มวยปล้ำอาชีพ ของ โคดี_โรดส์

เดอะเลกาซี: แรนดี ออร์ตัน (กลาง), เท็ด ดีบีอาซี (ขวา) และโคดี (ซ้าย)

โคดีเริ่มอาชีพมวยปล้ำในสมาคม OVW ปี 2006[15][16] และได้เป็นทั้งแชมป์เฮฟวี่เวท OVW[1][17], แชมป์เทเลวิชั่น OVW[1], แชมป์เซาต์เทิร์นแทกทีม OVW[18] และแชมป์ทริปเปิลคราวน์คนที่ 4 ของ OVW ก่อนจะเปิดตัวใน WWE ปี 2007[19] และได้รับรางวัลนักมวยปล้ำดาวรุ่งแห่งปี 2007 ได้คว้าแชมป์โลกแท็กทีมสมัยแรกคู่กับฮาร์ดคอร์ ฮอลลี‎[20] ในปี 2008 โคดีได้เปลี่ยนคู่แท็กทีมเป็นเท็ด ดีบีอาซี โดยการหักหลังฮอลลีและนำตำแหน่งไปให้เท็ด‎ตั้งชื่อทีมว่าไพรซ์เลส (Priceless)[21][22] ในปี 2009 โคดีกับเท็ดก็ได้ไปร่วมทีมกับแรนดี ออร์ตันกลายเป็นเดอะเลกาซี (The Legacy)[23][24] ช่วงต้นปี 2010 กลุ่มเลกาซีได้มีปัญหากัน[25][26] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 กลุ่มเลกาซีเจอกันแบบสามเส้าโดยออร์ตันเป็นฝ่ายชนะยุติบทบาทกลุ่มลงหลังจากร่วมกลุ่มกันมายาวนานถึง 18 เดือน[27]

โคดีได้เปลี่ยนบทบาทใหม่โดยใช้ฉายา "แดชชิ่ง" โคดี โรดส์[28][29] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2010)ได้คว้าแชมป์แท็กทีม WWEร่วมกับดรูว์ แม็กอินไทร์ในชื่อทีม DashingOne[30][31][32] ก่อนจะเสียให้จอห์น ซีนาและเดวิด โอทังกาในแบรกกิ้ง ไรท์ส (2010)[33] จากการถูกเรย์ มิสเตริโอใส่ 619 จนดั้งหักในสแมคดาวน์เดือนมกราคมทำให้เขาถอนตัวจากรอยัลรัมเบิล (2011) รวมถึงอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2011)ที่ไม่ได้ลงแข่ง ทำให้โคดีแค้นและทำร้ายเรย์[34][35][36] ต่อมาดัสตี โรดส์ พ่อของโคดีออกมาบอกให้โคดีขอโทษเรย์แล้วโคดีก็ขอโทษ จากนั้นเมื่อเรย์จะเดินกลับดัสตีก็ดึงมือเรย์ไว้แล้วโคดีก็เล่นงานเรย์ จับอัดใส่มอนิเตอร์แล้วถอดหน้ากากของเรย์ออก ต่อมาโคดีได้ล้อเลียนเรย์โดยการเปิดเพลงทำท่าเลียนแบบรวมถึงใส่หน้ากากที่ดึงมาจากเรย์อีกด้วย แล้วพูดท้าทายว่าจะต้องเจอกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 สุดท้ายโคดีเป็นฝ่ายชนะ[37] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2011)ดีแพ้ให้เรย์แบบจับกดที่ไหนก็ได้[38] ในสแมคดาวน์ 12 สิงหาคม 2011 โคดีสามารถคว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลสมัยแรกได้จากอีซีคีล แจ็กสัน[39] โคดีได้เปิดศึกกับบิ๊กโชว์โดยดึงมือบิ๊กโชว์ทำให้ตกรอบในแบทเทิลรอยัลหาผู้ท้าชิงแชมป์ WWE จากนั้นโคดีได้ทำคลิปล้อเลียนบิ๊กโชว์ โดยเอาภาพที่น่าอับอายของบิ๊กโชว์ในเรสเซิลเมเนียแต่ละปีมาล้อเลียน ทำให้บิ๊กโชว์แค้นมากจึงได้ท้าชิงแชมป์อินเตอร์ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28และโคดีก็เสียแชมป์[40] แต่ก็คว้าคืนมาได้แบบใช้โต๊ะในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2012)[41] ก่อนจะเสียให้คริสเตียนในโอเวอร์เดอะลิมิต (2012)[42]

ในรอว์ (24 กันยายน 2012) โคดีกับแดเมียน แซนดาวได้มาลอบทำร้ายแดเนียล ไบรอันกับเคน หลังจากที่ไบรอันกับเคนได้ตั้งชื่อทีมเฮลโน แล้วก็ประกาศว่าพวกเขาคือทีมโรดส์สกอลาส์[43] และได้ชิงแชมป์แท็กทีมกับเฮลโนในเฮลอินเอเซล (2012)แต่ไม่สำเร็จ[44] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2013)โคดีได้ถูกแซนดาวหักหลังแย่งกระเป๋าสิทธิ์ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทไป ทำให้ทั้งคู่เป็นศัตรูกัน และโคดีได้กลายมาเป็นฝ่ายธรรมะ[45] ในสแมคดาวน์ (26 กรกฎาคม 2013) โคดีออกมาขโมยกระเป๋าของแซนดาว ก่อนที่โคดีโผล่มาทางจอยักษ์แล้วเอากระเป๋ามาล่อให้แซนดาวออกไปไล่จับโคดีที่นอกสนาม แต่โคดีก็โยนกระเป๋าลงทะเล แซนดาวว่ายน้ำไม่เป็นแต่ก็กระโดดลงน้ำไป สุดท้ายก็เก็บมาไม่ได้ กระเป๋าจมหายไปในทะเล ส่วนแซนดาวตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งมา[46] ในรอว์ (5 สิงหาคม 2013) โคดีออกมาพร้อมกับกล่องใบหนึ่ง แล้วก็ล้วงเอากระเป๋าของแซนดาวที่ยังเปียกๆ และมีสาหร่ายติดอยู่ด้วย โคดีบอกแซนดาวว่าถ้าอยากได้ก็ออกมาเอาสิ แซนดาวออกมาแล้วก็อัดกันไปมาก่อนถูกโคดีถีบตกเวที โคดีเปิดกระเป๋าออกมาแล้วก็หยิบสัญญาชิงแชมป์ที่เปียกโชกออกมาเยาะเย้ย[47] ในสแมคดาวน์ (9 สิงหาคม 2013) แซนดาววิ่งออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหม่เพื่อจะชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับอัลเบร์โต เดล รีโอ แต่โคดีมากระโดดถีบและต่อด้วย CrossRhodes[48] ในซัมเมอร์สแลม (2013)โคดีเอาชนะแซนดาวไปได้จบเรื่องราว[49]

โคดีและโกลดัสต์

ในรอว์ (2 กันยายน 2013) หลังจากที่แพ้แรนดี ออร์ตันนั้นส่งผลให้โคดีต้องถูกไล่ออกจาก WWE โดยคำสั่งของทริปเปิลเอช ประธาน COO[50] ซึ่งแท้จริงแล้วโคดีกำลังเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงานและไปฮันนีมูนกับแฟนสาวอย่าง แบรนดี รีด จึงสร้างเรื่องราวให้เขาถูกไล่ออกตามบท[51] ในรอว์ (30 กันยายน 2013) ทริปเปิลเอชกับสเตฟานี แม็กแมนออกมาที่เวทีและก็เชิญครอบครัวโรดส์ (ดัสตี, โคดี และโกลดัสต์) ให้ออกมาคุยกัน ทริปเปิลเอชบอกว่าเราให้โอกาสพวกนายแล้ว ให้โคดีเจอกับแรนดี ออร์ตันเพื่อรักษางานของโคดีแต่ก็แพ้ จากนั้นเราก็ให้โอกาสอีก ให้โกลดัสต์เจอกับออร์ตันแล้วก็แพ้อีก จากนั้นสเตฟานีก็ให้ดัสตีเลือกว่าจะให้ลูกคนไหนกลับเข้าทำงานแต่เขากลับบอกให้สเตฟานีไปลงนรกซะ ทริปเปิลเอชบอกจะให้โอกาสอีกครั้งให้โคดีกับโกลดัสต์เจอกับเซท รอลลินส์และโรแมน เรนส์ในแบทเทิลกราวด์ ถ้าชนะได้ก็จะให้กลับเข้าทำงานทั้งสองคน แต่ถ้าแพ้ทั้งคู่ก็จะไม่มีวันได้กลับมา WWE อีกตลอดกาล และดัสตีจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ NXT ด้วย ดัสตีขอต่อรองว่าจะอยู่ที่มุมเวทีของลูกๆด้วย ซึ่งสเตฟานีก็ตกลง ครอบครัวโรดส์กำลังเดินกลับแต่ก็โดนเดอะชีลด์ ขึ้นมากระทืบจนนอนกองกันทุกคน ในแบทเทิลกราวด์โคดีและโกลดัสต์เป็นฝ่ายเอาชนะเดอะชีลด์ได้ทำให้ครอบครัวโรดส์ได้กลับมาทำงานใน WWE อีกครั้ง[52]

โกลด์และสตาร์ดัสต์

ในรอว์ (14 ตุลาคม 2013) โคดีและโกลดัสต์ได้คว้าแชมป์แท็กทีมจากรอลลินส์และเรนส์โดยการช่วยเหลือของบิ๊กโชว์[53] ในรอยัลรัมเบิล (2014)เสียแชมป์ให้เดอะนิวเอจเอาต์ลอวส์ (โรด ด็อกและบิลลี กัน) คืนเดียวกันโคดีได้เข้าร่วมรอยัลรัมเบิลออกมาเป็นลำดับที่4 แต่ไม่ได้เป็นผู้ชนะ ในรอว์ (3 กุมภาพันธ์ 2014) โคดีและโกลดัสต์ได้ชิงแชมป์กับนิวเอจเอาต์ลอวส์ในกรงเหล็ก แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์คืนได้[54] ในเพย์แบ็ค (2014) หลังจากโคดีและโกลดัสต์แพ้แมตช์แท็กทีม โคดีบอกให้โกลดัสต์ไปหาคู่แท็กทีมใหม่ ในรอว์ (16 มิถุนายน 2014) โคดีได้เปิดตัวในบทบาทใหม่ในนามสตาร์ดัสต์จับคู่กับโกลดัสต์[55] ในรอว์ (25 สิงหาคม 2014) โกลด์และสตาร์ดัสต์ได้เป็นฝ่ายอธรรมโดยเล่นงานดิอูโซส์ หลังจากไม่สามารถคว้าแชมป์แท็กทีมได้ ทำให้ทั้งคู่ไม่พอใจ ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2014) โกลด์และสตาร์ดัสต์คว้าแชมป์แท็กทีมจากอูโซส์ได้สำเร็จ[56] ก่อนจะเสียแชมป์ให้เดอะมิซและแดเมียน มิซดาวในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2014) ต่อมาได้ทะเลาะกับโกลดัสต์และเจอกันในฟาสต์เลน (2015)แต่สตาร์ดัสต์เป็นฝ่ายแพ้ ต่อมาได้มีเรื่องกับสตีเฟน อาเมล นักแสดงซีรีส์เรื่อง Arrow ทำให้เจอกันแบบแท็กทีมในซัมเมอร์สแลม (2015)โดยสตาร์ดัสต์จับคู่กับคิง บาร์เร็ตต์ แพ้ให้อาเมลจับคู่กับเนวิลล์[57] เขาได้ลาออกจาก WWE ในเดือนพฤษภาคม 2016[58][59][60][61][62][63]

หลังออกจาก WWE โคดีได้เซ็นสัญญาปล้ำให้กับสมาคมอิสระทั่วไป[64][65][66][67][4][68] วันที่ 19 กรกฎาคม 2016 โคดีได้เซ็นสัญญากับริงออฟออเนอร์(ROH)[69] และเซ็นสัญญาสั้นๆกับTNA[70][5] วันที่ 10 ธันวาคม 2016 โคดีได้ร่วมปล้ำกับนิวเจแปนโปรเรสต์ลิง(NJPW) และใช้ฉายา "The American Nightmare"[71][72] ปี 2017 โคดีได้คว้าแชมป์โลก ROHสมัยแรกจากคริสโตเฟอร์ แดเนียลส์และเป็นแชมป์โลกเส้นแรกในอาชีพของเขา[73] วันที่ 1 กันยายน 2018 โคดีกับ The Young Bucks ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดรายการเพย์เพอร์วิวศึก All In[74][75] และโคดีได้คว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวท NWAเป็นสมัยแรกจาก Nick Aldis ทำให้โคดีกับพ่อของเขา ดัสตี โรดส์ เป็นพ่อลูกคู่แรกที่ได้แชมป์โลก NWA[76] ในศึก Fighting Spirit Unleashed ของ NJPW โคดีก็ได้คว้าแชมป์ IWGP United States Championship จาก Juice Robinson เป็นแชมป์เส้นแรกในสมาคม NJPW[77] ในวันที่ 1 มกราคม 2019 โคดีได้เปิดตัวสมาคมใหม่ All Elite Wrestling ซึ่งเขาร่วมกับ Matt และ Nick Jackson จะดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร[78]

แหล่งที่มา

WikiPedia: โคดี_โรดส์ http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2007/07/03/430... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2008/12/08/767... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2009/08/07/103... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/02/22/129... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/03/01/130... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/07/24/148... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/08/07/149... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2011/01/22/169... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2011/02/26/174... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2013/10/06/211...