คติพราหมณ์ไทย ของ โมหินี

ในคติพราหมณ์ไทย มีอวตารของพระวิษณุองค์หนึ่งเรียกว่า อัปสราวตาร[5] หรือ อัจฉราวตาร[6] มีเนื้อหาใกล้เคียงกับอวตารของโมหินี ในหนังสือ นารายณ์สิบปาง ฉบับโรงพิมพ์หลวง ระบุว่า มีอสูรตนหนึ่งชื่อ อสุรนนทุกพรหม เป็นพนักงานตักน้ำล้างเท้าเทวดา มักถูกเทวดาอื่นกลั่นแกล้งด้วยการทุบโขกศีรษะและดึงเส้นผมจนหัวล้าน ด้วยเหตุนี้นนทุกจึงทูลขอนิ้วเพชรชี้ผู้ใดก็ตายจากพระอิศวร แล้วล้างแค้นด้วยการใช้นิ้วเพชรชี้เทวดาตายเป็นจำนวนมาก พระอิศวรมีเทวโองการให้พระนารายณ์ไปปราบนนทุก ด้วยการอวตารเป็นอัปสร ชื่อนางอัปสรกัญญา (บ้างว่า นางเทพอัปสร หรือสุวรรณอัปสร) นนทุกเห็นเป็นหญิงงามก็เกี้ยวพาราสี นางอัปสรกัญญากล่าวว่าหากรักจริงต้องรำตาม นนทุกจึงตอบตกลง ทั้งสองรำอยู่หลายเพลง จนถึงท่าให้ชี้ที่ขา นนทุกก็หลงกลทำตาม กระดูกขาจึงหายไปเพราะเดชของนิ้วเพชร นนทุกล้มลง พระนารายณ์คืนร่างแล้วก้าวพระบาทเหยียบบนอกของนนทุก พระนารายณ์ชี้แจงเหตุที่ลงทัณฑ์นนทุก แล้วสาปสรรไว้ว่า "ถึงมึงจะมีฤทธิ์เกิดเป็นวงศ์พรหม มีเศียรสิบเศียร ยี่สิบหัตถ์ ถอดดวงใจไว้จากกาย ก็คงจะฆ่ามึงให้ได้ มึงจะเกิดชาติใด กูก็จะตามไปล้างมึงทุกชาติ" แล้วสังหารนนทุก นนทุกไปจุติเป็นอุปปาติกะที่เชิงเขาไกรลาส หลังจากนั้นนนทุกบำเพ็ญเพียรด้วยการบรรเลงดนตรี ครั้นพระอิศวรได้สดับก็พอพระทัยในเสียงเพลง จึงประทานพรให้ว่า "ให้เกิดในวงศ์พรหม มีสิบเศียรยี่สิบหัตถา ถอดดวงชีวิตออกจากกายได้ ให้พรหมลิขิตกำหนดอายุพันหนึ่งเป็นกำหนด" หลังจากนั้นนนทุกไปเกิดเป็นอสูรบนเกาะลงกาชื่อทศกัณฑ์[7] หลังจากนั้นพระนารายณ์อวตารไปเป็นพระรามไปปราบทศกัณฑ์อีกตามพระราชนิพนธ์เรื่อง รามเกียรติ์[8]