง ANOTHER WORLD และตัวอัลบั้มยังสามารถขึ้นไปถึงอันดับสองใน Oricon Chart อีกด้วย[10]
ในปี พ.ศ. 2546 อัลบั้มเต็มชุดที่สี่ "Crescent"[9] ก็วางขาย ซึ่งชื่อของอัลบั้มนี้หมายถึง "ดวงจันทร์ครึ่งซีก" ซึ่งแก๊กต์จงใจที่จะทำให้อัลบั้มนี้มีความ "เกี่ยวโยง" กับอัลบั้ม Moon[ต้องการอ้างอิง] โดยตัวอัลบั้มได้แถมบุ๊กเล็ทของอัลบั้ม Moon มาด้วย นอกจากนี้ในอัลบั้มนี้ยังบรรจุเพลง "Orenji no Taiyou" (オレンジの太陽) ซึ่งเป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Moonchild ซึ่งได้ ไฮด์ นักร้องนำจากวง L'Arc~en~Ciel มาร่วมร้องอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2547 แก๊กต์ได้ปล่อยอัลบั้ม "The Sixth Day: Single Collection"[9] และ "The Seventh Night: Unplugged"[9] ซึ่งเป็นอัลบั้ม Compilations โดย The Sixth Day เป็นการรวมซิงเกิลยอดฮิตของแก๊กเข้าไว้ด้วยกัน ส่วน The Seventh Night เป็นการนำเพลงยอดฮิตในอัลบั้มเก่ามารีมิกซ์กลายเป็นเพลงแนว อาคูสติก ทั้งหมด
ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 แก๊กต์ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดที่ห้า "Love Letter"[9] ออกมาโดยเพลงในอัลบั้มนี้เป็นเพลงแนวอาคูสติกทั้งหมด นอกจากนี้แก๊กต์ยังได้ปล่อยอัลบั้มพิเศษ "Love Letter - For Korean Dears" โดยการนำเพลง 7 เพลงจากอัลบั้ม Love Letter มาร้องใหม่เป็นภาษาเกาหลีเพื่อแฟนชาวเกาหลีโดยเฉพาะ[12] โดยตัวอัลบั้มวางขายในปีเดียวกัน ปลายปี พ.ศ. 2548 แก๊กต์ได้ออกอัลบั้มเต็มชุดที่หก Diabolos[9] โดยตัวเพลงได้กลับมาเป็นสไตล์ ป็อป/ร็อก อีกครั้ง[ต้องการอ้างอิง]
ใน วันคริสต์มาส พ.ศ. 2548 แก๊กต์ได้มีโอกาสขึ้นโตเกียวโดมเป็นครั้งแรกในคอนเสิร์ตที่ใช้ชื่อว่า Diabolos Tour หลังจากนั้นเขาก็หายหน้าไปในปี พ.ศ. 2549 ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2550 [13]
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 แก๊กต์ปล่อยซิงเกิล"No ni Saku Hana no yō ni" 「野に咲く花のように」[9] ซึ่งตัวเพลงเกี่ยวกับการจบการศึกษาของเหล่านักเรียนมัธยมปลาย ซึ่งเขาได้ไอเดียนี้มาจากนักเรียนมัธยมปลายคนนึงที่เขียนจดหมายมาหาเขา เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาธรรมชาติ และขอร้องให้แก๊กต์ช่วยให้คำแนะนำ และขอให้เขามาในงานจบการศึกษาของเขาอีกด้วย[ต้องการอ้างอิง] แก็กต์จึงไปปรากฏตัวแบบเซอร์ไพรส์ที่นั้นและทำการร้องเพลงนี้เป็นครั้งแรก[14]
แก๊กต์ได้ปล่อยซิงเกิลและอัลบั้มยอดฮิตอีกมากมายเช่น ANOTHER WORLD ในปี พ.ศ. 2544 ,君が追いかけた夢 [Kimi ga oikaketa yume] ในปี พ.ศ. 2546 ,君に逢いたくて [Kimi ni aitakute] ในปี พ.ศ. 2547 และ Metamorphoze~メタモルフォーゼ~ ในปี พ.ศ. 2548 โดยทุกเพลงสามารถขึ้นไปถึงอันดับสองของ Oricon Chart ได้สำเร็จ[10]
วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2550 แก๊กต์ได้วางแผงซิงเกิลใหม่ที่ชื่อว่า"Returner~Yami no Shuuen~" 「Returner~闇の終焉~」[15][9] และสามารถขึ้นอับดับหนึ่งใน Oricon Chart เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ [10]
วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2550 แก๊กต์จะวางแผงอัลบั้มใหม่ที่ชื่อว่า "0079-0088" เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อ โทมิโนะ โยชิยูกิ บิดาแห่งการตูนเรื่อง "Kidou Senshi Gundam" โดยอัลบั้มนี้จะบรรจุเพลงทั้งหมด8เพลง ซึ่งเพลงทั้งหมดเป็นเพลงจากการตูนเรื่อง "Kidou Senshi Gundam" โดย5เพลงแรกเป็นเพลงที่แก๊กต์ได้แต่งไว้ให้การตูนที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อปี พ.ศ. 2548 และ 2549 คือ "Kidou Senshi Z Gundam" ทั้งสามภาค และอีกสามเพลงจะเป็นเพลงของกันดั้มภาคต่างๆที่แก๊กต์นำมาร้องใหม่ทั้งหมด ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่แก๊กตืได้นำเพลงของคนอื่นมาร้องใหม่อีกด้วย[16]
ในวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ในงาน J rock festival แก๊กต์มีโปรเจทต์ยักษ์ที่ชื่อว่า "S.K.I.N." ซึ่งนำทีมโดย โยชิกิ จาก X Japan และ สึกิโซะ จากวง Luna Sea และสมาชิกคนที่ 4 คือ มิยาบิ จากวง Dué le quartz ซึ่งประกาศเข้าวงอย่างเป็นทางการแล้ว โดยทั้ง 4 จะเริ่มการแสดงครั้งแรกที่งาน Anime Expo convention ใน ลอง บีช,แคลิฟอร์เนีย ใน 29 มิถุนายน 2007[17]
เมนูนำทาง
แก๊กต์ งานในวงการเพลงใกล้เคียง
แก๊กต์แหล่งที่มา
WikiPedia: แก๊กต์ http://www.radiolequios.com.br http://www.annyoung.com/cdstore/merchant.mv?Screen... http://www.asiafinest.com/japanese/gackt.htm http://www.bujingai.com/ http://flickr.com/photos/tags/gackt/clusters/ http://www.gackt-and-dears.com/ http://gackt.com/japanese/dears_only/mail_address_... http://gackt.com/japanese/whats_dears/ http://www.gackt.com/ http://www.h-darts.com/original/pc/