ประวัติศาสตร์ ของ โยโกฮามะ

การเปิดท่าเรือตามสนธิสัญญา (ค.ศ. 1859–1868)

กองเรือปืนสหรัฐของพลเรือจัตวาเพอร์รีเข้าเทียบท่าที่โยโกฮามะเพื่อเข้าพบกับข้าหลวงญี่ปุ่น กรกฎาคม 1853

โยโกฮามะเดิมเป็นหมู่บ้านประมงขนาดเล็ก จากนโยบายปิดประเทศของญี่ปุ่นทำให้มีการติดต่อกับชาวต่างชาติเพียงน้อยนิด[1] จุดเปลี่ยนผ่านสำคัญเกิดขึ้นระหว่างปี 1853–54 เมื่อกองเรือปืนของสหรัฐอเมริกานำโดย พลเรือจัตวา แมทธิว ซี. เพอร์รี เดินทางมาถึงทางใต้ของโยโกฮามะ ได้กดดันให้รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะซึ่งปกครองญี่ปุ่นอยู่ในขณะนั้นยอมลงนามในสนธิสัญญาคานางาวะ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นต้องเปิดท่าเรือหลายแห่งเพื่อการค้าขาย[2]

ข้อตกลงในขั้นต้นคือ จะต้องมีท่าเรือหนึ่งแห่งสำหรับเรือต่างชาติเปิดขึ้นที่คานางาวาจูกุ (ปัจจุบันคือเขตคานางาวะ) บนถนนสายโทไกโด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักซึ่งเชื่อมระหว่างเอโดะ เกียวโต และโอซากะ อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลโชกุนติดสินใจว่าคานางาวาจูกุนั้นอยู่ใกล้กับโทไกโดมากเกินไป เพื่อความสะดวกจึงหันไปสร้างท่าเรือพาณิชย์ขึ้นบริเวณหมู่บ้านชาวประมงโยโกฮามะแทน ในที่สุดท่าเรือโยโกฮามะก็เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มิถุนายน 1859[3]การเกิดขึ้นของท่าเรือพาณิชย์ ทำให้โยโกฮามะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญของญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว

เรือพาณิชย์ต่างชาติที่อ่าวโยโกฮามะ

ในปี 1862 ซามูไรหนุ่มคนหนึ่งได้ไปสังหารพ่อค้าชาวอังกฤษในเขตสึรูมิเข้าจนเกิดเป็นกรณีนามามูงิ ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับรัฐบาลโชกุนนั้นตึงเครียด และทางอังกฤษได้จัดตั้งกองทหารรักษาการณ์ของตนเพื่อปกป้องการค้าและผลประโยชน์ของอังกฤษในโยโกฮามะในปีเดียวกันนั้นเอง ในปีถัดมา ความตึงเครียดก็อุบัติเป็นสงครามอังกฤษ-ซัตสึมะซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเสื่อมอำนาจของโชกุน ในช่วงเดียวกันนี้ จำนวนพ่อค้าชาวจีนที่เข้ามาพำนักอยู่ในโยโกฮามะก็เพิ่มขึ้นจำนวนมาก[4]

โยโกฮามะยังเป็นแหล่งแผยแพร่แฟชั่นและวัฒนธรรมตะวันตกแก่ชาวญี่ปุ่นอีกด้วย ในปี 1861 มีการเกิดขึ้นของหนังสือพิงม์ภาษาอังกฤษในญี่ปุ่นฉบับแรก Japan Herald และในปี 1865 ก็มีการนำไอศรีมและเบียร์เข้ามาผลิตในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก[5] ตลอดจนมีการจัดตั้งสโมสรและสนามแข่งม้าแบบตะวันตกแห่งแรกในญี่ปุ่นในปี 1862 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในโยโกฮามะซึ่งได้ทำลายชุมชนของชาวต่างชาติไปเป็นจำนวนมากในเดือนพฤศจิกายน 1866 หรือตลอดจนการระบาดของไข้ทรพิษ แต่เมืองโยโกฮามะก็ยังเติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว

ยุคเมจิและไทโช (ค.ศ. 1868–1923)

ทัศนียภาพเมืองโยโกฮามะในยุคเมจิ

ภายหลังการฟื้นฟูพระราชอำนาจในปี 1868 ท่าเรือโยโกฮามะก็ถูกพัฒนาเพื่อการค้าขายผ้าทอโดยมีอังกฤษเป็นคู่ค้าหลัก อิทธิพลและการส่งผ่านเทคโนโลยีของตะวันตกได้ช่วยให้เกิดหนังสือพิมพ์รายวันฉบับแรกของญี่ปุ่น (1870) โคมไฟส่องถนนพลังก๊าซ (1872) และทางรถไฟสายแรกของญี่ปุ่นระหว่างโยโกฮามะ–ชินางาวะมินาโตะในโตเกียว (1872) เป็นปีเดียวกันกับที่ ฌูล แวร์น ได้เขียนพรรณาเมืองฮิโรชิมะซึ่งเขาไม่เคยได้ไปเยือนมาก่อน ในตอนหนึ่งของหนังสือของเขา Around the World in Eighty Days ซึ่งสะท้อนถึงเมืองที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นเมืองนานาชาติในดินแดนตะวันออก ในปี 1887 พ่อค้าชาวอังกฤษนาม ซามูเอล ค็อกกิง ได้สร้างโรงไฟฟ้าแห่งแรกของเมืองนี้ ซึ่งในช่วงแรกใช้เพื่อกิจการส่วนตัว โรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งนี้เองที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทไฟฟ้าและแสงสว่างโยโกฮามะ เดือนเมษายน 1889 เมืองโยโกฮามะทั้งสองเขตถูกรวมไปหนึ่งเดียวจากการยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตในเขตต่างชาติ

ต้นศตวรรษที่ 20 เป็นยุคที่อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการจำนวนมากสร้างโรงงานบนที่ดินถมทะเลบริเวณทางเหนือของเมืองไปจนถึงเมืองคาวาซากิ ซึ่งในที่สุดพื้นที่นี้ก็กลายเป็นเขตอุตสาหกรรมเคฮิง การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมญี่ปุ่นได้นำมาซึ่งความมั่งคั่ง และครอบครัวพ่อค้าที่ร่ำรวยจำนวนมากก็ได้มาตั้งรกรากที่นี่ ประชากรที่ไหลบ่าเข้ามาจากทั่วญี่ปุ่นและเกาหลีได้ส่งผลให้เกิดโคจิกิยาโตะซึ่งเป็นชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขึ้น

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ. 1923–1945)

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโตวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1923 ได้ทำลายเมืองโยโกฮามะลงอย่างกว้างขวาง ตำรวจโยโกฮามะรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตถึง 30,771 คนและผู้บาดเจ็บอีก 47,908 ราย ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวโยโกฮามะมีประชากรทั้งสิ้น 434,170 คน[6] มีการก่อความไม่สงบและวินาศกรรมขึ้น ผู้ต้องหาส่วนมากเป็นชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสลัมโคจิกิยาโตะ[7] ขณะนั้น มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่าเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลวงนี้เกิดขึ้นจากการใช้มนต์ดำโดยชาวเกาหลี จากความไม่สงบที่เกิดขึ้นทำให้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก แผ่นดินไหวครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดซากปรักหักพังมากมาย ซึ่งหลายบริเวณก็ถูกแปรสภาพเป็นสวนสาธารณะ อาทิ สวนสาธารณะยามาชิตะ

แม้เมืองจะได้รับการบูรณะและกลับมายืนหยัดอย่างรวดเร็ว แต่โยโกฮามะก็ถูกทำลายลงอีกครั้งจากการทิ้งระเบิดทางอากาศของสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การทิ้งระเบิดเพลิงในเช้าวันที่ 29 พฤษภาคม 1945 ครั้งเดียวได้คร่าชีวิตผู้คนในโยโกฮามะไปกว่า 7-8 พันคน การทิ้งระเบิดครั้งนั้นเป็นที่รู้จักในชื่อ "การทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ที่โยโกฮามะ" ซึ่งใช้เวลาในการทิ้งระเบิด 1 ชั่วโมง 9 นาที โดยเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-29[8]

แหล่งที่มา

WikiPedia: โยโกฮามะ http://vancouver.ca/ctyclerk/cclerk/20080311/docum... http://books.google.com/books?id=6O8VyhDbUPgC&prin... http://books.google.com/books?id=6O8VyhDbUPgC&prin... http://www.yokohamaseasider.com http://www.frankfurt.de/sixcms/detail.php?id=3932&... http://www.lyon.fr/vdl/sections/en/villes_partenai... http://id.loc.gov/authorities/names/n80022957 http://d-nb.info/gnd/4192186-0 http://search.japantimes.co.jp/cgi-bin/fl20090524x... http://search.japantimes.co.jp/cgi-bin/nn20090528f...