แมงดาจาน (
ชื่อวิทยาศาสตร์: Tachypleus gigas) เป็น
แมงดาเพียงหนึ่งในสอง
ชนิดที่พบได้ใน
ประเทศไทย [อีกชนิดคือ
แมงดาถ้วย (Carcinoscorpius rotundicauda)] และจัดเป็นหนึ่งในสองชนิดที่อยู่ใน
สกุล Tachypleus [อีกชนิดคือ
แมงดาญี่ปุ่น (T. tridentatus)] แมงดาจานมีลักษณะกระดองแบนราบและกว้างกว่าแมงดาถ้วย หางมีลักษณะเป็นสันนูนขึ้นมาเป็น
สามเหลี่ยม มีสันซึ่งมีหนามเล็ก ๆ เรียงเป็นแถวตามความยาวอยู่ตรงกลางด้านบนของหาง ตัวผู้มีขอจับพองออกเป็นกระเปาะ 2 คู่ ตัวเมียมีหนามบริเวณขอบด้านข้างของส่วนท้องขนาดยาว 3 คู่แรก และสั้น 3 คู่หลังในตัวผู้มีขนาดความยาวใกล้เคียงกัน ด้านท้องมี
สีน้ำตาลอ่อนและมีสีเข้มตอนขอบหน้า ขนาดใหญ่สุดมี
ความกว้างของกระดอง ไม่เกิน 25
เซนติเมตร หรือประมาณเท่า
จานข้าวใบใหญ่ อันเป็นที่มาของชื่อ สีของกระดองอ่อนกว่าแมงดาถ้วย
ความยาวของกระดองประมาณ 35–40 เซนติเมตร พบกระจายทั่วไปในเขต
ชายฝั่งของ
มหาสมุทรแปซิฟิกและ
มหาสมุทรอินเดีย, ทางตะวันออกของ
อ่าวเบงกอล,
อินโดนีเซีย,
เวียดนาม,
ซาราวัก,
มาเลเซีย,
สิงคโปร์,
ไทย ไปจนถึง
จีน สำหรับในประเทศไทยซึ่งพบแพร่กระจายชุกชุมทั้ง 2 ฟาก ในฝั่ง
ทะเลอันดามันพบได้ตั้งแต่บริเวณ
จังหวัดสมุทรสาคร,
สมุทรสงคราม,
เพชรบุรีถึง
ชุมพร ในฝั่ง
อ่าวไทยพบได้ที่
จังหวัดสมุทรปราการ,
ฉะเชิงเทรา,
ชลบุรีจนถึง
จันทบุรีแมงดาจานนั้น มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า
แมงดาทะเลหางเหลี่ยม หรือ
แมงดาทะเลหางสามเหลี่ยม ตามลักษณะของหาง จัดเป็นแมงดาชนิดที่
รับประทานได้ โดยนิยมนำไข่และเนื้อมาย่าง หรือทำเป็น
ห่อหมก โดยที่พิษของแมงดาจานนั้น ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานพบ แต่ทว่าในต่างประเทศ มีรายงานพบประมาณร้อยละ 10 เช่นที่
สิงคโปร์แมงดาจานอาศัยอยู่บริเวณน้ำตื้นตามชายฝั่งทะเล โดยวางไข่ไว้บนหาดทรายด้วยการขุดหลุมประมาณ 8–12 หลุม วางไข่แต่ละครั้งประมาณ 9,000 ฟอง ช่วงต้น
ฤดูร้อนประมาณตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกันยายน โดยจะวางไข่ในช่วง
น้ำขึ้นสูงสุดประมาณ 2–3 วัน ทุก ๆ รอบ 15 วัน ไข่มีสีเหลืองอ่อน และมีขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลาง 3-4 มิลลิเมตร