ชีวิตภายในโรงเรียน ของ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม

วันสำคัญ

วันสถาปนาโรงเรียน

เนื่องด้วยวันที่ 3 กรกฎาคม เป็นวันสถาปนาโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ทางโรงเรียนจึงได้จัดงานวันสถาปนาโรงเรียน โดยเลือกในช่วงวันที่ 3 - 10 กรกฎาคมของแต่ละปี ทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียน อาทิ พระพุทธสุทธิมงคลชัย, ท่านปั้น อุปการโกษากร และ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้งนมัสการพระสงฆ์ เพื่อทำบุญโรงเรียนในช่วงเช้า บริเวณสนามโรงเรียน หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ประเพณีของโรงเรียน

กิจกรรมวันมุฑิตาจิต

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

ฟุตบอลประเพณี

ฟุตบอลประเพณี โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เป็นการแข่งขันกีฬา ฟุตบอล ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในแต่ละปี เพื่อการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างระดับชั้นก่อนสำเร็จการศึกษา จัดโดยคณะกรรมการนักเรียน ในช่วงภาคเรียนที่ 1 โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ทางคณะกรรมการนักเรียนตัดสินใจ ใช้ชื่อ "ปั้นรังสฤษฎ์เกม" สำหรับการแข่งฟุตบอลประเพณี ตามชื่อของอาคารปั้นรังสฤษฎ์ ซึ่งเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในช่วงนั้น และมีชื่อคล้ายกับ ท่านปั้น อุปการโกษากร ผู้อุปถัมภ์วัดสุทธิวราราม

กิจกรรมภายในโรงเรียน

กิจกรรมภายในโรงเรียนที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเรียน ประกอบไปด้วย กิจกรรม Suthi Music Award, กิจกรรมแห่เทียนเข้าพรรษา, กิจกรรมเทศน์มหาชาติ และ กีฬาสี "พัชรบงกชเกม เป็นต้น

กีฬาสี

กีฬาสีโรงเรียนวัดสุทธิวรารามใช้ชื่อว่า "พัชรบงกชเกมส์" โดยจะจัดขึ้นในภาคเรียนที่ 2 เป็นประจำทุกปีการศึกษา โดยส่วนมากจะจัดในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม โดยเป็นการแข่งขันกีฬาภายในของนักเรียนทุกระดับชั้น อาทิ ฟุตบอล บาสเกตบอล ปิงปอง แบดมินตัน และ ชักเย่อ เป็นต้น

  • การจัดงานกีฬาสีขึ้นภายนอกโรงเรียน

โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีการจัดงานกีฬาสีภายนอกบริเวณโรงเรียนเป็นครั้งแรกเมื่อปีการศึกษา 2520 ที่สนามศุภชลาศัย ในสมัยของนายเจิม สืบขจร เป็นผู้อำนวยการ ต่อมาเมื่อพ.ศ. 2532 ได้มีการริเริ่มกิจกรรมแปรอักษรขึ้นเป็นครั้งแรก โดยในครั้งนั้นจัดขึ้นที่สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สนามจารุเสถียร หรือ สนามจุ๊บ) โรงเรียนวัดสุทธิวรารามมีการจัดกีฬาสีภายนอกบริเวณโรงเรียนเรื่อยมา โดยจัดขึ้นที่สนามกีฬาอื่นๆอีก เช่น สนามศูนย์ฝึกกีฬาเฉลิมพระเกียรติ บางมด เป็นต้น โดยการจัดกิจกรรมกีฬาสีภายนอกบริเวณโรงเรียนเกิดขึ้นครั้งสุดท้าย ในปีการศึกษา 2544 จัดขึ้นที่สนามเทพหัสดิน กรีฑาสถานแห่งชาติ ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2545 จากนั้นตราบจนปัจจุบันก็ไม่มีการจัดงานกีฬาสีภายนอกบริเวณโรงเรียนอีกเลย

กิจกรรมเชียร์

นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทุกคนที่เข้าศึกษาในแต่ละปีนั้น จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมเชียร์ทุกคน ย้กเว้นนักเรียนที่สมัครเข้าเป็นลูกเสือ กองร้อยพิเศษเพชรบงกช และนักเรียนดุริยางค์ เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1ทุกคนมีการเตรียมความพร้อมก่อนวันงานกีฬาสี ทั้งนี้เนื่องจากนักเรียนชั้น ม.1 ทุกคนจำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินนักเรียน ตามมาตรฐานของโรงเรียน โดยเป็นระดับชั้นที่จะขึ้นอัฒจรรย์เชียร์ทั้งในงานกีฬาสี และการแข่งขันกิจกรรมอื่นๆของโรงเรียน ทั้งนี้ได้ปฏิบัติการสืบต่อ จนกลายเป็นหนึ่งในประเพณีการรับน้อง โดยมีรุ่นพี่ คณะครู และคณะกรรมการนักเรียน ร่วมดูแลให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์

ลูกเสือ กองร้อยพิเศษ"เพชรบงกช"

ลูกเสือกองร้อยพิเศษ เพชรบงกช มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานควบคู่กับโรงเรียนวัดสุทธิวรารามมาโดยตลอด และสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนในหลายด้าน อาทิเช่น การประกวดระเบียบแถวและสวนสนามเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ถึง8สมัย โดยคณะกรรมการตัดสินให้โรงเรียนวัดสุทธิวรารามเป็นแชมป์ชนะเลิศระดับประเทศติดต่อกันถึง7ปีซ้อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539-พ.ศ. 2545 และชนะเลิศครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2555

แชมป์ประกวดสวนสนาม7ปีซ้อน

นอกจากความเข้มแข็งด้านระเบียบวินัยในการฝึกซ้อมแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่เป็นที่ยอมรับในแวดวงลูกเสือ เช่น ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้จัดตั้งกองลูกเสืออาสากกต. ขึ้นเป็นกองแรกของประเทศไทย เมื่อพ.ศ. 2550 เพื่อปลูกฝังวิถีประชาธิปไตยให้เยาวชน และสังคมให้การตอบรับอย่างดีจึงได้ขยายไปยังโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศในปัจจุบัน อีกทั้งได้รับการคัดเลือกเป็นผู้แทนคณะลูกเสือไทยไปร่วมงานชุมนุมลูกเสือโลกในหลายครั้ง

สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจพระบรมรูปปั้นหล่อโลหะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบรมรูปปั้นหล่อโลหะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

น้อยคนนักที่จะทราบว่า พระบรมรูปปั้นหล่อโลหะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประดิษฐานอยู่ในห้องลูกเสือ กองร้อยพิเศษ"เพชรบงกช" เป็นมิ่งขวัญให้ครูและลูกเสือของโรงเรียนมาช้านานทำไมถึงสง่างามเช่นนี้ สาเหตุเพราะองค์ล้นเกล้ารัชกาลที่6 เสด็จมาเป็นแบบด้วยพระองค์เอง เป็นผลงานของบรมครูด้านศิลปะท่านหนึ่งของไทย นั่นคือ ศาสตราจารย์คอร์ราโด เฟโรจี หรือท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ท่านนี้นี่เอง

เป็นมิ่งขวัญให้ครูและลูกเสือรัชกาลที่6 เสด็จมาเป็นแบบด้วยพระองค์เอง

ซึ่งที่มานั้นเพราะ เมื่อศิลปินชาวอิตาลีท่านนี้ ทำสัญญารับราชการในสยามเป็นระยะเวลา 3 ปี ด้วยอัตราเงินเดือน 800 บาท แต่ในตอนแรกก็ยังไม่ได้รับการยอมรับมากเท่าใดเนื่องจากยังไม่มีใครได้เห็นฝีมือของท่าน จนกระทั่งท่านได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ซึ่งได้ประทับทดลองเป็นแบบปั้นให้อาจารย์คอร์ราโด และปรากฏว่าศาสตรจารย์คอร์ราโดสามารถปั้นได้อย่างสมจริงเป็นอย่างมาก กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์จึงกราบบังคมทูลฯ เชิญให้รัชกาลที่ 6 มาเป็นแบบจริงให้แก่ศาสตราจารย์คอร์ราโด โดยปั้นเฉพาะพระพักตร์ (พระบรมรูปปั้นนี้) ซึ่งเป็นที่พอพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง และทรงโปรดเกล้าฯให้หล่อโลหะจำนวนไม่มากนัก ถวายเป็นการส่วนพระองค์ จึงเป็นที่ยอมรับของคนในกระทรวง แรกเริ่มศาสตราจารย์คอร์ราโดได้วางหลักสูตรอบรมให้แก่ผู้ที่สนใจในวิชาประติมากรรมซึ่งส่วนมาจบการศึกษามาจากโรงเรียนเพาะช่างโดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆ ซึ่งต่อมาบุคคลที่ผ่านการอบรมก็ได้เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของกิจการงานปั้นหล่อของกรมศิลปากร และมหาวิทยาลัยศิลปากรในเวลาต่อมา

ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505) เดิมชื่อ คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci)ชาวอิตาลีสัญชาติไทย เป็นศิลปินด้านประติมากรรมจากเมืองฟลอเรนซ์ที่เข้ามารับราชการในประเทศไทยตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยถือเป็นปูชนียบุคคลคนหนึ่งของไทยที่ได้สร้างคุณูปการในทางศิลปะและมีผลงานที่เป็นที่กล่าวขานจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งและอาจารย์สอนวิชาศิลปะที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรม ซึ่งภายหลังได้รับการยกฐานะให้เป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยศาสตราจารย์ศิลป์ได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัย มีความรักใคร่ ห่วงใยและปรารถนาดีต่อลูกศิษย์อยู่ตลอดจนเป็นที่รักและนับถือทั้งในหมู่ศิษย์และอาจารย์ด้วยกัน ถือได้ว่าเป็นโบราณวัตถุ​ชิ้นสำคัญ​ที่​ประดิษฐาน​อยู่​ใน​ห้อง​ลูกเสือ​กองร้อย​พิเศษ​เพชร​บงกช​ โรงเรียน​วัด​สุทธิ​ว​รา​ราม​ เป็นมิ่งขวัญให้ครูและลูกเสือ รวมทั้งชาวโรงเรียนวัดสุทธิวรารามตลอดมาหมายเหตุ(ที่มาของพระบรมรูปปั้นหล่อรูปนี้ไม่แน่ชัดว่าประดิษฐานณโรงเรียนวัดสุทธิวรารามตั้งแต่สมัยใด)

ชมรม และชุมนุม

ภายในโรงเรียนวัดสุทธิวราราม อนุญาตให้เด็กนักเรียนจัดตั้งชมรม และชุมนุมภายในโรงเรียนได้อย่างอิสระ โดยภายในแต่ละชุมนุมนั้น ต้องมีคุณครูที่ปรึกษาอย่างน้อย 1 คนและนักเรียนไม่ต่ำกว่า 5 คน จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ภายในโรงเรียนมีชุมนุม และชมรมรวมกันกว่า 105 ชมรม แบ่งได้เป็นทั้งด้านวิชาการ ด้านสันทนาการ ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ด้านความบันเทิง ด้านพัฒนาสังคมและชุมชน และด้านศาสนา

วงดุริยางค์สุทธิวราราม


วงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2498 โดย นายเปรื่อง สุเสวี ซึ่งดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ในสมัยนั้น ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้นักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีความรู้ทางดนตรี และให้เป็นวงดนตรีนำแถวกองลูกเสือของโรงเรียน วงดุริยางค์ของโรงเรียนสุทธิวรารามได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีรุ่นพี่ช่วยดูแล ปกครองรุ่นน้องตลอดมา และพัฒนารูปแบบการแสดงเป็นคอนเสิร์ตในปี พ.ศ. 2511 ได้รับพระราชทาน " คฑาครุฑ" จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นวงดนตรีวงเดียวในประเทศไทยที่ได้รับเกียรติอันสูงสุดนี้วงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวรารามได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสแสดงต่อสาธารชนทั้งในงานของภาครัฐ และเอกชน อีกทั้งมีโอกาสแสดงต่อหน้าที่ประทับ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชดำรัส ผ่านสำนักพระราชวัง และให้ทำหนังสือชมเชย ว่าแสดงได้ดีมาก และต่อมาวงดุริยางค์ของโรงเรียนได้ส่งเข้าประกวดครั้งแรก พ.ศ. 2523 ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันดุริยางค์เอเซียน ครั้งที่ 14 ณ ประเทศอินโดนีเซียจากการแข่งขันครั้งแรกในปี พ.ศ. 2523 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ทางวงดุริยางค์ได้นำประสบการณ์ต่างๆในการบรรเลงและฝึกซ้อม มาใช้พัฒนาวงต่อไป วงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวรารามยังมีส่วนร่วมในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ โดยร่วมเดินขบวนพาเหรดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใช้วงดุริยางค์จากโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก นอกจากนี้ยังวงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวรารามยังเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาและถวายราชสดุดี ในวันปิยมหาราชและวันวชิราวุธเป็นประจำทุกปีอีกด้วยปัจจุบันวงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เปิดทำการสอนและฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ให้แก่นักเรียนที่เป็นสมาชิกของวงดุริยางค์ โดยครูและรุ่นพี่ดุริยางค์ ที่มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ด้านดนตรีสากล โดยทำการเปิดรับสมาชิกทุกปี และในวาระครบรอบ 60 ปี ในปี 2559 อนุพงษ์ อมาตยกุล ศิษย์เก่าและผู้ฝึกสอน วงดุริยางค์สุทธิวราราม จึงได้ประพันธ์เพลง "๖๐ ปี ด.ย.ส.ธ." ขึ้นมา เพื่อฉลองวาระดังกล่าว

ใกล้เคียง

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนราชินี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย

แหล่งที่มา

WikiPedia: โรงเรียนวัดสุทธิวราราม http://maps.google.com/maps?ll=13.712399,100.51219... http://www.multimap.com/map/browse.cgi?lat=13.7123... http://nasongkhla.com/index.php?option=com_content... http://www.terraserver.com/imagery/image_gx.asp?cp... http://data.bopp-obec.info/web/index_view.php?Scho... http://data.bopp-obec.info/web/index_view_history.... http://www.globalguide.org?lat=13.712399&long=100.... http://www.suthialumni.org/ http://www.suthialumni.org/history.php http://www.wikimapia.org/maps?ll=13.712399,100.512...