แผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (
อังกฤษ: Joint Comprehensive Plan of Action, ย่อ: JCPOA;
เปอร์เซีย: برنامه جامع اقدام مشترک, ย่อ: برجام BARJAM) เป็นความตกลงระหว่างประเทศต่อ
โครงการนิวเคลียร์อิหร่านซึ่งบรรลุในกรุง
เวียนนาเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ระหว่าง
ประเทศอิหร่าน พี5+1 (สมาชิกถาวร
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติห้าประเทศ ได้แก่
ประเทศจีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐ บวก
เยอรมนี) และ
สหภาพยุโรปการเจรจาอย่างเป็นทางการสู่แผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วมต่อโครงการนิวเคลียร์อิหร่านเริ่มด้วยการลงมติรับ
แผนปฏิบัติการร่วม ซึ่งเป็นความตกลงชั่วคราวที่ลงนามระหว่างอิหร่านและประเทศพี5+1 ในเดือนพฤศจิกายน 2556 อีกยี่สิบเดือนถัดมา ประเทศอิหร่านและประเทศพี5+1 เจรจากัน และในเดือนเมษายน 2558 มีการตกลง
กรอบข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านสำหรับความตกลงสุดท้ายและในเดือนกรกฎาคม 2558 ประเทศอิหร่านและพี5+1 ตกลงกับแผนนี้
[4]ภายใต้ความตกลงนี้ ประเทศอิหร่านตกลงกำจัดคลัง
ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะปานกลาง ตัดคลังยูเรเนียมเสริมสมรรถนะต่ำ 98% และลดเครื่องหมุนเหวี่ยงแก๊สลงประมาณสองในสามเป็นเวลา 13 ปี อีก 15 ปีถัดจากนี้ อิหร่านจะเสริมสมรรถนะยูเรเนียมได้ไม่เกิน 3.67% ประเทศอิหร่านยังตกลงไม่สร้างเครื่องปฏิกรณ์น้ำหนักใหม่เป็นระยะเวลาเดียวกัน กิจกรรมเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใด ๆ จะถูกจำกัดอยู่ที่สิ่งอำนวยความสะดวกเดี่ยวที่ใช้เครื่องปั่นเหวี่ยงรุ่นแรกเป็นเวลา 10 ปี สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นจะถูกแปลงเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ขยาย เพื่อเฝ้าสังเกตและพิสูจน์ยืนยันการปฏิบัติตามของอิหร่านกับความตกลงนี้
ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) จะสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกนิวเคลียร์ทั้งหมดของอิหร่านสม่ำเสมอ ความตกลงนี้กำหนดว่าเพื่อแลกเปลี่ยนกับการปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนอย่างพิสูจน์ยืนยันได้ ประเทศอิหร่านจะได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐ สหภาพยุโรปและ
วิธีการบังคับที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ประธานาธิบดีสหรัฐ
ดอนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าสหรัฐจะไม่รับรองความตกลงดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรตามกฎหมายในประเทศสหรัฐ แต่ยังไม่เลิกข้อตกลง
[5]ผู้ตรวจสอบของ IAEA ใช้เวลา 3,000 วันปฏิทินต่อปีในประเทศอิหร่าน ติดตั้งซีลป้องกันการปลอมแปลง และเก็บรวบรวมภายถ่ายกล้องตรวจตรา วัดข้อมูลและเอกสารเพื่อการวิเคราะห์เพิ่มเติม
[6] ผู้อำนวยการ IAEA ยูกิยะ อะมาโนะแถลงในเดือนมีนาคม 2561 ว่าองค์การพิสูจน์ยืนยันว่าประเทศอิหร่านนำข้อผูกมัดที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ของตนไปปฏิบัติ วันที่ 30 เมษายน 2561 สหรัฐและอิสราเอลว่าอิหร่านไม่เปิดเผยโครงการอาวุธนิวเคลียร์ลับในอดีตต่อ IAEA ที่กำหนดตามข้อตกลงในปี 2558
[7][8]วันที่ 8 พฤษภาคม 2561 ทรัมป์ประกาศว่าถอนตัวสหรัฐจากแผนฯ
[9][10] ให้หลังการถอนตัวดังกล่าว สหภาพยุโรปตราบทกฎหมายยับยั้งในวันที่ 7 สิงหาคม 2561 เพื่อทำให้วิธีการบังคับของสหรัฐต่อประเทศที่ค้ากับอิหร่านเป็นโมฆะ
[11] ในเดือนพฤศจิกายน 2561 วิธีการบังคับของสหรัฐกลับมามีผลโดยตั้งใจบังคับให้อิหร่านเปลี่ยนนโยบายของประเทศอย่างมาก รวมทั้งการสนับสนุนกลุ่มนักรบในภูมิภาคและการพัฒนา
ขีปนาวุธร่อน[12]ในเดือนพฤษภาคม 2562 IAEA รับรองว่าประเทศอิหร่านปฏิบัติตามเงื่อนไขหลักของข้อตกลง แม้มีการยกคำถามเกี่ยวกับจำนวนเครื่องหมุนเหวี่ยงขั้นสูงที่ประเทศอิหร่านได้รับอนุญาตให้มีได้ เพราะมีบทนิยามไว้หลวม ๆ ในข้อตกลงเท่านั้น
[13]วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ประเทศอิหร่านประกาศว่าประเทศละเมิดขีดจำกัดที่ตั้งไว้ต่อคลังยูเรเนียมเสริมสมรรถนะต่ำ
[14] ไม่นานหลังประกาศ IAEA ยืนยันว่าคลังยูเรเนียมเสริมสมรรถนะรวมของอิหรานเกิดขีดจำกัดของข้อตกลง ไม่นานต่อมา อิหร่านประกาศเพิ่มการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเกินขีดจำกัดที่ตกลงกันไว้
[15] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ ทวีตว่ามาตรการที่อิหร่านใช้เพื่อถอยการผูกมัดของตนต่อข้อตกลงนิวเคลียร์สามารถย้อนกลับได้หากผู้ลงนามในยุโรปบรรลุข้อผูกมัดของพวกตนบ้าง
[16]