AesalinaeLampriminaeLucaninaeSyndesinaeและมี 2 ชนิด ที่จัดอยู่ในแต่ละ
สกุลเดียวและไม่จัดอยู่ในวงศ์ย่อยใด ๆ
[1]แมงคีม หรือ
ด้วงเขี้ยวกาง หรือ
ด้วงคีม เป็น
แมลงปีกแข็งใน
วงศ์ Lucanidae ซึ่งยังแบ่งออกได้เป็นวงศ์ย่อยอีก 4 วงศ์ (ดูในตาราง) พบประมาณ 1,200
ชนิดแมงคีมมีลักษณะเด่นคือ ใน
ตัวผู้จะมี
ขากรรไกรล่างที่มีขนาดใหญ่และกางเข้าออกได้เหมือน
คีมหรือ
กรรไกรอันเป็นที่มาของชื่อเรียก ซึ่งใช้สำหรับเป็นอาวุธในการต่อสู้กันและแย่งตัวเมียเช่นเดียวกับแมลงปีกแข็งในวงศ์
Dynastinae ขณะที่
ตัวเมียจะมีขนาดและขากรรไกรเล็กกว่า มี
สีลำตัวที่อ่อนกว่า แมงคีมมีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 12
เซนติเมตร ขณะที่บางชนิดที่ขนาดเล็กมีความยาวเพียง 5 เซนติเมตรเท่านั้น มีลำตัวโดยรวมค่อนข้างแบน มีหนวดแบบหักเหมือนข้อศอก โดยมีปล้องแรกยาวและปล้องต่อ ๆ ไปเป็นปล้องสั้น ๆ เรียงตัวกันในทิศทางเดียวกันแต่เป็นคนละทิศกับหนวดปล้องแรก ปล้องใกล้ส่วนปลายมีหลายปล้องที่ขยายใหญ่ขึ้นเป็นปมอาจจะประกอบไปด้วยปล้องเล็ก ๆ 3-4 ปล้อง หรือ 5-6 ปล้อง ซึ่งจำนวนปล้องที่ปลายหนวดนี้มีส่วนสำคัญในการ
อนุกรมวิธานด้วยแมงคีมวาง
ไข่และตัว
หนอนเจริญเติบโตในซาก
ไม้ผุเช่นเดียวกับแมลงปีกแข็งในวงศ์ Dynastinae แต่จะไม่วางไข่ใน
ดิน เพราะระยะเป็นตัว
หนอนจะกินอาหารจำพวกไม้ผุหรือ
เห็ดราที่ติดมากับไม้เหล่านั้น แตกต่างกันไปตาม
ชนิดหรือ
สกุล โดยใช้เวลาฟักเป็นตัวเต็มวัยนานเป็นแรมปีเหมือนกัน
[2]แมงคีมพบได้ทั่วโลก ปกติเป็นแมลงที่ไม่ก้าวร้าวต่อ
มนุษย์ ใน
ประเทศไทยสามารถพบได้หลายชนิด อาทิ
แมงคีมยีราฟ (Prosopocoilus giraffa) ซึ่งเป็นชนิดที่มีขนาดใหญ่ มีที่มีขนาดพอ ๆ กับ
นิ้วมือมนุษย์ พบได้ใน
ป่าเบญจพรรณและ
ป่าดิบแล้งใน
ภาคเหนือและ
ภาคตะวันออก เป็นชนิดที่หายากใกล้สูญพันธุ์มากแล้ว และมีรายชื่อเป็น
สัตว์ป่าคุ้มครองตาม
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ด้วย
[3]แมงคีมนิยมเลี้ยงเป็น
สัตว์เลี้ยงใช้สำหรับต่อสู้กันเช่นเดียวกับแมลงปีกแข็งในวงศ์ Dynastinae ซึ่งอาจจะใช้ต่อสู้ด้วยกันก็ได้ และเป็นที่นิยมสะสมของนักสะสมแมลง
[4]