ผลสืบเนื่อง ของ แผนลับ_20_กรกฎาคม

สนามที่เบ็นท์เลอร์บล็อก ที่ซึ่งชเตาเฟินแบร์ค อ็อลบริชท์ และคนอื่นถูกประหารชีวิตอนุสรณ์ที่เบ็นท์เลอร์บล็อก เขียนว่า "บุคคลเหล่านี้ตายเพื่อเยอรมนีเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 1944 พลเอกอาวุโสลูทวิช เบ็ค, พลเอกทหารราบฟรีดริช อ็อลบริชท์, พันเอกเคลาส์ กราฟ เช็งค์ ฟ็อน ชเตาฟ์เฟินแบร์ค, พันเอกอัลเบร็ชท์ ริทเทอร์ แมทซ์ ฟ็อน เควียร์นไฮม์, ร้อยโทแวร์เนอร์ ฟ็อน เฮ็ฟเทิน"

อีกหลายสัปดาห์ถัดมา ด้วยความโกรธเกรี้ยวของฮิตเลอร์ ตำรวจตำรวจลับของฮิมเลอร์ล้อมจับแทบทุกคนที่มีส่วนกับแผนลับดังกล่าวแม้เพียงเล็กน้อย การค้นพบจดหมายและบันทึกประจำวันในบ้านและสำนักงานของผู้ที่ถูกจับกุมนั้นเปิดเผยแผนการตั้งแต่ ค.ศ. 1938, 1939 และ 1943 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตามมาอีกหลายรอบ รวมทั้งการจับกุมฟรันซ์ ฮัลเดอร์ที่เสียชีวิตในค่ายกักกัน และด้วยกฎหมายซิพเพนฮัฟท์ (ความรับผิดทางสายเลือด) ญาติทุกคนของผู้ก่อการคนสำคัญถูกจับกุมด้วยเช่นกัน

มีผู้ถูกจับกุมกว่า 7,000 คน[30] และราว 4,980 คนถูกประหารชีวิต[31] ใช่ว่าทุกคนที่ถูกจับกุมหรือประหารชีวิตเชื่อมโยงกับแผนลับนี้ เพราะตำรวจลับฉวยโอกาสดังกล่าวสะสางกับอีกหลายคนที่ต้องสงสัยว่าเข้าข้างฝ่ายต่อต้าน วิทยุอังกฤษยังออกชื่อผู้ต้องสงสัยที่เป็นไปได้ที่ไม่เกี่ยวข้องแต่ภายหลังก็ถูกจับกุม[32]

ผู้ก่อการพยายามหลบหนีหรือปฏิเสธความผิดเมื่อถูกจับกุมน้อยมาก ผู้รอดชีวิตจากการสอบปากคำจะถูกนำตัวมาพิจารณาคดีพอเป็นพิธีต่อหน้าศาลประชาชน (โฟล์กสเกริชท์ชอฟ) ศาลเถื่อนซึ่งตัดสินเข้าข้างฝ่ายอัยการเสมอ ประธานศาลประชาชน โรลันท์ ไฟรส์เลอร์ เป็นพวกคลั่งนาซี มีผู้เห็นว่าตะโกนอย่างเดือดดาลและหยาบคายต่อผู้ถูกกล่าวหาในการพิจารณา ซึ่งมีการถ่ายภาพยนตร์ด้วยเหตุผลด้านการโฆษณาชวนเชื่อ[33] นายทหารที่เกี่ยวข้องกับแผนลับถูก "ไต่สวน" ต่อหน้าศาลเกียรติยศทหาร ศาลทหารที่ตัดสินคดีด้วยการพิจารณาหลักฐานที่ตำรวจลับตกแต่งมาให้ก่อนขับผู้ถูกกล่าวหาออกจากกองทัพว่าทำให้เสื่อมเสีย แล้วส่งตัวให้ศาลประชาชน

การพิจารณาครั้งแรกมีขึ้นเมื่อวันที่ 7 และ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1944 ฮิตเลอร์สั่งให้ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงถูก "แขวนคอเหมือนวัวควาย"[33] หลายคนชิงฆ่าตัวตายก่อนถึงการพิจารณาหรือการประหารชีวิตของตน รวมทั้งคลูเกอ ที่ถูกกล่าวหาว่ารู้เห็นกับแผนลับล่วงหน้าและไม่ได้เปิดเผยต่อฮิตเลอร์ ชตึลพ์นาเกิลพยายามฆ่าตัวตายเช่นกัน แต่รอดและถูกแขวนคอ

ขณะถูกทรมานนั้น เขาโพล่งชื่อร็อมเมิลออกมา อีกไม่กี่วันถัดมา ที่ปรึกษาส่วนตัวของชตึลพ์นาเกิล เซซาร์ ฟ็อน ฮอฟัคแคร์ ยอมรับหลังจากถูกทรมานอย่างน่าสยดสยองว่าร็อมเมิลเป็นสมาชิกปฏิบัติการของแผนคบคิดดังกล่าวด้วย ร็อมเมิลมีส่วนเกี่ยวข้องขนาดไหนนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่นักประวัติศาสตร์จำนวนมากสรุปว่า อย่างน้อยเขาก็ทราบแผนคบคิดดังกล่าวแม้ไม่ได้พัวพันโดยตรงก็ตาม อย่างไรก็ตาม ฮิตเลอร์ทราบว่าจะเป็นกรณีอื้อฉาวใหญ่หลวงแก่สาธารณะ หากร็อมเมิลถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ ติดดังนี้แล้ว เขาจึงให้ทางเลือกร็อมเมิลว่าจะฆ่าตัวตายด้วยไซยาไนต์เอง หรือเข้าสู่การบวนการไต่สวนพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยโดยศาลประชาชน หากร็อมเมิลเลือกรับการไต่สวนพิจารณาคดี ครอบครัวของเขาจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงแม้ก่อนการพิพากษาลงโทษที่แน่นอน และพวกเขาจะถูกประหารชีวิตไปพร้อมกับเสนาธิการของเขาด้วย ร็อมเมิลทราบดีว่าการยอมถูกพิจารณาตัดสินคดีในศาลประชาชนมีค่าเท่ากับโทษประหาร เขาจึงทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1944 เขาถูกฝังอย่างสมเกียรติทหาร บทบาทของเขาในเรื่องนี้เปิดเผยหลังสงครามยุติ[14]

เทร็สโคก็ฆ่าตัวตายหนึ่งวันหลังจากรัฐประหารที่ล้มเหลวโดยการใช้ระเบิดมือในดินแดนไม่มีเจ้าของระหว่างแนวรบรัสเซียกับเยอรมัน ก่อนตาย เทร็สโคว่าแก่ฟาเบียน ฟ็อน ชลาเบรนดอร์ฟดังนี้

แม้โลกทั้งใบจะประณามเราในตอนนี้ แต่ผมยังเชื่อเต็มที่ว่าเราทำสิ่งที่ถูก ฮิตเลอร์เป็นศัตรูสำคัญไม่เฉพาะแต่กับเยอรมนีเท่านั้น แต่กับโลกทั้งใบด้วย ภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเมื่อผมไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเพื่อทูลอธิบายต่อสิ่งใดที่ผมได้ทำลงไปแล้วและยังไม่ได้ทำนั้น ผมทราบว่าผมจะสามารถให้ความชอบธรรมได้ต่อสิ่งที่ผมทำไปในการต่อสู้กับฮิตเลอร์ พระเจ้าทรงให้สัญญาแก่อับราฮัมว่าพระองค์จะไม่ทรงทำลายนครโซดอม ถ้าหากยังสามารถหาผู้ชอบธรรมได้สิบคนในนครนั้น ฉะนั้นผมจึงหวังว่า เพื่อเห็นแก่พวกเรา พระเจ้าก็คงจะไม่ทรงทำลายเยอรมนี ไม่มีใครในหมู่พวกเราที่จะคร่ำครวญเกี่ยวกับการตายของตัวเองได้ ผู้ยินยอมเข้าร่วมวงกับพวกเรานั้นได้ยอมสวมเสื้อคลุมพิษแห่งเนสซุสไว้แล้ว บูรณภาพแห่งศีลธรรมของมนุษย์เริ่มขึ้นเมื่อเขาพร้อมสละชีวิตตนเองเพื่อสิ่งที่เขาเชื่อ[34]

และความล้มเหลวในการรายงานแผนลับดังกล่าวอย่างชัดเจน เขาถูกจับกุมในวันที่ 21 กรกฎาคม ภายหลังฟร็อมถูกศาลประชาชนพิพากาษาลงโทษและตัดสินประหารชีวิต แม้เขาเกี่ยวข้องกับการคบคิด แต่คำพิพากษาทางการของเขาระบุข้อกล่าวหาว่าเขาบกพร่องในหน้าที่ เขาถูกประหารชีวิตในบรันเดินบวร์คอันแดร์ฮาเฟิล ฮิตเลอร์เปลี่ยนโทษประหารชีวิตของเขาจากแขวนคอไปเป็นชุดยิง "ที่มีเกียรติกว่า" ด้วยตนเอง แอร์วีน พลังค์ บุตรชายนักฟิสิกส์ชื่อดัง มักซ์ พลังค์ ถูกประหารชีวิตจากการมีส่วนร่วมด้วย[35][36]

รายงานของคัลเทินบรุนเนอร์ต่อฮิตเลอร์ ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1944 ว่าด้วยเบื้องหลังของแผนคบคิดดังกล่าว ระบุว่าพระสันตปาปาเป็นผู้ก่อการในทางใดทางหนึ่งด้วย โดยเจาะจงชื่อยูจีนิโอ ปาเซลลี สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ว่ามีส่วนในแผนลับด้วย[37] หลักฐานชี้ว่า ผู้ก่อการ พันเอกเวสเซิล ฟ็อน ไฟรทาค-โลริงโฮเฟิน, พันเอกแอร์วีน ฟ็อน ลาโฮอูเซิน และพลเรือเอก วิลเฮ็ล์ม คานาริสเกี่ยวข้องกับการขัดขวางแผนลักพาตัวหรือลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระสันตปาปาปิอุสที่ 12 ของฮิตเลอร์ใน ค.ศ. 1943 เมื่อคานาริสรายงานข้อมูลแผนนี้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่อต้านข่าวกรองของอิตาลี พลเอกเซซาเร อาแมะ ซึ่งได้ส่งต่อข้อมูลดังกล่าว[38][39]

หลังวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 เมื่อผู้พิพากษาไฟรส์เลอร์เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดทางอากาศของสหรัฐ ก็ไม่มีการพิจารณาอย่างเป็นทางการเพิ่มอีก แต่จวบจนเดือนเมษายน ปีเดียวกัน ซึ่งอยู่ในช่วงปลายสงคราม มีการค้นพบบันทึกประจำวันของคานาริส และอีกหลายคนถูกซัดทอด การประหารชีวิตดำเนินต่อไปจนกระทั่งวันสุดท้ายของสงคราม

การพิจารณาและการประหารชีวิตตามรายงานนั้นได้ถูกถ่ายภาพยนตร์ไว้และถูกตรวจสอบโดยฮิตเลอร์และคณะผู้ติดตามของเขา ภาพยนตร์เหล่านี้ภายหลังถูกตัดต่อโดยเกิบเบิลส์เป็นภาพยนตร์ความยาว 30 นาที และถูกฉายให้แก่นักเรียนนายร้อยที่โรงเรียนนายร้อยลิคแตร์เฟลเดอ แต่เชื่อกันว่าผู้ชมเดินออกจากการฉายด้วยอาการขยะแขยง[40]

ฮิตเลอร์ถือเอาว่าการรอดชีวิตของเขานั้นเป็น "ช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์" และมอบหมายให้มีการจัดทำเครื่องอิสรยาภรณ์ ผลก็คือ เหรียญผู้บาดเจ็บ 20 กรกฎาคม 1944 ซึ่งฮิตเลอร์มอบให้แก่ผู้ที่อยู่กับเขาในห้องประชุมในเวลานั้น เหรียญนี้ถูกจัดทำขึ้น 100 เหรียญ[41] และเชื่อกันว่ามีการมอบให้จำนวน 47 เหรียญ พร้อมด้วยเอกสารรางวัลอันหรูหราที่มอบให้แก่ผู้ได้รับเหรียญซึ่งลงนามส่วนตัวโดยฮิตเลอร์ ทำให้มันเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์ที่มีการมอบน้อยที่สุดของนาซีเยอรมนี[42]

จากบทบาทในการยุติรัฐประหาร พันตรีเรเมอร์ได้รับการเลื่อนยศเป็นพันเอกและเมื่อสงครามยุติ เขามียศเป็นพลตรี หลังสงคราม เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสังคมนิยมไรช์และเป็นพวกนีโอนาซีคนสำคัญและสนับสนุนแนวคิดคัดค้านการล้างชาติโดยนาซีกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1997[43]

ฟิลิพพ์ ฟ็อน เบอเซลาแกร์ นายทหารเยอรมันผู้จัดหาระเบิดพลาสติกที่ใช้ในเหตุดังกล่าวนั้น สามารถหลบหนีการถูกตรวจพบและรอดชีวิตจากสงคราม เขาเป็นผู้ร่วมขบวนการผู้รอดชีวิตคนที่สองรองจากสุดท้าย และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 อายุได้ 90 ปี[44]

ผลของรัฐประหาร สมาชิกทุกคนของกองทัพบกถูกบังคับให้สาบานความจงรักภักดีต่อฮิตเลอร์อีกครั้ง และเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 การแสดงความเคารพแบบทหารถูกแทนที่ด้วยการแสดงความเคารพต่อฮิตเลอร์ทั้งกองทัพซึ่งทำโดยยืดแขนออกและเปล่งคำพูดว่า "ไฮล์ ฮิตเลอร์"[45] แม้ว่าเหตุการณ์จะสงบลง แต่เวลาต่อมาในปี 1945 นาซีเยอรมันได้พ่ายแพ้สงครามและฮิตเลอร์ได้กระทำอัตวินิบาตกรรมในฟือเรอร์บุงเคอร์ เวลาต่อมาในอีกหลายปีให้หลังได้การรำลึกต่อกลุ่มบุคคลผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผนลับ 20 กรกฎาคม ซึ่งได้แสดงให้เห็นต่อคนเยอรมันชนรุ่นหลังและชาวโลกว่า ชาวเยอรมันทุกคนไม่ได้เป็นอย่างฮิตเลอร์และพรรคนาซี และกลุ่มบุคคลเหล่านี้ตายเพื่อเยอรมนี

ใกล้เคียง

แผนลับแหกคุกนรก แผนลับ 20 กรกฎาคม แผนลับดับ "ศัตรู" แผนลับแหกคุกนรก ฤดูกาลที่ 1 แผนรักลวงใจ แผนรักฉบับออร์แกนิค แผนผังเรือดำน้ำ แผนลวงสะท้านโลก แผนสังหารนรกทีละขั้น แผนมันชไตน์

แหล่งที่มา

WikiPedia: แผนลับ_20_กรกฎาคม http://www.atypon-link.com/OLD/doi/pdf/10.1524/VfZ... http://www.cbcpnews.com/?q=node/9249 http://books.google.com/?id=xoTWkzhf2uUC&pg=PA361&... http://histclo.com/essay/war/swc/force/wehr/res/wr... http://www.imdb.com/name/nm0102778/ http://www.imdb.com/title/tt0043461/ http://www.imdb.com/title/tt0047790/ http://www.imdb.com/title/tt0062038/ http://www.imdb.com/title/tt0100376/ http://www.imdb.com/title/tt0102778/