การขับเสภา ของ แจ้ง_คล้ายสีทอง

การขับและขยับกรับเสภา นายแจ้งสามารถขับร้องได้อย่างไพเราะพร้อมการขยับกรับไปด้วยกัน โดยนายแจ้งได้ครูโชติ ดุริยประณีต เป็นผู้ฝึกหัดให้ เริ่มตั้งแต่วิธี จับไม้กรับเสภา ซึ่งมีอยู่ 4 อัน หรือ 2 คู่ โดยถือไว้ในมือด้านละ 1 คู่ เริ่มขยับเสียงสั้นไปหาเสียงยาวคือเสียงกรด เสียงสั้นคือเสียงก๊อก แก๊บ เสียงยาวคือเสียงกรอ ขยับจนคล่องดีแล้ว จึงตีเสียงกร้อ แกร้ (เสียงกรอ) ต่อจากนั้นตีไม้สกัดสั้น ได้แก่เสียงแกร้ แก๊บ และไม้สกัดยาวคือเสียงกร้อ แกร้ กร้อ แกร้ แก๊บ ใช้สำหรับตอนหมดช่วงของการขับเสภา และในระหว่างขับ ส่วนไม้กรอใช้สำหรับ ขับครวญเสียงโหยไห้และใกล้หมดช่วงของขับเสภา นายแจ้งฝึกจนสามารถ ขับและขยับกรับเสภาได้ โดยขับในละครเรื่อง ไกรทองแต่ยังไม่ทันได้ต่อไม้เสภาอื่น ๆ ต่อไป นายโชติ ดุริยะประณีต ก็ถึงแก่กรรม

และต่อมานายแจ้งได้เรียนขยับกรับกับอาจารย์มนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2528 สาขาศิลปะการแสดงดนตรีไทย[13] ซึ่งรับราชการอยู่ในกรมศิลปากร อ.มนตรีท่านได้กรุณาบอกไม้เสภาที่ยังไม่ได้ ได้แก่ ไม้รบ ใช้สำหรับบทดุดันหรือการต่อสู้ และไม้สอง ใช้สำหรับชมธรรมชาติหรือดำเนินทำนองเพลง 2 ชั้น และบทดำเนินเรื่อง

ในงานพิธีไหว้ครูประจำปีของแผนกดุริยางค์ไทย กองการสังคีต กรมศิลปากร ครั้งหนึ่ง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร (พระองค์ชายกลาง) องค์อุปถัมภ์ศิลปิน ได้เสด็จมาในงานพร้อมด้วยนายเจือ ขันธมาลา ผู้มีความสามารถในการขับร้องและขยับกรับเสภา นายเจือเป็นหลานและศิษย์ของ ท่านครูหมื่นขับคำหวาน ท่านพระองค์ชายกลาง ได้มีพระเมตตาฝากฝังนายแจ้งให้เรียนเสภากับนายเจือ นายแจ้งจึงได้ วิธีการขับเสภาไหว้ครู รวมทั้งเกร็ดย่อยอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และมีความชำนาญเชี่ยวชาญมากขึ้น จนได้รับสมญาว่า"ช่างขับคำหอม"

นายแจ้งได้เริ่มขับเสภาอย่างจริงจังเมื่ออายุประมาณ 30 ปี นอกจากเรียนกับครูโชติ ครูสงัด ครูมนตรี แล้วก็ยังฟังเทปครูเหนี่ยว กับครูหลวงเสียงเสนาะกรรณพัน มุกตวาภัย[14]ขับเสภา แล้วคอยจำเทคนิคไว้ ไปที่บ้านครูเจือ ขันธมาลา ฟังครูเจือบอกไม้กรับ ฟังครูหมื่นขับคำหวานขับเสภา ครูหมื่นขับคำหวานท่านขับเสภาตลก ครูหลวงเสียงเสนาะกรรณจะขับเสภาเพราะหวานหู บทเข้าพระเข้านางต้องครูหลวงเสียงฯ ส่วนครูเหนี่ยวขับแบบนักเลง กระโชกโฮกฮาก เป็นบทหยิ่งผยอง

นอกจากนี้ยังได้รับความ กรุณาจากนางท้วม ประสิทธิกุล ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2529 สาขาศิลปะการแสดงดนตรีไทย[15] และนาย ประเวช กุมุท ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2532 สาขาศิลปะการแสดง ดนตรีไทย [16] แนะวิธีปลีกย่อยให้นายแจ้ง จนได้มีโอกาสแสดงความสามารถและได้รับคำชมไปทั่ว จนภายหลังได้รับการยกย่องว่า "เสียงดี ตีกรับอร่อย"

เพลงหลัก ๆ ที่มีชื่อเสียงนั้นก็คือ การขับเสภาในละครเรื่อง “ขุนช้าง ขุนแผน” ซึ่งนายแจ้งจะร้องเอง ขับเสภาเองหมด การขับเสภาของนายแจ้งนั้น นายแจ้งจะดูบท และเอาแบบของครูแต่ละท่านมาใช้ให้ถูกจุด ครูแจ้งเล่าว่า”อย่างร้องถึงคำว่า "แหวกม่าน" ต้องทำเสียงจินตนาการว่าค่อย ๆ แหวกม่าน ไม่ใช่พรวดพราดแหวกม่าน นางตกใจตายกันพอดี” การขับเสภาเป็นเรื่องของการใช้เสียงแสดงอารมณ์บอกเล่าเรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้น นายแจ้งเคยขับเสภาตอน "กำเนิดพลายงาม" ขับเสร็จหันไปดูคนฟัง ปรากฏว่านั่งร้องไห้กันหลายคน นั่นคือการขับเสภาไปกระทบใจเขา

นายแจ้งเคยร้องเอาเนื้อความเป็นใหญ่ สัมผัสลดน้อยลงไป แต่ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2530 สาขาวรรณศิลป์กวีนิพนธ์[17] ท่านบอกว่า ไม่ได้ ไม่งั้นคนไทยจะมีกลอนทำไม ต้องอ่านให้สัมผัสถึงจะเป็นกลอน ถ้าเอาเนื้อความเป็นใหญ่เขียนร้อยแก้วเสียก็หมดเรื่องเลยต้องเอาสัมผัสเป็นตัวตั้ง ความอยู่ทีหลัง ช่วงที่ มล.ปิ่น มาลากุลเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในวันคล้ายวันเกิดของท่านทุก ๆ ปี ครูแจ้งมีหน้าที่ต้องไปอ่านบทกลอนของ มล.ปิ่นให้ท่านฟัง ที่ หออัครศิลปิน ท่านมักจะชอบเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ครูแจ้งฟัง

บทที่ใช้ในการขับเสภานั้น นายแจ้งเอามาจากวรรณคดีทั้งหมด ต้องอ่านวรรณคดีทุกเรื่อง ไม่มีเรื่องไหนไม่เคยอ่าน หรือพระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ก็นำมาขับเสภาได้ บางครั้งก็มีแต่งบทเสภาขึ้นใหม่ การขับเสภาสามารถขับได้ทุกงาน ใช้ขับได้ทั้งงานมงคล และอวหมงคล ตั้งแต่งานวันเกิด งานโกนจุก งานขึ้นบ้านใหม่ งานมงคลสมรส งานฉลองต่าง ๆ จนถึงงานตอนตายคืองานศพนั่นแหละ ซึ่งก็ ต้องแต่งหรือนำบทขับเสภาในวรรณคดี ที่มีอยู่แล้ว นำเอามาใช้ขับให้เหมาะกับงานนั้น ๆ เช่น ถ้างานศพ ก็จะบอกถึงคุณความดี ประวัติต่าง ๆ ของผู้ตาย

การขับเสภาของคนรุ่นปัจจุบันนี้ ครูแจ้งเล่าว่า

แต่ก่อนฉันต้องเรียนขับเสภาอย่างละเอียด อักษรอย่างนี้ คำอย่างนี้ ต้องใช้อารมณ์อย่างไร ขับเสภาแบบไหน ขับได้กี่อย่าง แต่เดี๋ยวนี้คนขับไม่รู้ก็ขับส่งเดช วรรณคดีมีอารมณ์ของเขาอยู่ ต้องตีให้ออก ถามถึงคนรุ่นนี้กับการขับเสภาหรือ..ฉันคิดว่าการขับเสภาไม่หายไปหรอก เขาเรียนกันเยอะไป แต่เรียนไม่ละเอียด เป็นแค่พอผ่าน จะเรียนจริงจังหายากเต็มทน อีกอย่างหาคนส่งเสริมการขับเสภาไม่ค่อยมี ศิลปินไทยจะแย่เอาคราวนี้ ที่ว่ากันว่าขับทำนองเสนาะ ตอนนี้ฉันเห็นว่าได้แต่ขับทำนอง ส่วนความเสนาะหาได้ยากเหลือเกิน

แหล่งที่มา

WikiPedia: แจ้ง_คล้ายสีทอง http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sanamluang... http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sanamluan... http://www.khun-in.com/history.htm http://www.krudontri.com/articles/111music_men/pag... http://www.krudontri.com/articles/111music_men/pag... http://www.monstudies.com/article_image/voiceofmon... http://ancientism.multiply.com/photos/album/15/15 http://www.pantown.com/board.php?id=11604&area=1&n... http://www.boythaiband.net/profile.html http://www.oknation.net/blog/print.php?id=35100