สโมสรอาชีพ ของ แอดัม_ลัลลานา

เซาแทมป์ตัน

ลัลลานาลงเล่นให้กับเซาแทมป์ตันในปี ค.ศ. 2013

ลัลลานาลงเล่นนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 นัดเปิดฤดูกาล ในนัดที่ เซาแทมป์ตัน พ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ซิตี 2-3 ต่อมา ลัลลานาทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ เซาแทมป์ตัน เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-1 ต่อมา ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลัลลานาทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ เซาแทมป์ตัน เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-0 ต่อมา ลัลลานาทำประตูที่ 50 ในการเล่นฟุตบอลอาชีพของเขาในนัดที่ เซาแทมป์ตัน เอาชนะ เรดิง 2-0

ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2013 ลัลลานาต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรเซาแทมป์ตัน เป็นเวลา 5 ปี ต่อมา ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 ลัลลานาทำประตูในนัดที่ เซาแทมป์ตัน เอาชนะ ฮัลล์ซิตี 4-1

ในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ติด 1 ใน 6 เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ในวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอพร้อมกับ ลู้ก ชอว์ กองหลังของเซาแทมป์ตัน ต่อมา ในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาคว้า 2 รางวัลของสโมสรเซาแทมป์ตัน ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมเซาแทมป์ตัน และ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนบอล

ลิเวอร์พูล

ฤดูกาล 2014-15

ลัลลานาลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลในปี ค.ศ. 2014

ในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ย้ายจากเซาแทมป์ตันมาอยู่กับลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ โดยได้สวมเสื้อหมายเลข 20[2] ในวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานามีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าระหว่างซ้อมให้กับสโมสรที่บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ช่วงก่อนฤดูกาล ทำให้เขาต้องพักยาว 6 สัปดาห์ จึงไม่สามารถลงสนามในพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาลที่จะเจอกับเซาแทมป์ตัน ทีมเก่าของเขา ต่อมา ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ลงสนามนัดแรกให้กับลิเวอร์พูลในนัดที่ 4 ของฤดูกาล โดยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 61 ในนัดที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟีลด์แพ้แอสตันวิลลา 0-1 ต่อมา ในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ทำประตูแรกให้กับลิเวอร์พูลในนัดที่เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะเวสต์บรอมมิชอัลเบียน 2-1 โดยทำประตูได้ก่อนหมดครึ่งแรก[3] และประตูนี้ของลัลลานาทำให้ได้รับการโหวตเป็นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคมจาก EA SPORTS[4] ต่อมา ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ลิเวอร์พูลเอาชนะเลสเตอร์ซิตี 3-1 ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม[5] ต่อมา ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 4-1[6] [7]

ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบห้า ลัลลานาได้ทำประตูชัยให้ลิเวอร์พูลเอาชนะคริสตัลพาเลซ 2-1 ที่เซลเฮิสต์พาร์ก ช่วยให้ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบแปดทีมสุดท้ายของเอฟเอคัพได้สำเร็จ[8] ต่อมา ลัลลานาได้มีอาการบาดเจ็บอีกครั้งที่โคนขาหนีบ จากเกมลีกนัดที่แพ้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-2 ทำให้เขาต้องถอนตัวจากทีมชาติอังกฤษ ต่อมา ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2015 ลัลลานาได้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษของของลีกรองอังกฤษในงานประกาศรางวัลของเดอะฟุตบอลลีก ต่อมา ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ลัลลานาได้ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้คริสตัลพาเลซ 1-3[9] จบฤดูกาล ลัลลานายิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 5 ประตูจาก 27 นัด

ฤดูกาล 2015-16

ในวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2015 ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2015–16 รอบแบ่งกลุ่ม ลัลลานาทำประตูแรกให้กับลิเวอร์พูล ในนัดที่ลิเวอร์พูลเสมอกับบอร์โด 1-1[10] [11] ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2015 ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2015–16 รอบแบ่งกลุ่ม ลัลลานาทำประตูที่ 2 ในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ 1-1[12] ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2016 ลัลลานาลงสนามเป็นตัวสำรองแทน จอร์ดอน ไอบ์ และทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย ในนัดที่ลิเวอร์พูลเอาชนะนอริชซิตีที่แคร์โรว์โรด 5-4[13] [14] ต่อมา ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับซันเดอร์แลนด์ 2-2[15]

ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ฟุตบอลลีกคัพ 2016 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ ในช่วง 90 นาที ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี 1-1 ทำให้ต้องตัดสินในการยิงจุดโทษ ลัลลานายิงจุดโทษพลาดโดน วีลลี กาบาเยโร ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ซิตี เซฟเอาไว้ได้ สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายแพ้ในการยิงจุดโทษ 1-3 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกคัพ อย่างน่าเสียดาย[16] ต่อมา ในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2016 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี อีกครั้ง ในพรีเมียร์ลีก โดยลัลลานาทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-0[17] ต่อมา ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-2[18] ต่อมา ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ลัลลานาทำประตูที่ 3 ในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บิยาร์เรอัล 3-0 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ บิยาร์เรอัล 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่ายูโรปาลีกได้สำเร็จ[19]

ฤดูกาล 2016-17

ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2016 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2016–17 ลัลลานาทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 4-3[20] ต่อมา ในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 4-1[21] ต่อมา ในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัลล์ซิตี 5-1[22] ต่อมา ในวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-2[23] ต่อมา ในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ลัลลานา ยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มิดเดิลส์เบรอ ที่ริเวอร์ไซด์สเตเดียม 3-0[24] ต่อมา ในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สโตกซิตี 4-1[25]

ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 ลัลลานาตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูลไปจนถึงปี ค.ศ. 2020 พร้อมสิทธิเลือกขยายสัญญาอีก 1 ปี รับค่าเหนื่อยเพิ่มเป็น 110,000 ปอนด์ (ราว 4.95 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์[26] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2016–17 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ มิดเดิลส์เบรอ ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะเพื่อการันตีโควต้าพื้นที่ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ลัลลานาทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เอาชนะ มิดเดิลส์เบรอ 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 4 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ[27] จบฤดูกาล ลัลลานายิงประตูในพรีเมียร์ลีก 8 ประตูจาก 31 นัด

ฤดูกาล 2017-18

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

ฤดูกาล 2018-19

ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[28]

ฤดูกาล 2019-20

ในวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2019 ลัลลานาลงสนามเป็นตัวสำรองและทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 1-1[29] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[30] จบฤดูกาล ลัลลานาช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ และเป็นการคว้าแชมป์ส่งท้ายก่อนสัญญาของเขาหมดลง[31]

แหล่งที่มา

WikiPedia: แอดัม_ลัลลานา http://m.bbc.com/sport/football/37896472 http://englandstats.com/playerreport.php?pid=1200 http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/5... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/a... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/d... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/e... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/f... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/l... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/l... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/l...