ประวัติ ของ โนรี_จ๊อกกี้ยิม

โนรีชื่นชอบการชกมวยมาตั้งแต่ยังเด็ก เข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯโดยเข้ามาอยู่ที่ค่ายจ๊อกกี้ยิมของ สมมาตร หงสกุล ที่ย่านถนนพระราม 6 โดยผู้เป็นพ่อนำมาตัวมาฝากไว้ ช่วงแรกขึ้นชกมวยไทยแต่แพ้รวด 3 ครั้ง จึงเปลี่ยนมาชกมวยสากล โดยขึ้นชกครั้งแรกเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ชนะคะแนน ชัย เจริญภาส จากนั้น โนรีแสดงฝีมือได้ดี เช่น ผลัดแพ้ชนะกับ ดาวรุ่ง ชูวัฒนะ ชนะคะแนน สมบัติ เอื้อสัมพันธ์ และเคยเป็นคู่ซ้อมให้กับ สามารถ พยัคฆ์อรุณและ เขาทราย แกแล็คซี่ ได้ครองแชมป์เวทีราชดำเนินรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวท (122 ปอนด์) เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 ด้วยอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น และเริ่มเดินทางไปชกต่างประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2532

โนรีเริ่มมีชื่อเสียงเมื่อชกชนะคะแนน นาโอโตะ ทาคาอิชิ รองแชมป์โลกชาวญี่ปุ่นอย่างขาดลอยในการชกเป็นมวยประกอบรายการ ไมค์ ไทสัน ป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533 หลังจากนั้นกลับมาชกชนะในเมืองไทยอีก 5 ครั้งรวด โนรีจึงได้รับการสนับสนุนให้ชิงแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวท WBA เมื่อ พ.ศ. 2534 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้นชีวิตการชกมวยของโนรีก็ตกต่ำลง โนรีได้มาเป็นคู่ซ้อมให้กับ แสน ส.เพลินจิต ที่กำลังจะขึ้นชิงแชมป์โลกในรุ่นฟลายเวท (112 ปอนด์) ด้วยความที่เป็นนักมวยพิกัดที่ใหญ่กว่า โนรีจึงได้ลงนวมซ้อมให้กับแสนจนกระทั่งได้แชมป์โลกในที่สุด และได้ชกประกอบรายการในจัดของทรงชัย รัตนสุบรรณด้วยใน ช่วง พ.ศ. 2537 แต่ก็มีแพ้บ้าง ชนะบ้าง โนรีมีโอกาสได้ชิงแชมป์ OPBF และ PABA ในช่วง พ.ศ. 2538 - 2539 แต่ไม่สำเร็จ ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 อรทัย กาญจนชูศักดิ์ ได้นำโนรีไปสร้างสรรค์ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ของดี มีคุณภาพ ได้ครองแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์ไลท์เวท (130 ปอนด์) ของ WBF แต่ไม่มีโอกาสขึ้นชกป้องกันตำแหน่งเลย เพราะเจ้าตัวติดยาเสพติดอย่างหนัก และภรรยาและลูกสาวทั้งหมด 3 คนก็ขอแยกทางไป ในช่วงนั้นโนรีมีเงินเก็บเป็นจำนวนมากถึง 10 ล้านบาท แต่ประมาทในชีวิตจึงใช้เงินจนหมด เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้จัดการก็ทอดทิ้ง ในที่สุดโนรีชกนอกรอบแพ้น็อค ชดช้อย ใหม่เมืองคอน ยก 3 จึงถูกปลดจากตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2543 [1]

โนรีขึ้นชกเป็นมวยสากลประกอบรายการที่เวทีลุมพินีอีกไม่นานก็แขวนนวม โดยขึ้นชกครั้งสุดท้ายเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 แพ้น็อค กุหลาบแดง เกียรติกรีรินทร์ ยก 3 ต่อมาโนรีได้หันมาค้ายาเสพติดและถูกตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางเขนจับกุมพร้อมของกลางยาบ้ากว่า 100 เม็ด เมื่อปี พ.ศ. 2544 ต้องโทษอยู่ประมาณ 3 ปี เมื่อออกมาจากเรือนจำเงินที่เก็บไว้ทั้งหมดก็หมด ปัจจุบันโนรีเป็นคนเร่ร่อนที่ท่าน้ำราชวงศ์, ท่าน้ำกรมเจ้าท่า และท่าน้ำสะพานปิ่นเกล้าฝั่งธนบุรี รับจ้างทำความสะอาดในบริเวณนั้นและเป็นคนชี้ทางบอกสถานที่ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา ได้เงินเป็นค่าสินน้ำใจวันละ 200-500 บาท ยังชีพอยู่ได้ด้วยการซื้อของรับประทานจากร้านเซเว่น อีเลฟเว่น[2][1]