นโยบาย
ให้ยืม-เช่า (
อังกฤษ: Lend-Lease) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "รัฐบัญญัติส่งเสริมการป้องกันสหรัฐ" (
อังกฤษ: An Act to Promote the Defense of the United States), (Pub.L. 77–11, H.R. 1776, 55 Stat. 31, ตรา 11 มีนาคม ค.ศ. 1941)
[1] เป็นโครงการซึ่งสหรัฐจัดหาอาหาร น้ำมันและ
ยุทโธปกรณ์แก่
ฝรั่งเศสเสรี สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐจีน และต่อมา
สหภาพโซเวียตและ
ชาติสัมพันธมิตรอื่นระหว่าง ค.ศ. 1941 ถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1945 ซึ่งรวมเรือรบและเครื่องบินรบ ตลอดจนอาวุธอื่น มีการลงนามเป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1941 และสิ้นสุดเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1945 โดยทั่วไป การช่วยเหลือนั้นไม่คิดราคา แต่ให้คืนเครื่องมือบางอย่าง (เช่น เรือ) หลังสงคราม เพื่อเป็นการตอบแทน สหรัฐได้รับเช่าฐานทัพบกและเรือในดินแดนฝ่ายสัมพันธมิตรระหว่างสงครามมีการส่งกำลังบำรุงรวม 50,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 659,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐปัจจุบัน) หรือ 17% ของรายจ่ายสงครามทั้งหมดของสหรัฐ
[2] โดยทั้งหมด 31,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐถูกส่งไปบริเตน 11,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐถูกส่งไปสหภาพโซเวียต 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐถูกส่งไปฝรั่งเศส 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐถูกส่งไปจีน และอีก 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐถูกส่งไปฝ่ายสัมพันธมิตรอื่น นโยบายให้ยืม-เช่าย้อนกลับประกอบด้วยบริการอย่างการเช่าฐานทัพซึ่งให้แก่สหรัฐ รวมเป็น 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในจำนวนนี้ 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาจากบริเตนและ
เครือจักรภพ เงื่อนไขของความตกลงกำหนดให้ใช้ยุทโธปกรณ์จนคืนหรือถูกทำลาย ในทางปฏิบัติ มีการคืนยุทโธปกรณ์น้อยมาก มีการขายกำลังบำรุงที่มาถึงหลังวันสิ้นสุดในราคาที่ลดมาก 1,075 ล้านปอนด์ โดยใช้เงินกู้ระยะยาวจากสหรัฐ แคนาดาดำเนินโครงการคล้ายกันที่เรียก ความช่วยเหลือร่วมกัน ซึ่งส่งเงินกู้ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังบำรุงและบริการมูลค่า 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่บริเตนและฝ่ายสัมพันธมิตรอื่น
[3][4]โครงการนี้ยุติการแสร้ง
เป็นกลางของสหรัฐอย่างชะงัดและเป็นก้าวเด็ดขาดจากนโยบายไม่แทรกแซง ซึ่งครอบงำความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐตั้งแต่ ค.ศ. 1931