ประวัติ ของ ไข้หวัดใหญ่สเปน

สมมติฐานเกี่ยวกับแหล่งที่มา

สหราชอาณาจักร

ทฤษฎีของนักวิจัยหลายคนเชื่อว่ากองทหารสหราชอาณาจักรและโรงพยาบาลสนามในเมืองเอตาปล์ (Étaples) ในฝรั่งเศสเป็นจุดกำเนิดของไข้หวัดใหญ่สเปน ทีมนักวิจัยอังกฤษนำโดยจอห์น ออกซ์ฟอร์ด (John Oxford) นักวิทยาไวรัสได้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1999[18] ในปลายปี ค.ศ. 1917 นักพยาธิวิทยากองทัพรายงานว่ามีโรคใหม่ที่มีอัตราการตายสูงซึ่งต่อมาพวกเขาได้ยืนยันว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ค่ายและโรงพยาบาลที่แออัดเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการแพร่กระจายของไวรัสระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยเคมีและจากการโจมตีอื่นๆในสงครามนับพันราย และมีทหารกว่า 100,000 คนผ่านค่ายทุกวัน นอกจากนี้ ยังเป็นบ้านของหมูและสัตว์ปีกซึ่งถูกซื้อเข้ามาเป็นประจำเพื่อเป็นเสบียงอาหารจากหมู่บ้านโดยรอบ ออกซ์ฟอร์ดและทีมของเขาตั้งสมมติฐานว่าไวรัสมีต้นกำเนิดจากนก เกิดการกลายพันธุ์และแพร่ไปยังสุกรที่อาศัยอยู่ใกล้กัน[19][20]

รายงานที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2016 ในวารสารสมาคมการแพทย์จีน (Chinese Medical Association) พบหลักฐานว่า 1918 ไวรัส มีการแพร่กระจายในกองทัพยุโรปเป็นเวลาหลายเดือนและอาจเป็นปีก่อนที่จะมีการระบาดใหญ่ในปี ค.ศ. 1981[21]

ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในปี ค.ศ. 2018 การศึกษาสไลด์เนื้อเยื่อและรายงานทางการแพทย์ที่นำโดยศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาวิวัฒนาการ ไมเคิล โวโรเบย์ (Michael Worobey) พบว่ามีหลักฐานการเกิดโรคจากแคนซัส เนื่องจากมีผู้ป่วยและมีผู้เสียชีวิตน้อยเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในนิวยอร์กซิตี้ในช่วงเวลาเดียวกัน จากการศึกษาผ่านวงศ์วานวิวัฒนาการยังพบหลักฐานว่าเชื้อไวรัสน่าจะมีต้นกำเนิดในอเมริกาเหนือแม้ว่าจะไม่ได้ข้อสรุป นอกจากนี้ ฮีแมกกูตินิน ไกลโคโปรตีน (haemagglutinin glycoproteins) ของไวรัสแสดงว่ามันเกิดและอยู่ไกลไปก่อนปี ค.ศ. 1918 และการศึกษาอื่น ๆ ชี้ให้เห็นว่าการรวมตัวของยีนส์ของไวรัส H1N1 มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นราว ๆ ปี ค.ศ. 1915[22]

ประเทศจีน

หนึ่งในไม่กี่ภูมิภาคของโลกที่ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปนในปี ค.ศ. 1918 คือสาธารณรัฐจีน ซึ่งอาจจะมีไข้หวัดใหญ่ฤดูเล็กน้อยในปี ค.ศ. 1918 (แม้ว่าจะมีการโต้แย้งเนื่องจากขาดข้อมูลในช่วงยุคสมัยขุนศึกของจีน) ในการศึกษาหลายชิ้นมีเอกสารที่แสดงว่ามีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ในจีนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก[23][24][25] สิ่งนี้นำไปสู่การคาดการณ์ว่าไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในปี ค.ศ. 1918 มีต้นกำเนิดในประเทศจีน[26][24][27][28] โดยความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ฤดูที่น้อยและอัตราการตายจากไข้หวัดใหญ่ในประเทศจีนที่ต่ำในปี ค.ศ. 1918 อาจจะอธิบายได้ว่าประชากรชาวจีนมีระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะไวรัสไข้หวัดใหญ่แล้ว[29][26][24]

ในปี ค.ศ. 1993 โคลด แฮนนาว (Claude Hannoun) ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ 1918 สถาบันปาสเตอร์ ยืนยันว่าไวรัสรูปแรกน่าจะมาจากประเทศจีนจากนั้นก็กลายพันธุ์ในสหรัฐอเมริกาใกล้กับบอสตันและจากที่นั่นแพร่กระจายไปยังแบร็สต์ ฝรั่งเศส สมรภูมิยุโรป และทั่วโลกโดยมีทหารและลูกเรือฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นผู้แพร่[30]

ในปี ค.ศ. 2014 นักประวัติศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยเมมฌมเรียลแห่งนิวฟันด์แลนด์ (Memorial University of Newfoundland) ในเซนต์จอนส์ มาร์ค ฮัมฟรีส์ (Mark Humphries) โต้แย้งว่าการระดมกลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวจีนราว 96,000 คน เพื่อทำงานเบื้องหลังแนวรบอังกฤษและฝรั่งเศสอาจเป็นแหล่งที่มาของการระบาด ตามข้อสรุปของเขาในบันทึกที่เพิ่งเปิดเผย เขาพบหลักฐานจดหมายเหตุที่แสดงว่าโรคทางเดินหายใจเกิดขึ้นในภาคเหนือของจีนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1917 ถูกระบุในปีถัดไปโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สเปน[31][32]

รายงานที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2016 ในวารสารสมาคมการแพทย์จีน (Chinese Medical Association) ไม่พบหลักฐานว่าเชื้อ 1918 ไวรัสถูกนำเข้าสู่ยุโรปผ่านทหารและคนงานจีนและคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบหลักฐานการหมุนเวียนของไวรัสในยุโรปก่อนการระบาดแทน[21] การศึกษาปี ค.ศ. 2016 ชี้ให้เห็นว่าอัตราการตายจากไข้หวัดใหญ่ที่พบในคนงานจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุโรปต่ำ (ประมาณ 1/1000) หมายความว่าการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สเปนในปี ค.ศ. 1918 นั้นไม่ได้เกิดจากคนงานเหล่านั้น[21]

การศึกษาในปี ค.ศ. 2018 ของสไลด์เนื้อเยื่อและรายงานทางการแพทย์นำโดยศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาวิวัฒนาการ ไมเคิล โวโรเบย์ (Michael Worobey) พบหลักฐานแย้งที่ว่าโรคนี้แพร่กระจายโดยคนงานชาวจีน โดยสังเกตว่าคนงานที่เข้าสู่ยุโรปผ่านเส้นทางอื่น ๆ ไม่ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโรค ทำให้พวกเขาไม่ใช่เจ้าบ้าน (host) ต้นกำเนิด[22]

อื่นๆ

แฮนนาวพิจารณาสมมติฐานทางเลือกของแหล่งกำเนิด เช่น สเปน, แคนซัส, และแบร็สต์ ซึ่งอาจเป็นไปได้หรือไม่ก็ได้[30] นักวิทยาศาสตร์นโยบาย แอนดรู ไพรซ์ - สมิธ (Andrew Price-Smith) เผยแพร่ข้อมูลจาก หอจดหมายเหตุของออสเตรียที่แสดงว่าไข้หวัดใหญ่เริ่มในประเทศออสเตรียเมื่อต้นปี ค.ศ. 1917[33]

การระบาด

ในขณะที่กองทัพสหรัฐทำการส่งกำลังรบจำนวนมากเพื่อไปทำสงครามในยุโรป พวกเขาก็นำไข้หวัดใหญ่สเปนไปด้วย

เมื่อผู้ติดเชื้อจามหรือไออนุภาคไวรัสมากกว่าครึ่งล้านอนุภาคสามารถแพร่กระจายไปยังบุคคลที่อยู่ใกล้เคียง[34] ค่ายทหารที่หนาแน่นและการเคลื่อนย้ายทหารจำนวนมากในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดการระบาดและเพิ่มอัตราการตาย สงครามได้เพิ่มความร้ายแรงของพลังทำลายของไวรัส มีการคาดการณ์ว่าระบบภูมิคุ้มกันโรคของทหารอ่อนแอลงเนื่องจากการขาดสารอาหาร ความเครียดจากการต่อสู้ และการโจมตีทางเคมี[35][36]

ปัจจัยหลักในการเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกนี้คือการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ระบบการขนส่งสมัยใหม่ทำให้ทหาร กะลาสีและพลเรือนเดินทางได้ง่ายขึ้นและแพร่กระจายโรคได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน[37] อีกประการหนึ่ง คือการโกหกและการปฏิเสธจากรัฐบาลทำให้ประชากรไม่พร้อมที่จะรับมือกับการระบาด[38]

ในสหรัฐอเมริกา โรคนี้ถูกเฝ้าระวังเป็นครั้งแรกในแฮสเค็ลล์เคาท์ตี รัฐแคนซัส ในเดือนมกราคมปี 1918 กระตุ้นให้แพทย์ท้องถิ่นลอร์ลิ่ง มายเนอร์ (Loring Miner) ส่งคำเตือนไปยังวารสารวิชาการด้านการบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา วันที่ 4 มีนาคม 1918 อัลเบิร์ต กิตเชล (Albert Gitchell) หน่วยปรุงอาหาร จากแฮสเค็ลล์เคาท์ตี ถูกรายงานว่าป่วยที่ฟอร์ทไรลีย์ ซึ่งในเวลานั้น อยู่ระหว่างการฝึกของทหารอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทำให้เขาเป็นเหยื่อรายแรกที่มีการบันทึกไว้ของไข้หวัดใหญ่[39][40][41] ในวันเดียวกันนั้น ทหาร 522 นายในค่ายถูกรายงานว่าป่วย[42]เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 1918 ไวรัสได้มาถึงควีนส์ นครนิวยอร์ก[37] ความล้มเหลวในการใช้มาตรการป้องกันในเดือนมีนาคม/เมษายนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในภายหลัง[4]

ในเดือนสิงหาคมปี 1918 สายพันธุ์ที่ดุร้ายยิ่งปรากฏขึ้นพร้อมกันในแบร็สต์ ประเทศฝรั่งเศส ในฟรีทาวน์ เซียร์ราลีโอน และในสหรัฐอเมริกา ในเดือนกันยายนที่อู่ต่อเรือบอสตันและค่ายดีเวนส์ (Camp Devens) (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นฟอร์ตดีเวนส์ (Fort Devens)) ประมาณ 30 ไมล์ทางตะวันตกของบอสตัน ในไม่ช้า หน่วยทหารอื่นๆก็เริ่มเจ็บป่วยเช่นเดียวกับกองทหารที่ถูกส่งไปยังยุโรป[43]

อีกเรื่องที่แปลกคือ เกิดการระบาดอย่างรวดเร็วในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง (ในซีกโลกเหนือ) ซึ่งโดยปกติแล้วไข้หวัดใหญ่มักจะระบาดในฤดูหนาว[44]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไข้หวัดใหญ่สเปน http://jornaldehoje.com.br/a-gripe-espanhola-no-br... http://www.channel4.com/news/articles/world/spanis... http://www.deseretnews.com/article/412123/FLU-EPID... http://news.nationalgeographic.com/news/2014/01/14... http://www.parliament.the-stationery-office.com/pa... http://www.thelancet.com/pdfs/journals/lancet/PIIS... http://www.xtimeline.com/evt/view.aspx?id=65022 http://ec.europa.eu/research/profiles/index_en.cfm... http://www.pasteur.fr/infosci/conf/CRC/Grippe_CRC.... http://www.fic.nih.gov/News/GlobalHealthMatters/Pa...